บทที่5
“เอพริล!”
“แซนด้า!” นับว่าเป็นการประสานเสียงที่ดังที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมาเลยก็ได้ เบื้องหน้าของเราทั้งคู่คือยัยเพื่อนซี้ตัวดีของฉันที่กำลังยืนตัวสั่นเพราะความโกรธแต่ก่อนที่ฉันจะได้ทันอธิบายหรือเอ่ยอะไรออกไปนั้นยัยบ้านั่นก็ออกตัววิ่งปาดน้ำตาหนีไปซะแล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย ใครก็ได้ช่วยอธิบายให้ฉันฟังทีสิให้ตาย!
“เปลี่ยนคู่ควงอีกแล้วสินะอันซีน คนนี้ดูท่าจะเร้าใจดีนี่” เสียงปริศนาของใครอีกคนดังทักทายขึ้นทำให้ฉันต้องละสายตาจากเพื่อนรักที่กำลังโกรธจัดหันควับไปมองเจ้าของเสียงนั้นทันที
มันเป็นน้ำเสียงที่ทำให้ฉันใจสั่นทันทีที่ได้ยินก่อนที่ฉันจะได้ทันภาวนาให้เสียงนี้เป็นแค่เสียงที่ดังขึ้นแค่ในใจของฉันเท่านั้น ร่างสูงเจ้าของเรืองผมสีเทาก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว นัยน์ตาสีเทาอ่อนที่กำลังจับจ้องมาที่อันซีนอย่างเรียบเฉยยิ่งทำให้ฉันต้องกำหมัดแน่นเพิ่มเข้าไปอีกเมื่อสำนึกได้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยสักนิด
“มันเรื่องที่แกควรสนใจรึไงวะไลน์” ไอ้สารเลวที่ฉันเพิ่งรู้ว่าชื่ออันซีนตอบกลับก่อนจะเอื้อมมือมาโอบไหล่ฉันแสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่ให้ผู้มาเยือนใหม่ที่ฉันไม่เคยลืมใบหน้าหล่อเหลาแต่ทว่าเย็นชาได้เลยแม้แต่วันเดียว
ไลน์
ชื่อๆ นี้ทำไมถึงได้คุ้นหูแบบนี้นะ
ถ้าหากว่ามันเป็นแค่ชื่อที่เหมือนกันเท่านั้นฉันคงจะไม่เสียการทรงตัวและหัวใจจนหมดเรี่ยวแรงแบบนี้ แต่นี่มันอะไร ใครก็ได้บอกฉันทีว่านี่มันเป็นแค่ฝันร้ายที่พอตื่นลืมตาขึ้นมาแล้วทุกอย่างจะหายไป
ใบหน้าของคนใจร้ายคนนี้…ต่อให้ตายฉันก็ไม่มีวันลืม
ผู้ชายชื่อไลน์
“แล้วเจอกันที่สนามเร็วๆ นี้”
“ฉันไม่พลาดแน่ หวังว่าแกคงซ้อมมาอย่างดีจะได้ไม่แพ้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา” จบคำทักทายที่เยือกเย็นร่างสูงที่ปรากฏตัวมาพร้อมกับผู้หญิงอีกคนก็เดินผ่านร่างฉันไปอย่างไร้เยื้อใย ไม่แม้แต่จะเหลียวมองมาที่ฉันเลยสักนิด
อีกแล้วสินะ!
นายทำกับฉันแบบนี้อีกแล้วสินะไลน์ ทอดทิ้งฉันเอาไว้ด้านหลังแล้วเดินไปกับผู้หญิงอีกคนแบบนี้ จะว่ายังไงดีล่ะ คุณคิดว่าเบื้องหลังของนางมารร้ายจะเป็นยังไงงั้นเหรอ
เบื้องหลังที่โหดร้าย สิ่งที่จะสามารถทำลายนางมารร้ายอย่างฉันคนนี้ได้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ว่านั้นก็คือ..ความรู้สึก
ความรู้สึกบางอย่างที่ฉันปิดตายหัวใจเอาไว้ไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด
สิ่งที่นางมารร้ายคนนี้แสนเกลียดชัง
ความรัก!
ผับปิดไปแล้ว
ยัยแซนต้าก็ชิงหนีกลับไปแล้ว
แต่รู้ไหมว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน ปัญหามันดันอยู่ตรงที่ว่ายัยนั่นกลับไปไม่ได้กลับไปตัวเปล่าน่ะสิ! ดันหอบเอาจูเรียสุดที่รักของฉันไปด้วยหน้าตาเฉย และตอนนี้ฉันกำลังยืนห่อตัวรอรับความหนาวเหน็บอยู่ที่ป้ายรถเมล์เพื่อรอแท็กซี่สักคันที่ฉันภวนาให้บังเอิญขับผ่านมาซะที
“นั่นเธอคิดจะยืนรอแท๊กซี่ไปอีกนานแค่ไหน หยุดความหยิ่งยโสเอาไว้ชั่วครู่แล้วกรุณาขึ้นรถมาซะยัยงี่เง่า ฉันไม่มีเวลามายืนรอเธอทั้งคืนหรอกนะจะบอกให้!” น้ำเสียงกวนโมโหของร่างสูงที่กำลังยืนสูบบุหรี่พิงฝาแฝดจูเรียทำให้ฉันสะบัดหน้าหนีเป็นการด่วนก่อนจะเชิดคอให้สูงขึ้นเป็นเท่าตัวทำเป็นไม่เห็นไม่ได้ยินในสิ่งที่หมอนั่นพล่ามออกมา
ให้กลับไปกับคนอันตรายอย่างหมอนี่สู้ให้ฉันเดินกลับคอนโดเองยังจะน่าปลอดภัยซะกว่า
ใครๆ ก็รู้ว่าเขาน่ะมันอันตรายแค่ไหน
สิ่งที่ไม่น่าให้อภัยมากที่สุดและฉันรับไม่ได้เลยก็คือเขา! กล้าดียังไงมาใช้รถรุนเดียวกับฉัน ยี่ห่อเดียวกับฉัน แถมยังสีเดียวกันอีก สมควรแล้วที่เขาจะต้องแพ้ให้กับฉันในการแข่งขันที่ผ่านมาในครั้งนั้น สมควรแล้วจริงๆ
และถ้าฉันเดาไม่ผิด…หมอนี่คงผู้ชายสารเลวที่บอกเลิกยัยแซนด้า ทำไมโลกมันถึงได้กลมแบบนี้นะ!
พรึบ!
“นี่! ทำบ้าอะไรของนาย ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!” ฉันที่กำลังคิดอะไรเพลินถึงร้องลั่นเมื่อจู่ๆ อันซีนก็เดินพรวดพราดเข้ามาอุ้มฉันแนบอก หมอนั่นนอกจากจะทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันบอกแล้วนั้น เขายังเดินหน้าเรียบเฉยไปที่รถของตัวเองอย่างหน้าด้านๆ
“ห้ามแหกปาก ห้ามแตะอะไรในรถของฉัน หน้าที่ของเธอคือหุบปากให้เงียบพูดได้แค่บอกทางกลับบ้านเท่านั้น!” พอฉันทำทีจะอ้าปากเถียงเขาก็ดันเลื่อนใบหน้าโน้มต่ำลงมาเรื่อยๆ จนฉันต้องถอยร่นหนีแต่หนียังไม่ทันไรมือหนาของเจ้าบ้านั่นก็เอื้อมมากระชากเอวของฉันให้ต้องหยุดชะงักซะก่อน…
“ไม่งั้นคืนนี้ของเธอได้จบลงที่คอนโดของฉันแน่!” มีอะไรบางอย่างบอกให้ฉันทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย อาจจะเพราะสายตาดุดันสีดำที่เอาจริงเอาจังคู่นั้น ริมฝีปากบางเฉียบที่ทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับมันครั้งแล้วครั้งเล่า
หรือบางทีนะ
อาจจะเป็นหัวใจอีกดวงที่เต้นรัวเร็วพอๆกับหัวใจของฉันก็ได้!
