ตอนที่ 6 ชอบกลิ่่นนี้
ชอบกลิ่นนี้
“ถ้าฉันพูดออกไป แล้วนายจะเชื่อในสิ่งที่ฉันพูดหรือเปล่า อีกอย่างนายจะไม่ต่อว่าไม่โกรธฉันใช่ไหม แล้วนายจะไม่คิดว่าฉันใส่ร้ายเมย์เหรอ” เธอลองถามดูเชิงขึ้นมาก่อน เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนมาก เธอก็ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายเท่าไหร่นัก
“ก็ลองเล่ามาก่อนสิ” ตอนนี้เขามีท่าทีที่ดูปกติ ไม่ได้แสดงกิริยาอะไรออกมา เหมือนคนที่กำลังอกหักอยู่ก่อนหน้านั้นเลย
“นายเป็นแฟนกันกับเมย์ แล้วที่นายดื่มจนเมาแทบไม่มีสติแบบนี้ ก็เพราะถูกเธอหักอกมาใช่ไหม” ปาณิศาจึงสรุปได้ทันที ว่าที่เขาเมาแทบไม่ได้สติแบบนี้คือคงจะมีปัญหากันแน่นอน ถ้าเธอคิดไม่ผิด
“ทำไมพี่ถึงรู้ อาการผมมันดูออกขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาถามเธอกลับไปทันที เมื่อเธอพูดเหมือนกับว่ารู้อะไรมาสักอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องของเขา
ปาณิศามีท่าทางลำบากใจขึ้นมา จึงหันไปมองหน้าเขา เมื่อเขาพยักหน้าบอกให้เธอเล่าออกมา เธอจึงจอมเล่าต่อ
“คือ...ฉันเห็นแฟนนาย เอ่อ เมย์มาเที่ยวกับหนุ่มวิศวะเกือบทุกครั้งที่ฉันไปดื่มกับเพื่อนที่่นั่น” เธอจึงตัดสินใจเล่าบอกเขาต่อ ก็ในเมื่อเล่ามาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องไปให้สุด
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่พี่เจอพวกเขาอยู่ด้วย” เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง
“เกือบปีได้มั้ง ฉันก็คิดว่าเขาสองคนเป็นแฟนกันเสียอีก แต่ใครจะไปรู้ว่านายจะเป็นแฟนกันกับเมย์” เธอบอกเขาออกไปตามตรง เพราะเธอก็เข้าใจผิดมาตั้งนาน ว่าดาวคณะนิเทศกำลังคบหาอยู่กับหนุ่มฮอตวิศวะ
“หึ...แสดงว่าแอบคั่วกันลับหลังผมมาโดยตลอด ผมนี่มันโง่จริง ๆ” ชนาวิชญ์แค่นหัวเราะเยาะออกมาทันที เมื่อเริ่มประติดประต่อเรื่องราวที่ผ่านมาตามคำบอกเล่าของปาณิศา และท่าทีของหญิงคนรัก ที่แสดงออกกับเขา แล้วก็ต้องรู้สึกสมเพชตัวเองออกมา ที่ถูกสวมเขามาได้ตั้งนาน
เขาเชื่อใจและให้เกียรติเธอมาตลอด นาน ๆ ครั้งจะไปหาเธอที่คอนโดฯแต่ก็ไม่ค่อย และก็ไม่เคยค้างกับเธอ เพราะกลัวว่าคนจะมองเธอไม่ดี แต่เธอกลับทำอะไรต่ออะไรลับหลังเขามาตลอด
“นายยังโอเคอยู่ไหมวิชญ์” เธอได้แต่แตะไหล่เขาอย่างปลอบประโลม ก่อนที่จะถามขึ้น
“โอเค ผมไม่เป็นอะไรมากหรอก ผมนี่ไม่เอาไหนเลย ชีวิตที่เอาแต่ทำงานจนไม่เคยรู้อะไร ถ้าไม่บังเอิญไปเห็นเองกับตา ก็คงถูกหลอกไปตลอด แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เพราะผมเองก็ไม่มีอะไรจะไปสู้ผู้ชายคนนั้นได้อยู่แล้ว...” ชนาวิชญ์พูดขึ้นอย่างตัดพ้อ และพยายามทำตัวให้สบายขึ้นยอมรับความจริงที่เป็นอยู่ เพราะคิดมาตลอดว่าความสัมพันธ์ของเขาคงจะไปไม่รอดแน่ และวันนี้ก็มาถึงจริง ๆ
“ฉันถึงอยากชวนนายไปทำงานกับฉันนี่ไง ลองดูสักตั้งน่ะวิชญ์ นายไม่อยากเห็นคนที่นายรัก ครอบครัวของนายสุขสบายเหรอ ไปทำงานเบื้องหลังดูก่อน เผื่อโชคชะตาเข้าข้าง นายได้เป็นซุปตาร์ดังขึ้นมาใครจะไปรู้” ปาณิศาหว่านล้อมเขาขึ้นมา เพราะอยากเห็นเขามีหน้าที่การงานที่ดีกว่านี้ ไม่อยากให้เขารับงานพาร์ทไทม์อดหลับอดนอนกลางคืนแล้วตอนเช้าไปเรียนนั่งหลับในห้อง
“ผมกลัวว่าตัวเองจะทำไมได้” ชนาวิชญ์รีบถ่อมตัวทันที เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่มีความสามารถในทางด้านนี้เลย แถมตัวเองยังเป็นคนขี้อายเสียด้วยซ้ำ
“ฉันเห็นความตั้งใจของนายน่ะวิชญ์ ฉันเชื่อว่านายต้องทำได้ พรุ่งนี้ไปดูงานที่กองถ่ายกับฉันน่ะ นายว่างตอนไหนก็บอก เดี๋ยวฉันไปรับที่มหา’ลัยเองน่ะ” เธอเอ่ยขึ้นมาอย่างให้กำลังใจ เพราะเธอเคยเห็นการทำงานของเขาแล้ว ว่ามีศักยภาพมากแค่ไหน
ในสายตาของเธอ ชนาวิชญ์คือผู้ชายที่เพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ถ้าไม่เอาเรื่องฐานะมาเปรียบ คือมีความรับผิดชอบสูง ถึงแม้ว่าจะทำงานดึกมากแค่ไหน แต่เขาไม่เสียการเรียนเลย
“...” เขาพยักหน้ารับให้กับเธอ หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
“ถ้านั้นฉันไปนอนแล้วนะ” เธอเอ่ยบอก และกำลังจะหมุนตัวเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อนสิพี่ปลา” แต่ถูกเขารั้งเอาไว้เสียก่อน
“มีอะไร?” เธอเลิกคิ้วถามเขากลับไปอย่างสงสัย เพราะว่าเธอเองก็เล่าบอกเขาออกไปหมดแล้ว แต่เขายังรั้งเธอเอาไว้อีก
“นอนด้วยกันที่นี่แหละ” เขาพูดเพียงแค่นั้น ก็กระชากร่างบางเข้าหาตัว แล้วทิ้งตัวลงนอน กอดเธอเอาไว้ทันที เพราะขืนช้ากว่านี้ กลัวว่าเธอจะปฏิเสธขึ้นมา
“นี่นาย ว้ายยยย” ปาณิศาร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตกใจ ที่่จู่ ๆ เขาก็ดึงเธอลงไปนอนกอด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังค้านหลังชนฝาอยู่เลย ว่าชายหญิงอยู่ด้วยกันไม่เหมาะ แต่เขากลับเป็นคนทำเสียเอง
“ผมไม่ทำอะไรพี่หรอกน่า ผมแค่อยากลบกลิ่น” และเอากลิ่นพี่เข้าไปแทน ประโยคหลังเขาได้แต่เอ่ยอยู่ในใจ ไม่รู้อะไรดลใจถึงทำให้เขากล้าที่จะทำแบบนี้ลงไป
หากเกิดว่าเธอมีคนรักแล้ว เขาจะไม่ถูกคนรักของเธอมากระทืบใช่ไหม ที่นอนกอดเธอแบบนี้ แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว เธอไม่น่าจะมีใครหรอก ไม่เช่นนั้นคงไม่พาเขาเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเธอแบบนี้ เขาขอคิดเข้าข้างตัวเอง และขอเห็นแก่ตัวสักคืนแล้วกัน
“ด้วยการดึงฉันเข้าไปแทนที่เนี้ยน่ะ” เธอบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงที่มีแต่ความน้อยใจ ที่เขาดึงเธอเข้าไปแทนที่คน(อดีต)รักของเขาแบบนี้
ไม่นานนักก็ไม่มีเสียงตอบกลับโต้ตอบอะไร มาจากคนตัวโตอีกเลย นอกเสียจากเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอที่เป่ารดหน้าเธอ นั่นแสดงว่าเขาได้เข้าสู้ห้วงนิทราไปแล้ว
แต่เธอที่ถูกเขากอดเอาไว้นี่สิ มิอาจจะขมตาหลับลงได้ เพราะไม่เคยอยู่ใกล้ชิดหรือนอนกับเพศตรงข้ามมาก่อนเลย นอกเสียจากบิดา แต่ก็ตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเด็ก เล็ก ๆ อยู่
*
*
*
รุ่งเช้า
ชนาวิชญ์เป็นฝ่ายลืมตาตื่นขึ้นมาก่อน และก็ต้องพบกับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเลย แต่ก็พอจะจำเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อคืนได้ และกลิ่นกายของคนที่เขานอนกอดมาตลอดทั้งคืนนั้นทำให้รู้สึกดีเป็นบ้าเลย เขาชอบกลิ่นนี้จัง มันทำให้เขารู้สึกดีมากเสียจนไม่อยากตื่นเลย แต่ก็ไม่อาจทำตามใจตนเองได้ เพราะหน้าที่ของตัวเองรออยู่
