ตอนที่ 2-2 : นัดบอดของคุณป้า
พอได้รับข้อความมาตามสายอีกรอบ จึงหยิบมันขึ้นมารอรับรูปที่ส่งตามมาติด ๆ
ผมดำขลับความยาวประเอวรับริมฝีปากกระจับแดง รอยยิ้มหวานสังเกตได้ชัดว่ามีลักยิ้มตรงมุมปากเหมือนยัยน้องอริส! อดีตลูกสะใภ้คุณแม่ที่เคยหักอกกัน
ความแตกต่างกันคือเธอดูหวานกว่า ตากลมโตสว่างใสดูไร้พิษภัย
นี่มัน! นางพจมานบ้านทรายทองชัด ๆ ถักเปียด้วยก็ใช่เลย...
ยอมรับว่าความสวยของแม่พิมพ์ลภัสอะไรนี่ก็เข้าตาอยู่ คุณแม่ช่างคัดสรรเลือกได้ตรงใจสเปคหนุ่มน้อยใหญ่เฮอะ! ไม่มีทางซะหรอก คอยดู... พ่อจะตะเพิดให้เรียบ!
คิดพลางแค่นหัวเราะอย่างนึกขันกับความพยายามหาลูกสะใภ้ของคุณนายขวัญฤดี
เขาไม่ได้ตอบไลน์แม่ ไล่ปัดดูรูปถ่ายในหลายอิริยาบทของเธอไปเรื่อย ค่อยชะเง้อคอมองหาเป้าหมาย
สนามบินตั้งใหญ่ จะหากันเจอยังไงล่ะ แล้วยัยเด็กนี่เตรียมเอกสารอะไรมาครบหรือเปล่า?
ความคิดหลายอย่างปรี่ประดังเข้ามาในหัว ขณะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ โดยไม่ได้สนใจบรรดาเหล่าสาวน้อยใหญ่ที่ส่งสายตาลอบมองมาเป็นระยะ
ธรรมดาของคนหน้าตาดี วิศวกรหนุ่มดีกรีนอกปริญญาโทอ็อกซ์ฟอร์ด กระดิกนิ้วเรียกสาวคนไหนให้มา ขี้คร้านจะคลานถึงเตียงเขาภายในสิบนาที
ผิวที่เคยเป็นสีเข้มแทนกลายเป็นผิวขาวผุดผ่องหลังผ่านอากาศหนาวเย็นของเมืองผู้ดีอังกฤษ เหมือนว่าชายหนุ่มดันเป็นผู้ดีตามไปซะเอง ใบหน้าหล่อเหลายังเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะลูกยุของเพื่อนให้ไปผ่านมีดหมอซะบ้างเป็นประสบการณ์ชีวิต
เตชินก็บ้าจี้ถ่อไปถึงเกาหลี! จบท้ายที่เจ็บตัวและไม่ได้อะไรมามากนอกจากจมูกอันเดียว ไม่รู้จะไปเหลามันมาทำไมในเมื่อของเดิมก็ไม่ได้ขี้เหร่...
ในที่สุดเขาจึงหันไปออกกำลังกายให้หนักขึ้นแทน จนตอนนี้ด้วยรูปร่างกำยำเป็นลำสัน พกพาความสูงมาถึงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร
น้องพิมพ์อะไรนี่จะหาเขาเจอได้ยังไง?
คิดพลางชะโงกคอมองไปทั่วทิศทางที่มีผู้คนเดินอยู่ประปราย โดยไม่ทันได้สังเกต
“คุณเตชินหรือเปล่าคะ?” เจ้าของเสียงหวานข้างในทางฝั่งขวาเรียกให้เขาต้องมองขวับตามสาวตัวเล็กน่าทะนุถนอม ความสูงไม่ถึงระดับบ่าอย่างพิจารณา
ผ้าพันคอสีชมพูหวานเป็นแฟชั่นคนละเรื่องกับผมสีทองอาจเพราะเธอรีบ ขณะที่เจ้าตัวก็จัดการได้ดีด้วยการเลือกเสื้อแขนยาวสีเทา กางเกงสีขาว
แม่สาวตัวอ้อนแอ้นเอวบางยิ่งดูตัวเล็กนมโต น้ำหนักคงสักประมาณสี่สิบกว่ากิโลกรัมได้
“ครับ... พี่เอง ลูกชายแม่ขวัญ”
“ฉันพิมพ์ลภัสนะคะ เรียกพิมพ์ก็ได้ค่ะ” แนะนำตัวอย่างประหม่าเล็กน้อยกับสายตาของคนแปลกหน้าจนเธอต้องยกมือจับเส้นผมไว้ด้านหลังใบหูอย่างอาย ๆ
“เราไป... กันเลยไหมคะ?”
ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งอึ้ง มองขนตางามงอนเป็นแพหนาเหนือดวงตาสว่างใสกะพรือเบา ๆ ทำหัวใจเขาแทบปลิว! ขนาดว่ายังไม่เห็นจมูกและปากของแม่คุณด้วยซ้ำ...
โอ้ว... น้องพิมพ์ของคุณแม่ สวยทะลุแมสก์!
“คุณเตชินคะ... ไปกันเลยไหมคะ? ได้ยินหรือเปล่า...?”
“ออ... ไม่ค่อยจะได้ยิน ใส่แมสก์ฟังไม่ชัดครับโทษที เรียกพี่ก็ได้น้อง คนกันเอง”
มันคือคำโกหก! ที่ไม่ได้ยินคงเพราะมัวแต่มอง ยังเผลอกลืนน้ำลายตัวเองที่ว่าจะตะเพิดเรียบ...
“ไปกันเลยไหมคะ? คุณ...”
“พี่เตครับ น้องพิมพ์... เอกสารครบนะครับ ใบรับรองแพทย์ ลงทะเบียนขอใบ COE [1] ผ่านเว็บไซต์เรียบร้อยแล้วเนอะ?”
“ค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ... ครบหมดทุกอย่างแน่นอน” เธอตอบด้วยรอยยิ้มหวานเสียจนเห็นตาหรี่เล็กลง ยังยกมือประนมแนบอกอย่างนอบน้อม
“ขอบคุณนะคะ คุณเตชิน ขอบคุณแทนป้าขวัญด้วยค่ะ”
“ไหว้ทำไมเล่า... พี่แก่หมด แล้วเรียกพี่ก็ได้ ไม่ต้องมาคงมาคุณหรอก มาเกรงใจอะไร พี่จะกลับไทยอยู่แล้วทางผ่านทางเดียวกัน”
หญิงสาวกลอกตาไปมาอย่างลังเลก่อนคิดได้ว่ามันคงไม่แปลกอะไรกับคำเรียก ‘พี่’ ตามธรรมดาของคนไทย ป้าขวัญยังบอกว่าลูกชายเพิ่งสามสิบห้าปีหมาด ๆ
“ค่ะ... พี่เตชิน ขอบคุณค่ะ” พูดพลันยกมือไหว้อีกรอบให้โดนว่า
“โอ๊ย...! แม่คนมารยาทงาม พี่บอกไม่ต้องไหว้ เดี๋ยวเถอะ ไหว้อีกทีจะจับผูกมือพันรอบด้วยสายสิญจ์”
ท่าทางฟาดมือของเตชินทำสาวแท้เบิกตากว้างดูยังไงก็เหมือนสาวประเภทสอง แต่อีกนัยหนึ่งอาจหมายถึงว่าเขาเป็นคนขี้เล่นมากกว่า ถึงได้อัธยาศัยดีขี้แซวเหลือเกิน
พิมพ์ลภัสไม่ไหว้เขาแล้วแต่อธิบายเรื่องที่ตั้งใจมาพูด
“พิมพ์ไม่อยากให้คนมองว่าบ้านพิมพ์มีเจตนาไม่ดีน่ะค่ะ ป้าขวัญออกค่าโรงแรมให้พิมพ์เกรงใจมาก”
“ไม่ต้องคิดอะไรหรอกน่ะ รับ ๆ ไปเถอะ แต่ถ้าไม่สบายใจ ไว้เจอแม่พี่แล้วค่อยคุยกันเรื่องนี้ดีไหม?”
“ดีเหมือนกันค่ะ พี่เต พิมพ์ขอบคุณนะคะ” ในท่าทางจริงใจของเธอกระทั่งแววตาใสซื่อ
เตชินเห็นว่าแม่สาวคนงามช่างทำตัวดี น่ารักสมคำโม้ของแม่ เขาคงไม่อยากเสียเวลา จึงพากันเดินไป
