บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 คนที่เพ้อถึง

คนที่เพ้อถึง

ซึ่งก็ได้ผลจริง ๆ ชนาวิชญ์ชะงักนิ่ง เมื่อได้ยินชื่อคนที่เขารู้จัก และเป็นคนที่ให้ความเมตตาเขามาตลอด ถึงแม้เป็นเวลาเพียงแค่สั้น ๆ ที่เขาได้ทำงานให้แก่บุคคลนี้ ถือว่าเขามีพระคุณคนหนึ่งของเขาเลยก็ว่าได้

“ก็ใช่นะสิ” เธอเสียงยืนยันอีกที

“ขอโทษครับ ผมเมามากไปหน่อย...” อาการเมาได้หายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าคนใต้ร่างที่เขาพยายามทำรุ่มร่ามนี้เป็นใคร ก็รีบขอโทษเธอขึ้นมาทันที อย่างรู้สึกผิด

“ลุกขึ้นได้แล้ว ฉันหนักหายใจไม่ออกด้วย” เธอเอ่ยบอกเขาอีกครั้ง เพราะเขายังไม่ยอมลุกขึ้นจากตัวเธอสักที ทั้งที่มีสติแล้ว

“หายใจไม่ออก เดี๋ยวผมผายปอดให้นะ” แต่เขากลับแซวหยอกเธอขึ้นมาเสียอย่านั้น พร้อมกับก้มหน้าลงมาหาเธอใกล้ ๆ อีก

“ไอ้วิชญ์!!!” เธอขึงตาพร้อมกับตวาดเสียงดุใส่เขา พร้อมกับรวบรวมแรงกำลังที่มี ผลักเขาออกทันที เมื่อเขาเริ่มทำรุ่มร่ามใส่เธออีก แล้วบิดเข้าไปที่สีข้างอย่างแรง

“โอ้ยยย...เจ็บน่ะ” ร่างสูงร้องโอดครวญขึ้นมาทันที

“เจ็บสะบ้าง จะได้สร่างเมาสักที” เธอต่อว่าเขาออกมาอย่างเหลืออด แล้วลุกขึ้นนั่งจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที

“ทำไมถึงพาผมมาที่นี่ล่ะ” ชนาวิชญ์ถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ เมื่อมองสำรวจรอบ ๆ แล้วกลับไม่คุ้นตาเอาเสียเลย

“ก็นายเมาจนพูดไม่รู้เรื่อง แล้วฉันก็ไม่รู้จักที่อยู่ของนายด้วย จะไปส่งถูกได้ยังไง หรือจะให้ฉันขับรถไปถึงขอนแก่นเลยหรือไง ถ้าไม่พามาที่นี่”

“ขอบคุณมากนะครับ ตอนนี้ผมสร่างเมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นผม...” เขารีบขอบคุณเธอทันที เมื่อรู้ว่าเธอเป็นคนพาเขามา และกำลังจะเอ่ยลา

“ค้างที่นี่แหละ” แต่เจ้าของห้องกลับขัดขึ้นมาเสียก่อน เมื่อรู้ว่าเขาจะพูดอะไร

“พี่จะบ้าหรือไงพี่ปลา อยู่ ๆ ก็ชวนผู้ชายให้ค้างด้วย” ชนาวิชญ์เบิกตาโตขึ้นมาทันที เมื่อเธอเอ่ยชวนเขาค้างด้วย

“โอ้ยยย ฉันให้ค้าง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะนอนด้วยกันเสียหน่อย” เธอฟาดไปที่สีข้างของเขาอีกที ก่อนจะก่อนที่จะบอกเขาออกไป

“ถึงยังไงก็ไม่เหมาะอยู่ดี ชายหญิงอยู่ชายคาเดียวกัน”

“นี่นายชักจะหัวโบราณไปไหน นอนก็นอนคนละห้อง ไม่ได้นอนด้วยกันเสียหน่อย คิดไปถึงไหนเนี้ย” ปาณิศาต่อว่าเขาขึ้นมาทันที

“หึ คนบ้านนอกมันหัวโบราณ...” ชนาวิชญ์ได้แต่แค่นยิ้มสมเพชให้กับตัวเอง เมื่อถูกตอกย้ำคำว่าบ้านนอกอีกครั้ง

“ขะ ขอโทษ ฉันไม่ได้จะว่านายแบบนั้น” เธอรีบขอโทษเขาทันที ที่รู้ว่าตัวเองเผลอพ่นวาจาอะไรออกมาที่ทำให้เขาสะเทือนใจ

“ช่างเถอะ ผมไม่ถือหรอก ได้ยินจนชินแล้ว”

ชนาวิชญ์ไม่ได้เก็บเอาคำพูดของเธอมาใส่ใจเท่าไหร่นัก เพราะเขาก็เป็นตามที่คนพูดทุกอย่าง แต่อย่างหนึ่งที่เขาอยากจะค้านคือ เขาไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้น เขาเป็นผู้ชายเขาก็มีความรู้สึกความต้องการเหมือนกัน เพียงแต่อยากให้เกียรติคนที่ตัวเองรักเท่านั้น ถึงแม้ว่าตัวเองจะทรมานก็ตาม