[คอนโด N]
ด้วยการขับรถที่เกินมาตรตรากฏหมายกำหนดเอาไว้ของอันซีนอาจจะทำให้มีเจ้าของรถหลายคันด่าต้นตระกูลของหมอนี่ตามหลังมาเรื่อยๆ ตลอดทางแต่สำหรับฉันมันเป็นเรื่องปกติประจำวันอยู่
เพราะการขับรถที่โฉบเฉี่ยวของหมอนี่ก็ไม่ได้แตกต่างจากฉันคนนี้เลยสักนิด ฉันคงเอ่ยปากไล่ตระเพิดเขาไปทันทีที่รถจอดสนิทแล้วถ้าไม่ติดว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นรถจากัวน์สีดำของใครบางคนที่ฉันจำได้ขึ้นใจซะก่อน
ป้ายทะเบียนที่เขาอุตส่าห์ไปประมูลมันมาด้วยราคาที่แสนแพง 1 อ.พ มันช่างตลกสิ้นดีที่ฉันกลับรู้สึกจดจำทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างแม้นยำราวกับว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานไม่มีผิดเพี้ยน
รถของไลน์! ผู้ชายที่ฉันคิดว่าเลือดเย็นที่สุดในโลก
ไลน์เป็นนักแข่งรถที่มีฝีมือดีเยี่ยมคนหนึ่งที่ฉันเคยเจอมาเลย พ่อของหมอนั่นเป็นทนายความที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แม่เป็นคุณหญิงที่มีต้นตระกูลสูงส่งราวกับตกหล่นมาจากฟากฟ้าที่แสนไกลก็ไม่ปาน เราเจอกันในสนามแข่งเพราะฉันทำงานเป็นพริตตี้อยู่ที่นั่นเมื่อสามปีก่อน หมอนั่นมาขอซื้อใจฉันด้วยเงินสองพัน มันน่าตลกสิ้นดีที่ฉันตอบกลับคำถามของเขาด้วยการราดน้ำชาใส่หน้าเขาอย่างจัง
และหลังจากวันนั้นหมอนั่นก็มักจะโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอยู่เรื่อย เขาบอกว่าชอบฉันเพราะเกิดมาไม่เคยมีใครราดน้ำใส่เขามาก่อน เหตุผลของคนสองคนที่จะรักกันของหมอนั่นมันช่างน่าขำ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ฉันกลับพบว่าตัวเองได้ตกหลุมพลางหมาป่าตัวฉกาจไปซะแล้ว อาจจะเพราะความเบื่อที่ถูกตื้อหรือใจอ่อนฉันเองก็ยังไม่รู้จนถึงวันนี้ แต่เราก็ตกลงเป็นแฟนกันจนกระทั่งวันนั้นที่ฉันไม่มีวันลืม
จู่ๆ เขาก็เดินมาบอกรักกับฉันทั้งๆ ที่คำๆ นี้ไม่น่าจะหลุดออกจากปากผู้ชายเย็นชาและใจเย็นเป็นน้ำแข็งอย่างเขาได้ สิ้นคำว่ารักคำนั้นที่ทำให้ฉันยิ้มได้ คำว่าเลิกก็ตามมาติดๆ
‘ เธอไม่ใช่นางฟ้าที่ฉันตามหา เราเลิกกันเถอะเอพริล’
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันยิ้มอย่างมีความสุขจริงๆ มันเป็นคืนสุดท้ายก่อนที่ฉันละทิ้งตัวตนจริงๆ โยนทิ้งความอ่อนแอไปกับความรักครั้งแรกที่ไม่สมหวังอย่างไม่มีเหตุผล พลิกผันตัวเองจากผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งมาเป็นยัยตัวร้ายในสายตาทุกคนจนถึงทุกวันนี้
อดีตที่ไม่น่าจดจำพวกนั้นทำไมถึงได้จำขึ้นใจแบบนี้ก็ไม่รู้!
“ไหนๆ นายก็อุตส่าห์มาส่งฉันถึงที่แล้ว ขึ้นไปส่งฉันที่ห้องหน่อยสิ” อันซีนที่กำลังนั่งนิ่งเป็นต้องหันมามองฉันอย่างไม่เชื่อสายตาก่อนรอยยิ้มร้ายกาจจะผุดขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดชวนคิดเพ้อฝันไปไกลของฉันเอง
“ให้ท่า…สินะ!” น้ำเสียงที่ดังขึ้นบวกกับแววตาของผู้ชนะทำเอาฉันอยากจะข่วนหน้าเขาหลายๆ ทีให้หายโมโหแต่ก็ต้องข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ซะก่อน เพราะยังมีใครอีกคนที่อันตรายพอๆ กับหมอนี่กำลังรอประหารฉันอยู่ข้างบนนี่สิ
