บทที่ 3 กบฏ
บทที่ 3 กบฏ
หลงเทียนปรายตามองหญิงสาวตรงหน้าเล็กน้อย รอยยิ้มเล็กผุดขึ้นตรงมุมปาก ท่าทางอ่อนปวกเปียกที่เสแสร้งทำเป็นแข็งแกร่งทำให้เขาอดที่จะนึกขันขึ้นมา ภายในใจอดนึกเอ็นดูในความเข้มแข็งของคนตรงหน้าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
หลงเทียนไม่ตอบสิ่งใดต่ออีก เขาเพียงหันไปหยิบผ้าสะอาดผืนหนึ่งพร้อมกับขวดใส่ยาจากโต๊ะข้างตัว ก่อนจะยื่นมาให้ไป๋ซูเหมิงด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย
ไป๋ซูเหมิงมองหน้าหลงเทียนสลับกับขวดยาด้วยความไม่แน่ใจนัก ทำไมอีกฝ่ายถึงทำเช่นนี้? หรือนี่คือการเยาะเย้ย หรือความเมตตาที่แท้จริง?
“ทำไม?” ไป๋ซูเหมิงเลิกคิ้วขึ้นถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ
“คนของข้าต้องแข็งแรงพอ” หลงเทียนตอบเสียงห้วน “ข้าไม่เลี้ยงคนไร้ประโยชน์”
คำตอบนั้นทำให้ไป๋ซูเหมิงรู้สึกจุกแน่นในอก หญิงสาวจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทางหวาดระแวง คำพูดที่ดูแฝงด้วยเล่ห์กลทำให้ไป๋ซูเหมิงไม่อาจวางใจในวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของชายหนุ่มได้
ไป๋ซูเหมิงยังคงยืนนิ่งค้างอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งหลงเทียนปรายตาคมกริบขึ้นมองอย่างไม่พอใจนัก ส่งผลให้ไป๋ซูเหมิงได้แต่จำต้องรับยาและผ้ามา ก่อนจะค่อยๆ ทำความสะอาดบาดแผลอย่างเงียบๆ
หลงเทียนเฝ้ามองทุกการกระทำของนางด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
“บัดนี้ตระกูลของเจ้าล่มสลายแล้ว ฮ่องเต้มีราชโองการให้ข้าจัดการพวกเจ้าเสียให้สิ้น บัดนี้คุณหนูเช่นเจ้าก็เป็นเพียงเชลยต่ำต้อยคนหนึ่งเท่านั้น” หลงเทียนกล่าวลอยๆ ออกมาพร้อมกับจ้องมองไป๋ซูเหมิงอย่างพิจารณา
ไป๋ซูเหมิงที่เพิ่งทำแผลเสร็จ นางจ้องมองหลงเทียนด้วยสายตาเกรี้ยวกราดออกมา แม้ว่าภายในใจจะนึกหวาดกลัวคนผู้นี้อยู่มาก แต่คำพูดของเขาราวกับน้ำกรดที่ราดรดลงมาในหัวใจของนางจนปวดร้าว
“ตระกูลของข้าหาใช่กบฏ...บิดาข้าภักดีต่อแคว้น ฟ้าดินย่อมเป็นพยานได้” ไป๋ซูเหมิงยืนยันเสียงสั่นเครือ
หลงเทียนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เสียงหัวเราะหึๆ ดังรอดขึ้นในลำคอ ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของไป๋ซูเหมิง ราวกับต้องการมองทะลุเข้าไปในจิตวิญญาณ
“แต่ทว่าหลักฐานแน่ชัด ข้าเห็นด้วยตาตัวเอง” หลงเทียนกล่าวเสียงเย็น “จดหมายลับที่ส่งให้แม่ทัพหยางแห่งแคว้นเจิ้งถูกพบในห้องทำงานของบิดาเจ้า”
ไป๋ซูเหมิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นางไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เป็นไปไม่ได้! บิดาของนางไม่ใช่คนเช่นนั้น
“เป็นไปไม่ได้!” ไป๋ซูเหมิงปฏิเสธเสียงดัง “ต้องมีคนใส่ร้ายบิดาข้า!”
“ใครจะกล้าใส่ร้ายตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุดในเมืองหลวงได้” หลงเทียนโต้กลับ น้ำเสียงไร้อารมณ์ แต่แฝงด้วยความเยือกเย็นที่ทำให้ไป๋ซูเหมิงรู้สึกหวาดหวั่น
“บิดาของข้าถูกใส่ร้าย ข้าจะต้องหาหลักฐานมาแสดงให้เจ้าเห็นให้จงได้” ไป๋ซูเหมิงกล่าวเสียงเด็ดเดี่ยวออกมา หญิงสาวมั่นใจอย่างแรงกล้าว่าบิดาของตนไม่มีวันทรยศต่อแคว้นเป็นแน่
เสียงหัวเราะของหลงเทียนดังไปทั่วกระโจม เขามองไป๋ซูเหมิงอย่างเย้ยหยันกับท่าทางไร้เดียงสาตรงหน้า “ขนาดตัวของเจ้า...เจ้ายังเอาตัวไม่รอดเลย”
ไป๋ซูเหมิงจ้องมองหลงเทียนด้วยความรู้สึกผสมปนเป ทั้งโกรธแค้น ไม่เข้าใจ และหวาดกลัว นางเห็นความเด็ดขาดในแววตาของอีกฝ่าย ราวกับคำตัดสินได้ถูกลงไปแล้ว และไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้
“หรือว่าข้าควรจะเชื่อคนเช่นเจ้าอย่างนั้นหรือ” หลงเทียนถามขึ้นอีกครั้ง สายตาคมกริบจ้องลึกเข้ามา ราวกับจะเจาะทะลุจิตใจ
ไป๋ซูเหมิงก้มหน้าลง กำมือแน่น นางรู้ว่าการโต้เถียงกับชายผู้นี้ไม่เกิดประโยชน์ สิ่งเดียวที่หญิงสาวทำได้คือการนิ่งเฉยไปเสีย ถึงอย่างไรนางจะต้องหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของบิดาของตนให้จงได้
“ในเมื่อพ่อของเจ้าเป็นไส้ศึกของแคว้น เช่นนั้นข้าจะใช้เจ้าเป็นเครื่องมือในการต่อรองกับแคว้นเจิ้ง” หลงเทียนกล่าวเสียงเรียบๆ “ดังนั้นจงอยู่ข้างกายข้าและเชื่อฟังข้าเสียให้ดี...จำเอาไว้”
ไป๋ซูเหมิงเงยหน้าขึ้นมองหลงเทียนด้วยความตกตะลึง นางกำลังจะถูกใช้เป็นเบี้ยตัวหนึ่งอย่างนั้นหรือ
“เจ้า...เจ้าคิดจะทำอะไรกับข้า” ไป๋ซูเหมิงถามเสียงสั่น ร่างกายเริ่มสั่นเทาอีกครั้ง
หลงเทียนลุกขึ้นยืนช้าๆ นางก้าวเข้ามาใกล้ไป๋ซูเหมิง จนไป๋ซูเหมิงต้องเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของหลงเทียนที่สูงใหญ่บดบังแสงสว่างจากด้านหลัง ทำให้เกิดเงาดำทมิฬทาบทับไป๋ซูเหมิง
“เจ้าจะอยู่กับข้า” หลงเทียนกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ในกระโจมแห่งนี้”
ไป๋ซูเหมิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ใบหน้างดงามซีดเผือดลงทันที
“อะไรนะ! ไม่!” ไป๋ซูเหมิงปฏิเสธเสียงหลง “ข้า... ข้าจะไปอยู่กับเชลยคนอื่น!”
“ไม่จำเป็น” หลงเทียนตอบเสียงเรียบ “ข้าต้องแน่ใจว่าเจ้าจะไม่หลบหนี ดังนั้นเจ้าจะอยู่ข้างกายข้าอย่างไม่คลาดสายตาทีเดียว”
คำว่า 'ข้างกาย' ที่ออกมาจากปากของหลงเทียนฟังดูไม่น่าไว้ใจเลยแม้แต่น้อย สำหรับไป๋ซูเหมิง ยิ่งฟังก็ยิ่งชวนให้ขนลุกชันไปทั่วร่างกาย
“เจ้าไม่มีทางเลือก” หลงเทียนกล่าวเสียงเข้ม เมื่อเห็นว่าไป๋ซูเหมิงกำลังจะปฏิเสธอีกครั้ง “จากนี้ไป เจ้าคือคนของข้า”
เขาเอื้อมมือใหญ่ข้างหนึ่งออกไป ก่อนจะคว้าต้นแขนของไป๋ซูเหมิงและออกแรงบีบเบาๆ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ไป๋ซูเหมิงรู้สึกถึงความเจ็บปวดและอำนาจที่เหนือกว่าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
“หากเจ้าคิดจะหลบหนี หรือสร้างปัญหาใดๆ” หลงเทียนกล่าวเสียงกระซิบ ใบหน้าของเขาโน้มลงมาใกล้จนไป๋ซูเหมิงสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว “ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่คิดจะทำ”
แววตาของหลงเทียนเต็มไปด้วยคำเตือนที่ชัดเจน มันเป็นแววตาที่โหดเหี้ยมและเด็ดขาด จนไป๋ซูเหมิงรู้สึกราวกับถูกกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านทั่วร่าง ความหนาวเย็นเข้าเกาะกุมหัวใจจนแทบหยุดเต้น นางมองเห็นเงาสะท้อนของตนเองในดวงตาคู่นั้น เป็นภาพของกวางน้อยที่กำลังติดกับดักของพยัคฆ์ร้ายอย่างสมบูรณ์
คำขู่ของหลงเทียนทำให้ไป๋ซูเหมิงหลับตาลงอย่างช้าๆ อย่างรู้สึกอดสูใจ ความสิ้นหวังเข้าถาโถมจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว นางตระหนักดีว่าชีวิตของตนได้ถูกพยัคฆ์ทมิฬผู้นี้กลืนกินไปแล้ว และนางไม่มีทางรอดพ้นจากกรงขังอันน่าสะพรึงกลัวนี้ไปได้เลย
