บท
ตั้งค่า

บทที่ 13

“พี่ก็ยังไม่ง่วงเหมือนกัน เดี๋ยวนั่งเป็นเพื่อนทิพย์ก่อนก็ได้” รชานนท์โกหก ความจริงเขาเพลียจนแทบจะนั่งหลับได้อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเพิ่งสองทุ่มเศษ แต่งานที่ต้องตรากตรำทำมาทั้งวันก็เล่นเอาสูญเสียพลังงานไปเยอะเลยทีเดียว นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นห่วงทิพย์ธารี เขาคงไม่มานั่งให้ลมเย็นสบายโอ้โลมชวนให้ง่วงหนักขึ้นแบบนี้หรอก

ทิพย์ธารีชวนชายหนุ่มผู้พี่คุยอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเธอคนเดียวที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วอยู่กับตัวเอง รชานนท์เอนศีรษะพิงพนักชิงช้าหลับสนิทไปแล้ว ดูไม่ต่างจากเด็กวัยกำลังกินกำลังนอนนัก เห็นแบบนี้แล้วรอยยิ้มของหญิงสาวก็พลันเลือนหาย ถ้าไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในคืนนั้น ตอนนี้น้องอ้อนคงกำลังนั่งอยู่บนตักของเธอ แล้วหาคำถามให้คุณอาปวดหัวได้ไม่หยุดหย่อน

“ตอนนี้น้องอ้อนของอาทิพย์อยู่ที่ไหนกันนะ...หนูคงอยู่กับคุณแม่ใช่ไหมลูก” ทิพย์ธารีแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า และร้องไห้ออกมาเงียบๆเพื่อไม่ให้รบกวนคนที่นอนหลับอยู่ข้างกาย

ในฐานะอาและน้องสะใภ้เธอเองก็เจ็บปวดเหลือแสนกับการต้องสูญเสียน้องอ้อนกับภัทรรัตน์ไป ฉะนั้นคงไม่ต้องเดาเลยว่าแทนธีราจะเจ็บปวดทรมานมากกว่าเธอกี่ร้อยกี่พันเท่า นับตั้งแต่ต้องสูญเสียลูกเมียไป ความเจ็บปวดใดในโลกนี้ก็คงทำอะไรพี่ชายของเธอไม่ได้ทั้งนั้น เพราะเชื่อได้เลยว่าจะเขาไม่มีทางเจ็บได้มากกว่าที่เป็นอยู่อีกแล้ว

แทนธีราจอดรถอยู่ที่หน้าร้านอาหารแก้วมุกดานานเกือบชั่วโมง หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความแค้นที่อัดแน่นอยู่ข้างใน หากได้เผชิญหน้ากับกุลธารินทร์โดยตรง เขายังนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะห้ามตัวเองไม่ให้บีบคอเธอจนตายคามือได้หรือเปล่า เวลาทุกนาทีเคลื่อนคล้อยผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนแทบรอไม่ไหว แต่ไม่นานนักความอึดอัดก็สิ้นสุดลง เมื่อดวงตาคมมองเห็นรถคันหรูที่แอบขับตามมาทั้งวันแล่นเข้ามาจอดที่หน้าร้าน

ชยางกูรลงมาเปิดประตูให้กับกุลธารินทร์ เขาเดินเคียงคู่เธอเข้าไปในร้านอาหารอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กลับออกมาเพียงคนเดียว เหมือนว่าสวรรค์ต้องการเปิดทางให้แทนธีราได้จัดการกับผู้หญิงสารเลวคนนั้นได้สะดวกขึ้น ชายหนุ่มรอจนชยางกูรขับรถจากไป ถึงได้ยอมเปิดประตูก้าวลงมาจากรถของตัวเอง ร่างสูงสง่าในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแลคทำให้เขาดูเหมือนนักธุรกิจอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าเขาต้องการให้คนอื่นมองเห็นเป็นอย่างนั้น

ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปภายในร้าน กุลธารินทร์ก็เดินยิ้มตรงเข้ามาทักทายเขาด้วยตัวเอง หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้สึกคุ้นตาหนุ่มหล่อตรงหน้าเหมือนเคยพบกันมาก่อน แทนธีราพยายามปั้นยิ้มให้กับคนที่เกลียดแสนเกลียด แต่มันไม่ง่ายเลยสักนิด ดังนั้นเขาจึงทำให้แค่เพียงทำหน้านิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกใดออกมา

“ได้จองไว้หรือเปล่าคะ” กุลธารินทร์ถาม

“จองครับ” เขาตอบสั้นและห้วนจัด

“ถ้างั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะให้เด็กมารับออเดอร์นะคะ กรุณารอสักครู่ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างสุภาพ แต่ก่อนที่จะได้เดินจากไป มือใหญ่ก็คว้าข้อมือเธอไว้แน่น แล้วกระตุกไม่เบานักจนเจ้าของร่างบางเสียหลักเซถลาเข้ามาใกล้ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ คิดจะต่อว่าในความไร้มารยาท แต่เขาสวนขึ้นก่อน