“ถ้าอย่างนั้น นายนอนไปเถอะ หรืออยากจะอาบน้ำก่อนก็ตามสบายเลย แต่ตอนเช้าอย่าพึ่งไปไหนนะ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” ปาณิศาลุกขึ้น แล้วก็สั่งเขาเอาไว้ก่อน เพราะเธออยากจะคุยกับเขา เธออยากได้เขาไปเป็นนักแสดงในความดูแล หากว่าเขายินดี

“คุยเรื่องอะไร คุยตอนนี้เลยก็ได้ เช้าผมมีเรียนแล้วต้องไปเอารถมอ’ไซค์ ที่จอดทิ้งไว้เมื่อคืนด้วย” เขาจึงรั้งเธอเอาไว้ เพราะเช้าเขาคงไม่มีเวลาว่าง

“ฉันกลัวนายจะจำอะไรไม่ได้ รอให้นายหายเมากว่านี้ก่อนดีกว่านี้ก่อนไหม” เธอมองหน้าเขาด้วยความลังเล เพราะเช้ามากลัวเขาจะจำในสิ่งที่คุยกันไม่ได้

“ผมหายเมาแล้ว แค่ยังมึน ๆ หัวอยู่นิดหน่อย คุยได้ผมไม่ลืมหรอก” เขาบอกเธอไป เพราะมั่นใจว่าสติตัวเองครบแล้ว

“เข้าเรื่องเลยน่ะ ฉันอยากพานายเข้าวงการ” ปาณิศาเข้าประเด็นในสิ่งที่ตั้งใจทันที เมื่อเห็นสายตาจริงจังของคนรอฟังอย่างแน่วแน่

“วงการ? วงการบันเทิงเนี้ยน่ะ ทำไม?” ชนาวิชญ์เลิกคิ้วถามขึ้นมา

“อื้มมม ฉันว่าหน้าตาหน่วยก้านนายดี เป็นนักแสดงได้สบายเลย” เธอบอกเขาออกไปตามตรง เพราะเธอก็เห็นในความสามารถและความมุ่งมานะของเขามาตลอด

“ผมทำไม่ได้หรอก แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ได้เรียนเอกการแสดงมาน่ะ” เขารีบปฏิเสธและถ่อนตนทันที เพราะเขาเองก็ไม่ได้เรียนในด้านนี้มาด้วย

“ฉันรู้ แต่แค่อยากจะพานายไปทำงานด้านนี้ดู ไม่ต้องถึงขั้นเป็นพระเอกหรือดาราตัวท็อปก็ได้ แค่ไปทำงานในกอง เงินดีกว่าที่นายทำอยู่ตอนนี้ด้วย”

“ผม...”

“ถ้างั้น ขอถามอะไรอีกหน่อยได้ไหม” เมื่อเห็นว่าเขามีความลังเล เธอจึงอยากจะถามเรื่องส่วนตัวของเขาบ้าง ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาไปดื่มจนเมาไม่มีสติแบบนี้ เพราะคนแบบเขาขยันทำงานจนแทบไม่มีเวลานอนอยู่แล้ว

เขาไม่พูดอะไรสักคำ แต่กลับพยักหน้าแทน เชิงอนุญาตว่าให้เธอถามเขาได้

“คนที่นายเพ้อถึง ที่ชื่อเมย์ ใช่เมยาวีที่เป็นดาวคณะฯเราหรือเปล่า” ปาณิศาถามขึ้นมาทันที เมื่อเริ่มประติดประต่อเรื่องราวขึ้นมา

เพราะเขาเอาแต่เพ้อเรียกชื่อของหญิงสาวอยู่ตลอดตอนไม่มีสติ เธอเพียงแค่อยากรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างของเขากับเธอคนนั้นเพียงแค่นั้น และสิ่งที่เธอเจอมาตลอดว่าควรจะบอกเขาดีหรือไม่ หรือว่าเธอควรจะเก็บไว้เป็นความลับต่อไป เธอเลยลองถามดูเชิงก่อน

“...พวกเราตัดสินใจต้องลองคบกัน เกือบจะได้สองปีแล้ว” ชนาวิชญ์มองหน้าเธอก่อนที่จะพยักหน้าเป็นคำยืนยัน แล้วเอ่ยบอกกับเธอออกไปตามตรง ไม่คิดที่จะปิดบังเลยว่าเขาเป็นอะไรกันกับเมยาวี เพราะเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว

“ไม่อยากจะเชื่อ!” เมื่อได้ฟังคำตอบจากเขา ปาณิศาตกใจขึ้นมาทันที เพราะไม่อยากจะเชื่อ ว่าสาวสวยดีกรีดาวคณะจะคบหาดูใจกับกันเขาจริง ๆ แต่ไม่รู้ว่าถึงขั้นไหนแล้วนั้น ก็ต้องถามจากปากเขาอีกที

“ทำไมพี่ถึงทำท่าตกใจขนาดนั้น หรือว่าพี่ไปเห็นหรือไปรู้อะไรมาอย่างนั้นเหรอ” ชนาวิชญ์ถามเธอขึ้นมาอย่างสงสัย เมื่อเห็นท่าทีของเธอที่ไม่ปกติเมื่อได้ยินคำตอบจากเขา แถมยังหลบสายตาของเขาอีกด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel