บทที่ 14
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงก็ขับรถดีๆนะคะ” หญิงสาวยิ้ม แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นสายตาเคียดแค้นจ้องมองมา
“ผมไม่ขับรถประมาทจนไปชนใครตายหรอก!” แทนธีราตวาดใส่จนคนฟังสะดุ้ง
“เอ่อ ขอโทษด้วยค่ะ”
“ผม...ผมก็แค่ล้อเล่นน่ะครับ คุณอย่าถือสาเลย เอาเป็นว่าผมคงขอตัวก่อนล่ะกัน แต่รับรองได้เลยว่าถ้าเราเจอกันคราวหน้า...ผมไม่พลาดแน่” ชายหนุ่มปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วจนกุลธารินทร์นึกทึ่งในความสามารถที่แปลกประหลาดของเขา แต่สิ่งที่ทำให้เธอขนลุกชันไปทั้งตัวคือท้ายประโยคที่จงใจเน้นให้ฟังพิเศษ
แทนธีราจ้องหน้ากุลธารินทร์เนิ่นนาน ก่อนจะกระชากประตูรถให้เปิดออก รีบแทรกตัวเข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับแล้วกำพวงมาลัยแน่นจนปลายนิ้วขาวซีด หญิงสาวถอยออกห่างเพื่อหลีกทางให้เขา แต่ไม่รู้เลยว่าความจริงแล้วอีกฝ่ายอยากให้เธอยืนเป็นเป้านิ่งให้ขับรถพุ่งชนเสียมากกว่า
รถคันหรูขับออกไปจากหน้าร้านด้วยความเร็วสูง กุลธารินทร์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับพฤติกรรมที่ดูคุกคามของเขา เหมือนมีบางอย่างซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากที่หล่อเหลานั้น แต่ถ้ามันเป็นอย่างที่เธอคิดจริง เธอก็ไม่น่าจะมีส่วนทำให้เขาเป็นอย่างนั้น ยกเว้นแค่เรื่องจูบที่อาจจะทำให้เขาไม่พอใจเธอ
“คุณกุลคะ โทรศัพท์ดังน่ะค่ะ หนูก็เลยเอามาให้” เสียงหวานใสของพนักงานสาวดังขึ้นทางด้านหลัง
“ขอบใจจ้ะ” เธอรับโทรศัพท์มาถือไว้ รอจนอีกฝ่ายเดินกลับเข้าไปในร้านถึงกดรับสาย ยังไม่ทันได้หรอกเสียงทักทายลงไปตามมารยาท ปลายสายก็แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“นังฆาตกรเลือดเย็น เธอคงสบายดีอยู่ใช่ไหม”
“นั่นใคร!” หญิงสาวตวาดลั่นด้วยความตกใจ
“ฉันคือมัจจุราชยังไงล่ะ...มัจจุราชที่จะเด็ดชีวิตเธอให้ตายอย่างทรมาน”
“นี่มันไม่ตลกเลยนะ คุณเป็นใคร แล้วเอาเบอร์ฉันมาจากไหน!”
“อยากรู้มากเลยสินะ ทนเอาหน่อยแล้วกัน อีกไม่นานเธอคงได้รู้เองว่าฉันเป็นใคร หึหึ!”