“คุณเดินเซน่ะครับ ผมกลัวคุณล้มเลยรีบดึงไว้ ต้องขอโทษด้วยนะครับ” แทนธีรายิ้มมีเสน่ห์

“เอ่อ...ฉันน่ะเหรอคะเดินเซ?” กุลธารินทร์ถึงกับหน้าเหวอ

“ใช่ครับ ผมว่าคุณคงมาดูแลที่นี่เร็วไป อันที่จริงน่าจะพักผ่อนอยู่ที่บ้านก่อนนะครับ อุบัติเหตุร้ายแรงขนาดนั้นคงทำให้ตัวคุณบาดเจ็บไม่น้อยเลย”

“คุณรู้ได้ยังไงคะ”

“รู้สิครับ ในเมื่อคืนนั้นผมเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ว่าแต่คุณจำผมไม่ได้จริงๆน่ะเหรอ” ชายหนุ่มเหยียดยิ้มหยัน คืนนั้นเธออาจหาญถึงขั้นกล้าจูบเขาที่หน้าห้องน้ำ แต่เวลาผ่านไปแค่เพียงสามเดือนกลับจำกันไม่ได้เสียแล้ว แต่ที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือเธอไม่สนใจจำหน้าของคู่กรณีเลยด้วยซ้ำ นี่คงตั้งใจจะฝังลืมความผิดของตัวเองไปพร้อมกับความตายของลูกเมียเขาเลยกระมัง

กุลธารินทร์หน้าแดงเรื่อขึ้นมา เมื่อคิดจนนึกได้ว่าหนุ่มหล่อตรงหน้าคือใคร ถึงแม้ว่าคืนนั้นเธอจะเมามายขาดสติ ความกล้าพุ่งสูงจนเผลอแสดงกิริยาไม่สมกับเป็นกุลสตรีออกมา แต่เธอก็ไม่เคยลืมจูบแรกที่มอบให้กับเขาไปแน่ น่าแปลกไม่น้อยที่วันนี้เขามารับประทานอาหารเพียงคนเดียว ไม่ได้พาครอบครัวมาด้วยเหมือนคราวก่อน

“จำได้ค่ะ คุณคือคุณพ่อของน้องอ้อนใช่ไหมคะ” เพียงแค่ได้ยินเธอเอ่ยชื่อลูกสาวสุดที่รัก มือของเขาก็กำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนขึ้นจนเห็นได้ชัด แต่ก็ต้องแสดงละครต่อไปให้แนบเนียน

“ใช่ครับ”

“แล้ววันนี้ทำไมน้องอ้อนไม่มาด้วยล่ะคะ” กุลธารินทร์ถามหน้าซื่อ ซึ่งมันทำให้แทนธีราโกรธจัดจนต้องลุกจากโต๊ะ ชายหนุ่มเดินดุ่มออกมาจากร้านด้วยสีหน้าตึงเครียด เอนกายพิงรถของตัวเองด้วยแล้วหอบหายใจแรงระบายความฉุนเฉียว เมื่อมันไม่ได้ทุเลาเบาบางลงเลย เขาจึงปล่อยหมัดพุ่งเข้าไปที่ตัวรถเต็มแรง

ผู้หญิงคนนั้นช่างไร้หัวใจเสียจริง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กผู้หญิงที่เธอกำลังพูดถึง นั่นย่อมหมายความว่าเธอไม่เคยใส่ใจกับสองชีวิตที่ตายไปเลยสักนิด ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งอยากคว้าปืนจากในรถไปกระหน่ำยิงใส่เธอให้ตายกันไปข้าง แต่ความตายไม่ใช่สิ่งที่เธอควรได้รับในตอนนี้ การที่จะชดใช้ให้กับสองชีวิตที่เสียไปได้ เธอต้องตายทั้งเป็นเสียก่อน หากสาแก่ใจมัจจุราชที่ทำหน้าที่ลงทัณฑ์เมื่อไหร่ ค่อยพิพากษาให้เธอตายตกตามลูกเมียของเขาไปทีหลัง

“คุณเป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ” กุลธารินทร์ตามออกมาข้างนอก เพราะเห็นว่าชายหนุ่มมีท่าทีน่าเป็นห่วง

“เปล่า! ผม...ผมมีธุระต้องไปจัดการด่วน ขอโทษด้วยนะถ้าต้องขอยกเลิกอาหารมื้อนี้” เขาพูดโดยไม่ยอมมองหน้าเธอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel