บทที่ 12
ชยางกูรพากุลธารินทร์มาช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองหลวง หญิงสาวดูร่าเริงขึ้นนับตั้งแต่ได้คำยืนยันเรื่องที่ว่าคืนนั้นไม่มีใครได้รับอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิต เธอเดินเข้าออกร้านเสื้อผ้าอยู่สองสามร้าน และพากันไปนั่งรับประทานอาหารว่างที่ร้านอาหารโปรด ชยางกูรสั่งน้ำผลไม้กับเค้กรสส้มมาให้อย่างรู้ใจ ส่วนตัวเขาก็เลือกเมนูกาแฟดำกับเค้กช็อคโกแลตเหมือนเคย
กุลธารินทร์ละเลียดเค้กตรงหน้าอย่างช้าๆ พูดคุยเฮฮากันไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนรักกัน ตลอดเวลาที่เดินควงแขนอยู่กับชยางกูร หรือแม้กระทั่งเข้ามานั่งรับประทานของว่าง เธอกลับรู้สึกเหมือนมีใครบางคนคอยจ้องมองและเดินตามประกบมาตลอด พยายามมองไปรอบตัวก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ เธอจึงทำเฉยเพื่อไม่ให้ชยางกูรเป็นห่วง แต่เขาก็ดูออกอยู่ดี
“พี่เห็นกุลมองซ้ายมองขวาเกือบตลอดเวลาเลย มองหาใครเหรอครับ” ชายหนุ่มถาม
“อ๋อ เปล่าค่ะเปล่า คือกุลก็มองโน้นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อยล่ะค่ะ เราทานเค้กกันดีกว่านะคะ กุลอยากกลับบ้านแล้ว” หญิงสาวเลือกที่จะไม่พูดออกมา เพราะเกรงว่ามันอาจจะเป็นเพียงแค่สิ่งที่คิดไปเอง บางทีเธอคงอยู่ที่โรงพยาบาลนานเกินไป พอได้ออกมาพบปะผู้คนก็เลยพานคิดมาก เธอไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ฉะนั้นคงไม่มีใครคิดร้ายกับเธอหรอก
ชยางกูรไม่คิดจะเซ้าซี้อีก ด้วยรู้ดีว่ากุลธารินทร์ไม่ชอบให้ใครวุ่นวายมากเกินไป เมื่อเธอวางช้อนและยกน้ำขึ้นจิบเป็นสัญญาณว่าไม่ปรารถนาเค้กรสโปรดอีกแล้ว ชายหนุ่มจึงเรียกพนักงานมาเช็คบิล ก่อนจะพากันเดินกลับลงไปยังลานจอดรถ โดยมีสายตาดุดันคู่หนึ่งคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา
สีหน้าของแทนธีราเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เมื่อเห็นว่าคนทำผิดยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เดินยิ้มร่าควงแขนกับว่าที่สามีไปเกือบทั่วห้าง เลือกซื้อของราคาแพงตามร้านรวงต่างๆชนิดไม่เสียดายเงิน แต่แค่จะซื้อพวงหรีดสักพวงมาเคารพศพลูกเมียเขากลับไม่ยอมทำ
ในเมื่อกุลธารินทร์แสดงให้เห็นแล้วว่าไร้จิตสำนึก เขาก็ไม่จำเป็นต้องลังเลใจอีก!
