ตอนที่ 1-2 : หนุ่มเกียร์ช้ำรักกะหล่ำปลี
ตลอดหนึ่งปี การใช้ชีวิตในต่างแดนเป็นวิศวกรของบริษัทแห่งหนึ่ง สลับรับจ้อบไปเรื่อยเปื่อย นับว่าเขาได้อะไรเยอะนอกจากประสบการณ์การทำงาน
เตชินมีแพลนว่าจะเรียนปริญญาเอกอีกใบแก้เซ็ง ติดเรื่องคำเชิญไปร่วมงานปาร์ตี้จากบัดดี้ทั้งหลาย...
แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็สายปาร์ตี้! เข้าผับเป็นนิจ เปลี่ยนสาวเรื่อยเปื่อยเหมือนเปลี่ยนรองเท้ากระเป๋า ได้กลับมาอังกฤษอีกครั้งหลังหิ้วปริญญากลับไปให้แม่ชื่นใจ เขาคงอยากระลึกความหลัง จับแหม่มสักคนสองคนมากกหน้า-หลังเป็นรางวัลชีวิตตัวเอง
ทว่าเขากลับตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เลิกคบแก๊งสุรานารี ด้วยความรักตัวกลัวตายขึ้นมาเสียอย่างนั้น...
ใช่! เตชิน สิงหวัฒน์ สมิงหนุ่มผู้หิวกระหายเคยโลดโผนอยู่ในป่าดงดิบ ไม่ได้ออกล่าเหยื่อมามาแรมปี ตั้งแต่สาวน้อยนามว่าโคโรน่าถือกำเนิดบนโลกนี้
ต่อให้เขาจะหื่นแค่ไหน ยังพึงระลึกตัวเสมอว่าถุงยางกันโรคเอดส์ แต่มันไม่ได้กันโควิด! มาอยู่เมืองนอกได้ทำแต่งาน ไม่กล้ามั่วซั่วนอนกับผู้หญิงแปลกหน้า
หากมีสาวอกสะบึ้มมาหยอดมองทอดสะพานให้ พร้อมหน้าตาสะสวยของพวกหล่อนที่ไม่ยอมใส่แมสก์สักคน! เขาจะหลับตาลงแล้วท่องบทสวดมนต์
โควิด! โควิด ๆๆ โควิด!
อารมณ์หื่นกระหายสามารถหายไปในชั่วพริบตา
ใช่เหตุผลเพียงเท่านั้น โรคระบาดครั้งใหญ่กระทบกับงานก่อสร้างของเขาและธุรกิจอื่น นัดหมายต่าง ๆ ยังต้องถูกเลื่อนออกไป เป็นเหตุให้รายได้ลดลง เขาคิดว่าควรสะสมเงินไว้เที่ยวให้หนำใจตอนโควิดหมดจะดีกว่า
นับว่าเขาเก็บเงินได้มาก ในเมืองแห่งศูนย์กลางทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างลอนดอน มีบ้างที่จะต้องย้ายตัวไปทำงานในรัฐอื่น
ผ่านท้องถนนราบเรียบสะอาดตา การจราจรไม่ติดขัดขับรถไปได้เรื่อย ๆ หากไม่มีโรคร้ายแล้วล่ะก็ ผู้คนมากมายจะมาเยี่ยมร้านบูติกสุดหรู ร้านอาหารราคาแพง ช็อปปิ้งให้หนำใจใน carnaby street
ชายหนุ่มทอดความคิดไปเรื่อยเปื่อย พลางลอบถอนหายใจ พอพบสภาพเงียบเหงาของเมืองใหญ่
ประชาชนกักตัวอยู่บ้านเหมือนในประเทศอื่น ๆ หลังมีประกาศจากทางการยกระดับมาตรการเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ในขั้น ‘เทียร์ 4’ ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดจากเดิมที่มีแค่สามระดับ เรียกได้ว่าไม่ต่างจากล็อกดาวน์เป็นเวลา 2 สัปดาห์
ที่นี่มีอัตราคนติดเชื้อสองล้านกว่าคน และมีผู้เสียชีวิตมากขึ้นทุกวัน เมืองนี้ยังมีอากาศหนาวมากกว่าทางอังกฤษตอนใต้
เดือนที่ฝนตกน้อยคือช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกรกฎาคม เอาง่าย ๆ ว่ามันไม่มีหน้าฝนจริงจังเหมือนเมืองไทยแต่มีพายุนาน ๆ ครั้งอย่างเช่นวันนี้
จากงานวิจัยที่ได้อ่านผ่านตามา ความร้อนอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสขึ้นไปสามารถฆ่าเชื้อโคโรน่าไวรัส รวมถึงโรคซาร์ซึ่งเคยแพร่ระบาดมาครั้งหนึ่งทั่วโลก
ตัวเขาเองคงต้องปล่อยมือจากขุมทรัพย์กลับไปอยู่กับแม่ในเมืองร้อน...
“กลับบ้านดีกว่า... แม่จ๋า... คิดถึงแม่จัง” เสียงบ่นพึมพำพลางเบะปากเป็นเด็กน้อย
ระหว่างสามพี่น้อง เตชินสนิทกับแม่มากที่สุด แต่เล็กจนโตเขาเป็นลูกชายขี้อ้อน เอาแต่ใจ ถึงมีไม่ยอมพ่อแม่ในบางครั้ง แม่มักจะตามใจเขามากกว่าพี่ชาย
ตลอดทางขับรถมาถึงชานเมืองร่วมชั่วโมงเศษ เตชินคิดว่าตัวเองตัดสินใจดีแล้วและมันคงไม่มีทางเลือกมากนัก หากไม่กลับคงได้ถูกพี่ชายฆ่าแน่ ๆ
เขาจอดรถยนต์หน้าบ้านโฮสแฟมิลี่ ย่านริมชานเมืองร่มรื่นด้วยต้นไม้สีเขียว ถนนสองเลนส์สะอาดตา พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์สั่นดังจากกระเป๋ากางเกงยีนส์สีซีด
มือล้วงหยิบมันออกมาพร้อมรอยยิ้ม ทันทีที่จอสว่างจ้าปรากฎหมายเลขนำหน้า +66 จากประเทศไทยลงท้ายด้วย MOM เขารีบรับสายแม่อย่างดีใจ
“ว่าไงครับ? แม่... จะให้ผมกลับบ้านวันไหน แม่จองตั๋วยัง?”
เสียงที่เงียบไปครู่ทำดวงตาคู่คมหรี่ลงอย่างสงสัย ก่อนได้รับคำตอบหวาน ๆ
[จองแล้วจ้ะลูก เต... แม่จองตั๋ว Business Class ไว้สองใบ โรงแรมกักตัวทางเลือก ASQ โรงแรม 5 ดาวนะจ้ะ ฝากรับน้องพิมพ์กลับมาด้วยเนอะ ทางเดียวกัน]