“โรคจิต! อย่าโทรมาก่อกวนฉันอีกนะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ”
“ถ้าคิดว่าจะทำอะไรฉันได้ ขอเตือนให้รีบทำเลยนะ ไม่งั้นเธอเองนั่นแหละที่จะกลายเป็นผู้ถูกกระทำ!” เสียงห้าวทุ้มขู่อาฆาตเอาไว้ ก่อนจะกดตัดสายไปทันที
หัวใจของกุลธารินทร์เต้นรัวเร็วจนแทบจับจังหวะไม่ได้ เธอมองโทรศัพท์ในมืออย่างหวาดหวั่น คำขู่ของอีกฝ่ายทำให้มือไม้สั่นพร่าไปหมด เขาเรียกเธอว่านังฆาตกรและบอกว่าตัวเองคือมัจจุราช นี่มันเรื่องอะไรกัน เธอไม่เคยฆ่าใครตายเสียหน่อย ผู้ชายคนนั้นกล้าดียังไงถึงมาใช้คำพูดนี้กับเธอ
กุลธารินทร์ฉุนเฉียวมากขึ้น เมื่อพบว่ามีเบอร์แปลกติดต่อกลับเข้ามาอีกครั้ง เธอลังเลอยู่เล็กน้อยว่าควรจะกดรับสายดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะพูดให้รู้เรื่องกันไปเลย ในเมื่อผู้ชายคนนั้นยังกล้าโทรมาก่อกวนอีก เธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องไว้หน้าเขาเหมือนกัน
“อะไรของคุณ! ถ้าไม่เลิกกวนประสาทกันฉันจะแจ้งตำรวจจริงๆแล้วนะ”
“อะไรกันน่ะกุล นี่พี่พจน์เองนะครับ” ปลายสายรีบแนะนำตัวเอง ก่อนที่จะทำให้หญิงสาวสติแตกไปมากกว่านี้
“พี่พจน์...พี่พจน์เองเหรอคะ” กุลธารินทร์ทวนชื่อสามีของเพื่อนสนิทเหมือนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“ใช่ครับพี่เอง กุลเป็นอะไรไปเหรอ ทำไมดูอารมณ์เสียจัง”
“กุล...กุลหงุดหงิดนิดหน่อยน่ะค่ะ เมื่อกี้มีใครก็ไม่รู้โทรมากวนประสาท แต่ช่างมันเถอะค่ะ พี่พจน์โทรมาหากุลด้วยตัวเองแบบนี้ มีอะไรด่วนหรือเปล่าคะ หรือว่าฝ้ายเป็นอะไรไป” เธอถามหาเพื่อนสาวด้วยความห่วงใย
“เปล่าหรอกครับ ฝ้ายสบายดี แต่เพิ่งคลอดน้องก็เลยให้พี่โทรมาบอกข่าวดีกับกุล”
“ฝ้ายคลอดแล้วเหรอคะเนี่ย ตายจริง! กุลลืมไปเลยว่าเดือนนี้เป็นกำหนดคลอดของเจ้าตัวเล็ก”
“ลืมนิดลืมหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกน่า กุลเองก็รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานตั้งหลายเดือนนี่นา”
“ขอบคุณที่เข้าใจนะคะพี่พจน์ ว่าแต่ตอนนี้ฝ้ายกับหลานเป็นยังไงบ้างคะ แข็งแรงดีทั้งคู่ใช่ไหม”
“แข็งแรงดีครับ รู้ไหมว่าเจ้าหนูของพี่ตัวอ้วนจ้ำม่ำเชียวนะกุล” คุณพ่อคนใหม่ดูจะตื่นเต้นเสียเต็มประดา
“ได้ลูกชายเหรอคะเนี่ย กุลดีใจกับพี่พจน์ด้วยนะคะ ฝากบอกฝ้ายด้วยค่ะว่าเดี๋ยวกุลจะเข้าไปหา ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลไหนกันเหรอคะ พอดีว่าตอนนี้ลูกค้าที่ร้านไม่เยอะเท่าไหร่ เดี๋ยวกุลจะไปเยี่ยมฝ้ายกับลูกคืนนี้เลยค่ะ” กุลธารินทร์อยากไปเยี่ยมเพื่อนกับหลานชายเวลานี้เลย พจน์บอกจุดหมายปลายทางให้เธอเสร็จสรรพ และไม่ลืมเตือนด้วยว่าให้ขับรถอย่างระมัดระวัง ก่อนจะกดวางสายไป
“เราไม่ได้ขับรถมานี่นา แล้วก็ยังไม่กล้าขับด้วย” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง หากจะใช้บริการแท็กซี่ในช่วงเวลาแบบนี้ก็ดูจะไม่ปลอดภัยนัก ดังนั้นคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขอยืมรถของผู้ช่วยผู้จัดการชั่วคราว รับรองว่าถ้าเธอขับรถด้วยความไม่ประมาท มีสติอยู่กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทุกอย่างต้องราบรื่นแน่
คิดแล้วกุลธารินทร์ก็รีบเดินกึ่งวิ่งกลับเข้าไปในร้าน เพื่อขอยืมรถของลลิตาไปใช้ก่อนสักสองสามชั่วโมง และรับปากว่าจะกลับมาให้ทันเวลาปิดร้านในช่วงเที่ยงคืน ซึ่งรายนั้นก็ยินดีอย่างไม่มีอะไรขัดข้อง เพียงแต่ขอให้เธอขับรถอย่างระมัดระวังเหมือนที่ทุกคนพยายามเตือนมาตลอด แน่นอนว่ากุลธารินทร์จะไม่ยอมพลาดอีกเป็นครั้งที่สองหรอก