ทิพย์ธารีนั่งอยู่คนเดียวตรงชิงช้ากลางสวน สายลมผะแผ่วลอยมาปะทะผิวอยู่เป็นระยะ พาให้จิตใจที่ขุ่นเคียดจากการหายตัวไปของพี่ชายเริ่มเบาบางลง ป้าลิ้มเดินตรงมาหาหญิงสาวพร้อมกับนมอุ่นจัดในมือ แต่ข้างหลังนั้นมีรชานนท์ตามมาด้วย อันที่จริงเขาควรกลับไปที่บ้านพักใกล้ๆ จัดการอาบน้ำเข้านอนเสีย แต่เมื่อมองมาแล้วเห็นทิพย์ธารีนั่งอยู่คนเดียวก็อดห่วงไม่ได้
“ขอบคุณค่ะป้าลิ้ม ป้าลิ้มนอนก่อนเลยนะคะ เดี๋ยวทิพย์นั่งเล่นสักพักแล้วจะตามไป”
“ค่ะคุณทิพย์” ป้าลิ้มตอบรับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ถึงจะมีคำสั่งให้เข้านอนก่อนได้เลย แต่หญิงสูงวัยก็ไม่ได้สนใจจะทำตาม เพราะอยากรอจนกว่าทิพย์ธารีจะกลับขึ้นเรือนไปเสียก่อน ถึงบริเวณนี้จะเป็นเขตของไร่ไตรชีรารัตน์ ทว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ คนงานที่ว่าจงรักภักดีอาจจะกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาขึ้นมาก็ได้ แต่หากจะมีใครสักคนคิดร้าย คนๆนั้นย่อมไม่ใช่รชานนท์แน่
“อยู่เป็นเพื่อนคุณทิพย์ด้วยนะคะคุณนนท์ ป้าล่ะห่วงเธอจริงๆ” ป้าลิ้มหันมากระซิบกับชายหนุ่ม เมื่อเขายิ้มรับคำขอนั้น ท่านก็ถอนหายใจแล้วเดินตรงไปยังเรือนหลังใหญ่สไตล์ไทยแท้โดยไม่ลังเลอีก
บ้านสองชั้นหลังนี้เป็นสิ่งที่ได้รับตกทอดมาจากรุ่นพ่อแม่ ซึ่งมีมูลค่ากว่าสิบล้านบาท เนื่องจากมีสถาปนิกจากต่างประเทศมาช่วยออกแบบ และตกแต่งเพิ่มเติมให้มีกลิ่นไอแบบยุโรปผสมผสานอยู่ด้วย ตัวบ้านสร้างจากไม้สักทองมาแต่เดิมแล้ว เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นผลิตจากไม้ชิงชันแท้ที่ออกแบบอย่างประณีตงดงาม ในแบบที่ไม่มีใครเหมือน ถึงจะเป็นบ้านสวนที่อยู่ในเขตต่างจังหวัด แต่กลับมีทุกสิ่งครบครันไม่ขาดตกบกพร่อง
เช่นเดียวกับความจริงที่ว่าสาวงามไม่ได้มีเพียงแค่ในเมืองหลวงเท่านั้น...
รชานนท์นั่งลงข้างทิพย์ธารีโดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาต เสี้ยวหน้าด้านข้างของเธอทำให้เขาได้สังเกตเห็นจมูกโด่งสวยที่รับกับริมฝีปากอิ่มสีชมพูธรรมชาติ ขนตาที่เป็นแพหนางอนงามกะพริบขึ้นลงอย่างช้าๆ ดวงตากลมโตที่มักแสดงความไร้เดียงสาออกมาเสมอมีน้ำสีใสคลอรื้นขึ้นมา
“เป็นอะไรไปทิพย์” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบงัน
“ทิพย์...ทิพย์แค่ไม่สบายใจเรื่องพี่แทนน่ะค่ะ ทิพย์กลัวว่าพี่แทนจะทำอะไรที่ไม่ดีต่อตัวเอง” เธอบอกเสียงสั่น พยายามกะพริบตาถี่ๆเพื่อไม่ให้หยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาต่อหน้าอีกฝ่าย
“ไอ้แทนมันโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะทิพย์ พี่ว่ามันดูแลตัวเองได้ อย่าคิดมากเลย”
“ทิพย์รู้ค่ะว่าพี่แทนดูแลตัวเองได้ แต่จิตใจของพี่แทนน่ะสิคะที่ไม่ว่าใครก็เยียวยาให้ไม่ได้สักที”
“เฮ้อ...พี่เองก็ห่วงมันเหมือนกันนะ แต่พี่ว่าทิพย์อย่าเพิ่งร้อนใจนักเลย พี่สัญญาแล้วนี่ว่าถ้ามันไม่ติดต่อมาภายในสามวัน พี่จะพาทิพย์ไปหามันที่กรุงเทพ ถึงจะไร้จุดหมายแต่ก็ดีกว่าต้องมาทนเห็นทิพย์ทำหน้าเศร้าแบบนี้” รชานนท์พูดออกมาด้วยความลืมตัว บางทีคำพูดเพียงเล็กน้อยอาจจะทำให้คนฟังคิดไปไกลเกินขอบเขตก็ได้
“ขอบคุณนะคะพี่นนท์” ทิพย์ธารีไม่ได้คิดอะไร เพราะในสายตาเธอเขาก็เปรียบเสมือนพี่ชายอีกคน
“ทิพย์ขึ้นเรือนเถอะ ค่ำแล้วน้ำค้างแรงนะ เดี๋ยวไม่สบายเอา”
“ขึ้นไปตอนนี้ทิพย์ก็นอนไม่หลับหรอกค่ะ ขอนั่งเล่นอยู่ตรงนี้ไปอีกสักพักก่อน ถ้าพี่นนท์ง่วงก็กลับไปนอนก่อนเลยนะคะ ทิพย์อยู่คนเดียวได้ค่ะ ในรั้วบ้านแบบนี้คงไม่มีใครกล้าแหยมหรอก” หญิงสาวเริ่มยิ้มออกบ้างแล้ว
