กรงรักทัณฑ์ปรารถนา

141.0K · จบแล้ว
เฌอรามิล
63
บท
10.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพราะอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ทำให้หล่อนต้องสูญเสียมารดาอันเป็นที่รัก หล่อนเจ็บปวด เคียดแค้น ชิงชังผู้ทำให้เรื่องเลวร้ายนั้นเกิดขึ้น แต่โชคชะตาก็ช่างซ้ำเติมให้เขากลายมาเป็นผู้อุปการะเด็กกำพร้าอย่างเธออีกจนได้ ความสัมพันธ์จึงยิ่งเลยเถิด...หัวใจถูกย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่จบสิ้น สำหรับใครๆ เขาคือผู้ชายอ่อนโยนแสนดี แต่สำหรับอัญญดาแล้ว อัศน์เดชไม่ได้ต่างอะไรจากมัจจุราชจากอเวจี ที่เข้ามาเพื่อพลาญพร่าทุกความสุขและความดีงามไปจากชีวิตของหล่อน

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันพลิกชีวิตหมอดราม่าดาวมหาลัยโรแมนติก

บทที่ 1 ตอนที่ 1

เสียงฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหนาครึ้มคำรามไม่ลดละน่ากลัว สายฝนโปรยปรายกะปริดกะปรอย ส่อเค้าจะเกิดห่าฝนใหญ่ซัดกระหน่ำหนักในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า แสงสลัวจากดวงไฟสองข้างทางถนนยังพอจะสาดส่องให้ความสะดวกรถที่สัญจรไปมา

แต่หากเป็นประเภทมอเตอร์ไซค์หรือจักรยานคงต้องเร่งรีบกันหน่อย เพราะหากยังไปไม่ถึงที่หมายหรือหาที่หลบพักไม่ได้คงต้องเปียกปอนเพราะพายุฝนมืดทะมึนนี้เป็นแน่

"แม่จ๋า...ขับช้าๆ หน่อยก็ได้จ้ะ...ฝนเริ่มตกแล้วอันตรายนะจ๊ะแม่!"

"ถ้าไม่รีบผ้าที่ตากไว้จะเปียกหมดนะน้ำมนต์ เราต้องซักใหม่เปลืองน้ำ เปลืองผงซักฟอกเข้าไปอีก ฝนดูท่าจะตกหนัก แม่ว่าจะรีบไปรองน้ำฝนไว้ใช้ด้วยจะได้ประหยัดค่าประปา" เสียงแม่ตอบกลับดังแข่งกับเสียงลมและเสียงรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งถูกดัดแปลงต่อเป็นพ่วงข้างเพื่อให้ใช้งานได้มากขึ้น หรือเรียกกันภาษาชาวบ้านว่ารถซาเล้งนั่นเอง

"จ้ะ..." หญิงสาวรับคำโดยไม่โต้แย้ง ด้วยเห็นสมกับเหตุผลที่มารดากล่าว รถของสองแม่ลูกจึงมุ่งตรงไปยังจุดหมายโดยไม่รีรอ เสียงฟ้าร้องอีกแล้วคราวนี้มีแสงแลบแปลบปลาบจนผืนดินสว่างวาบไปทั่วในวินาทีนั้น

ไม่มีบทสนทนาระหว่างนั้น ผู้เป็นมารดาบิดคันเร่งเพื่อนำพาตนเองและลูกกลับไปยังบ้านให้เร็วที่สุด ท่ามกลางเม็ดฝนที่ร่วงปรายลงมา เสียงกรีดร้องของสตรีทั้งสองก็ดังหวีดขึ้นเมื่อรถพ่วงเสียการทรงตัว เนื่องจากมีรถเก๋งที่ขับสวนมาเกิดเสียหลักพุ่งเข้าหาเลนที่แม่ของเธอกำลังขับรถอยู่ ทำให้คนขับหักหัวรถหลบเข้าไปยังเลนด้านขวาซึ่งไม่ใช่ทางของตัวเอง

เสียงดังโครมสนั่นเมื่อรถอีกคันที่ขับตามเก๋งคันก่อเหตุพุ่งชนสองแม่ลูกเข้าอย่างจังเพราะต่างก็ไม่ทันได้ตั้งตัว บวกกับความเร็วทำให้อุบัติเหตุซึ่งไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้นจนได้ มันร้ายแรงและนำพาสู่การสูญเสียรวมไปถึง...ทำลายหัวใจดวงน้อยให้แดดิ้นดับสลายไปด้วยในชั่วพริบตาเดียวนั้น

“แม่จ๋า!!! เด็กสาวกรีดร้องด้วยตัวเองยังมีสติดีอยู่ แต่ผู้เป็นแม่นั้นแน่นิ่งไปแล้วในสภาพเลือดท่วมไปทั้งตัว

เป็นจังหวะเดียวกันที่รถเก๋งซีดานต้นตอปัญหาเองก็ขับตกไหล่ถนนจนพุ่งชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ตัวรถเกิดความเสียหายไม่น้อย ด้านกระโปรงหน้าบุบตามแรงกระแทก ทว่าคนขับยังมีสติอยู่และได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก เขาโอดครวญและเปิดประตูรถเดินโผเผออกมาจากตัวรถโดยเอามือกุมศีรษะที่ท่วมเลือดเอาไว้

ชายหนุ่มหรี่ตามองท่ามกลางสายฝน ความจำเลื่อนลอยกลับมาก่อนหน้าที่อุบัติเหตุจะเกิด เหมือนเขาเห็นบางอย่างตัดหน้าพร้อมด้วยเสียงหวีดร้อง และเสียงการปะทะที่ดังเกินกว่าจะเป็นแค่เพียงตัวเองขับรถชนต้นไม้ นภดลพยายามตั้งสติและมองไปรอบๆ

"มอเตอร์ไซค์คันนั้น..." สิ่งที่เห็นทำเอาหัวใจเต้นระส่ำ ไม่ได้มีแต่เขาเท่านั้นที่ประสบเหตุร้ายแรงนี้ เขาครางเจ็บปวดให้กับร่างสองร่างที่นอนจมกองเลือดท่ามกลางเม็ดฝนที่ร่วงโรยลงมา ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าความสูญเสียทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะความสะเพร่า...ของเขาคนเดียว

ความเจ็บและความสลดใจกดดันโสตประสาทให้หยุดทำงานในบัดเดี๋ยวนั้น ร่างใหญ่ทรุดฮวบลงกับพื้นพร้อมๆ กับสติที่ดับวูบมืดมิดตามไปด้วย

"อ้าว...จะกลับแล้วหรอหมอเพชรอยู่ทานมื้อค่ำด้วยกันก่อนสิ” เสียงเรียกทักจากดวงหทัยซึ่งเป็นนายจ้างของมารดาทำให้ชายหนุ่มหันไปยิ้มรับน้อยๆ สีหน้าของเขาฉายแววยินดีแต่ก็แฝงความเจ็บปวดเอาไว้ไม่สร่างซา

“ผมลาเลยดีกว่าครับคุณน้า พรุ่งนี้มีนัดกับเพื่อนไปดูพวกอุปกรณ์การแพทย์แต่เช้าด้วยกลัวสายครับ นี่ก็ถูกคุณณกรมอมจนเมาจะแย่อยู่แล้วครับ” นภดลโน้มตัวเป็นการขออภัยในคำเชิญ อันที่จริงเขาไม่ได้เมามายสักเท่าไหร่ เพียงแค่รู้สึกโหยหาความสันโดษเดียวดายให้สมกับสภาพจิตใจตอนนี้ก็เท่านั้น

“เอาเถอะๆ มาอยู่เสียทั้งวันแล้วจะกลับก็ไม่เป็นไรหรอก ขับรถดีๆ นะพ่อหมอ” ดาหลาคุณยายวัยเจ็ดสิบกว่าๆ ที่นั่งอยู่ข้างๆ สามีและลูกเขยหันบอกนภดล

“อืมนั่นสิ นี่ก็มืดค่ำแล้ว...หมอเพชรยังไงลุงกับทุกคนต้องขอขอบใจเรามากๆ เลยนะสำหรับทุกๆ เรื่อง” ธนาพ่องานของค่ำคืนนี้เสริมทัพ เขาพูดด้วยความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ และนภดลก็ควรได้รับคำขอบคุณนี้จากทุกคนด้วย ทุกคนยิ้มส่งเมื่อชายหนุ่มยกมือไหว้และตั้งท่าจะเดินออกไป

“เดี๋ยวฉันไปส่งนะหมอ” ภูมิศิลาดูเหมือนจะเข้าใจดีรีบเดินไปตบไหล่แล้วพากันออกไปข้างนอก โชคดีที่วันนี้แม่หนูน้อยอภษฎาเข้านอนแต่หัววันเพราะเธอซนมาก เล่นจนเหนื่อยและเพลียหลับไปในที่สุด ไม่อย่างนั้นคงร้องไห้โยเยตามพ่ออุปถัมภ์ของเธอเหมือนเช่นเคย

“ขอบใจมากนะหมอ...ฉันนับถือน้ำใจนายจริงๆ ว่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำแม้บางครั้งอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราแอบหวัง และเสียใจกับมันบ้าง แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่ถูกที่ควร เราก็สมควรทำไม่ใช่เหรอครับ” พูดไปแล้วก็ใจหาย เขาจะต้องกลับมาใช้ชีวิตโดดเดี่ยวอีกครั้งหลังจากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบได้เพียงสองปี

แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกอย่างเป็นเพียง...ภาพลวงหลอกตาเท่านั้น

เพราะส่วนที่เคยเข้ามาเติมเต็มชีวิตนั้น มันไม่สมควรจะเป็นของเขาตั้งแต่แรก และเจ้าของที่แท้จริงก็คงรอคอยด้วยความเจ็บปวดอยู่เหมือนกัน ดังนั้นการคืนมธุรสกับอภษฎาคืนสู่อ้อมอกของณกร ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ต่อให้ยื้อยืดยาวเท่าไหร่ ผลลัพธ์มันก็คงไม่ต่างกัน

“ฉันเข้าใจนายนะหมอ...ฉันเชื่อว่าสักวันนายจะเจอเนื้อคู่ของนายเอง คนที่เขารักนาย และนายก็รักเขา...โชคดีนะเพื่อน”

“เช่นกันครับคุณภูมิ...ฝากจัสมินกับน้ำหวานด้วยนะครับ” นภดลพยักหน้ายิ้มก่อนจะพูดฝากฝังคนที่ตัวเองแสนห่วง ก่อนจะเดินขึ้นรถขับออกไป

ภูมิศิลามองรถของคุณหมอหนุ่มจนลับหายไปกับท้องถนนและความมืดยามค่ำคืน เขานับถือน้ำใจลูกผู้ชายของนภดลยิ่งนัก ชายหนุ่มอนาคตไกลที่เอาตัวเองเข้ามาปกป้อง ดูแลคนที่ตัวเองรักโดยไม่หวังผลตอบแทนทำได้อย่างนั้น จะมีสักกี่คนที่จะมีจิตใจบริสุทธิ์ ยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้คนที่รักมีความสุขทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองต้องเจ็บปวด

รถเก๋งคันงามวิ่งฉิวตามท้องถนน คนขับใจเลื่อนลอยแทบไม่มีสมาธิกับเส้นทางที่จะไป มันเหมือนว่าตอนนี้เขากำลังหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เหลือไว้แม้แต่หัวใจของตัวเอง

หลังจากภูมิศิลาและทุกคนพาอภษฎามากรุงเทพฯ เมื่อเกือบหนึ่งสัปดาห์ก่อน พ่อกาเหว่าอย่างเขาก็เทียวไล้เทียวขื่อมาหาอยู่ไม่ขาด ความสัมพันธ์ที่ไม่ได้เกิดจากสายเลือด แต่มันคือความผูกพันที่ถูกเชื่อมโยงมาจากความใกล้ชิด ความห่วงหาอาทรซึ่งกันและกันและมันเหนียวแน่นจนเขาไม่อาจข่มใจให้ลืมได้เลย แม้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนก็ตาม

ภาพเก่าๆ บรรยากาศแห่งความสุขลอยวนเวียนหลอกหลอนอยู่ไม่ขาด ไม่ว่าจะเป็นทุกกิริยาอาการของมธุรสผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ หรือภาพของอภษฎายามนอน ยามที่เด็กหญิงหัวเราะร้องไห้แล้วมีเขาคอยประคบประหงมมาตั้งแต่แบเบาะ ต่อไปนี้มันจะไม่มีอีกแล้วความทรงจำที่สวยงามเหล่านั้น มันกำลังจะกลายเป็นเพียงอดีต คนที่เขารักทั้งคู่กำลังโผผินไปสู่อ้อมอกเจ้าของที่แท้จริงของพวกเขา และจะใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขตลอดกาลอย่างพร้อมหน้า พ่อ แม่ ลูก

มือหนายกปาดน้ำตาที่เค้นออกมาจากความเจ็บจุกอย่างอยากจะห้ามใจ ไฟหน้ารถสาดส่องทำให้เห็นว่าถนนด้านหน้าของเขาเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่มีกิ่งไม้ปักบอกเป็นสัญญาณถึงความไม่ปลอดภัยในการสัญจร ชายหนุ่มรีบหักพวงมาลัยหลบด้วยว่าตัวเองนั้นขับมาเร็วพอสมควร ประกอบกับความไม่ชินเส้นทางนี้ทำให้เขาไม่ทันได้ตั้งตัว นั่นเป็นเหตุให้รูปถ่ายครอบครัวที่เขาตั้งไว้หน้ารถเสมอ ร่วงหล่นไปอยู่ตรงใกล้ๆ กับเท้าของเขาที่กำลังเหยียบคันเร่ง ชายหนุ่มละความคิดเรื่องในวันวานก้มลงควานหารูปถ่ายแสนรักที่เหลือบเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่ามันอยู่ในตำแหน่งไหน

มือใหญ่วนคว้าให้เจอกรอบรูปถ่ายโดยไว ทั้งที่ตานั้นยังมองถนนและมืออีกข้างก็ยังหมุนพวงมาลัยบังคับทิศทางของรถอยู่ ปลายนิ้วแตะโดนของแข็งบางอย่างแต่ไม่สามารถคว้ามันมาไว้ในมือได้ เนื่องจากเขาก้มจนสุดเอื้อมแล้ว ชายหนุ่มตัดสินใจละสายตาจากท้องถนนก้มลงเก็บรูปถ่ายใบนั้น โดยหารู้ไม่ว่า ในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววิ...รถของตัวเองกำลังพุ่งไปยังเลนตรงกันข้ามเสียแล้ว

“ว้าย!” เสียงของสตรีสองนางที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ดัดแปลงสวนมาประสานร้องกรีดลั่นท้องถนน คนขับซึ่งดูอาวุโสกว่ารีบหักลบรถเก๋งที่เสียหลักเข้ามาอยู่ในเส้นทางของพวกตน โดยข้ามล้ำไปยังเลนขวา เป็นเหตุให้รถอีกคันที่ตามหลังรถของนภดลเฉี่ยวชนเข้าเต็มแรง

“เอ๊ย!!” เป็นจังหวะเดียวกันที่นภดลก็หยิบรูปถ่ายได้และเงยหน้าขึ้นมาพอดี พอรู้ตัวว่ากำลังอยู่ในอีกเลนหนึ่งและมีรถมอไซค์อยู่ด้านหน้า ถ้าจะหักกลับเส้นทางของตัวเองก็ไม่ทันเสียแล้วชายหนุ่มจึงตัดสินใจหักพวงมาลัยลงข้างทางด้านขวามือที่รถของตัวเองกำลังวิ่งผิดที่ผิดทางอยู่

เสียงปะทะดังลั่นเมื่อรถของนภดลชนเข้ากับต้นไม้อย่างจัง