sweet spy ชุลมุนวุ่นรัก@บ้านพักอลเวง

150.0K · จบแล้ว
ศรีปุรัม/มณีปุรัม
69
บท
2.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

จะเกิดอะไรขึ้น!! เมื่อแอลถูกขอร้องให้เข้าไปเป็นสายลับเพื่อจับสังเกตพฤติกรรมของ "ริว" หนุ่มหล่อทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลที่จัดได้ว่าเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับ top five ของญี่ปุ่น และจะต้องเข้าไปอยู่ที่นั่นในฐานะเด็กหนุ่มคนหนึ่ง การที่ต้องปิดบังความจริงก็เป็นเพราะความปลอดภัยของตนเอง เพราะนอกจากริวแล้วในคฤหาสน์หลังนั้นก็ยังมีหนุ่มหล่ออีกสามคนพักอาศัยอยู่ด้วย...โอมายก๊อด!! นี่ฉันจะต้องเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นกับผู้ชายอีกสี่คนเหรอเนี่ย...โปรดอย่าคิดว่ามันดีที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดผู้ชายหน้าตาดีถึงสี่คนเพราะว่าตอนนี้ฉันปวดหัวจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้วสำหรับภารกิจที่ได้รับมางานนี้เห็นทีจะต้องหาผู้ช่วยซะแล้ว ....

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันนิยายรักรักวัยรุ่นพระเอกเก่งโรงแรม/มหาลัยรักหวานๆโรแมนติกตลก

บทที่ 1

เมื่อ”ทอฝัน” หรือ “แอล” รู้ว่าพ่อแม่ของเธอจะต้องย้ายไปอยู่ที่อเมริกา เพื่อไปดูแลธุรกิจของท่านหญิงสาวจึงขอตามไปด้วย ซึ่งท่านก็อนุญาตเนื่องจากยังพอมีเวลาอีกประมาณหนึ่งเดือนกว่าที่มหาวิทยาลัยของทอฝันจะเปิด เธอจึงมีโอกาสไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาและไปดูความเจริญของประเทศสหรัฐอเมริกา และเมื่อไปถึงที่นั่นหญิงสาวก็ได้พบกับคุณเรียวสึเกะเพื่อนของพ่อซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่น แต่มาตั้งรกรากอยู่ที่อเมริกา

จากการเจอกันครั้งแรกเรียวสึเกะก็รู้สึกถูกชะตา นั่นอาจเป็นเพราะเขามีลูกชายเพียงคนเดียวและไม่เคยมีลูกสาว ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือลูกชายของเขาก็ไม่ได้นิสัยดีเหมือนทอฝันลูกสาวของเพื่อนรัก ในทางตรงกันข้ามริวกลับชอบทำตัวมีปัญหา และมักจะสร้างเรื่องวุ่นวายให้เขาต้องคอยเข้าไปจัดการอย่างไม่หยุดหย่อน จนในที่สุดเขาต้องตัดสินใจส่งริวไปเรียนต่อทางด้านบริหารธุรกิจที่ญี่ปุ่นโดยให้ “ลุค” คนสนิทที่เขาไว้ใจที่สุดตามไปทำหน้าที่ดูแลชายหนุ่มที่นั่นด้วย ลุคจะทำหน้าที่ดูแลเรื่องความเป็นอยู่ของริวพร้อมทั้งคอยอำนวยความสะดวก รวมไปถึงคอยสอดส่องพฤติกรรมของริวและเด็กหนุ่มอีกสามคน ที่เขาเป็นคนคัดสรรให้เข้าไปอยู่ในคฤหาสน์หลังนั้น เพื่อให้เป็นเพื่อนกับลูกชายของตนเอง ลุคจะต้องคอยรายงานความเคลื่อนไหวให้เขารู้เป็นระยะ ๆ

เมื่อเรียวสึเกะรู้ว่าทอฝันจะต้องไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น ทำให้เขาพูดโน้มน้าวพ่อของเธอให้ส่งเธอไปพำนักอยู่ที่คฤหาสน์ของเขาที่นั่น ซึ่งตอนนี้ริวลูกชายของเขาและเด็กหนุ่มอีกสามคนพักอยู่ และมันใหญ่โตมากพอที่จะให้หญิงสาวไปอยู่ได้อย่างสุขสบาย อีกทั้งที่นั่นจะมีคนดูแลเรื่องอาหารการกินรวมไปถึงเรื่องเสื้อผ้าของเธอก็จะมีคนจัดการให้ และยังมีรถคอยรับส่งเวลาที่หญิงสาวต้องการจะออกไปไหนมาไหน เพียงแต่ว่าทอฝันจะต้องเข้าไปอยู่ที่นั่นในฐานะของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง พ่อกับแม่ของหญิงสาวเห็นดีด้วยจึงตอบตกลง แต่เมื่อทอฝันรู้เรื่องนี้เธอจึงไปขอพบคุณเรียวสึเกะเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้

ใช้เวลาไม่นานนักทอฝันก็มาอยู่ในห้องพักผ่อนที่ถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหรามีสไตล์ ของทุกชิ้นที่นำมาตกแต่งห้องนี้ล้วนแล้วแต่มีราคาแพง แต่ก็บ่งบอกรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี และเมื่อหญิงสาวต้องมานั่งเผชิญหน้ากับเพื่อนของพ่อตามลำพังสองต่อสองในห้องที่ใหญ่โตหรูหราเช่นนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกเกร็งอยู่บ้างแต่ความรู้สึกนี้ก็อยู่กับเธอไม่นาน เพราะที่เธอมาในวันนี้ก็เพื่อต้องการจะพูดถึงเรื่องที่เธอได้รับรู้จากบิดา ทอฝันไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนของพ่อจะต้องเจ้ากี้เจ้าการ เป็นธุระจัดการให้เธอไปพักอยู่กับลูกชายของเขา แทนที่จะพักที่เดิมที่พ่อแม่ของเธอได้จัดเตรียมไว้ให้ ทอฝันจ้องมองเพื่อนของพ่อและลงความเห็นว่า เขาเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่ดูท่าทางเป็นคนใจดี แต่ก็ยังแฝงไว้ด้วยพลังอำนาจบางอย่างที่สามารถทำให้คนที่ได้พบเจอรู้สึกเกรงกลัว เรียวสึเกะยิ้มพร้อมกับชักชวนให้อีกฝ่ายรับประทานน้ำชาพร้อมกับแซนวิชซึ่งตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำเป็นเพื่อนเขา เธอเอ่ยปากขอบคุณจากนั้นก็เริ่มต้นการสนทนาทันทีด้วยความเป็นคนใจร้อน

“ทำไมคุณเรียวสึเกะจะต้องเจ้ากี้เจ้าการเรื่องการจัดหาที่พักที่ญี่ปุ่นให้ฉันด้วยคะ แถมยังให้เข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วยวิธีปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายอีกด้วย มีอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า” ทอฝันเอ่ยปากคาดคั้นที่จะเอาความจริงจากฝ่ายตรงข้าม ฟังดูแล้วเหมือนว่าเธอออกจะพูดจาก้าวร้าวกับผู้ใหญ่ แต่ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะของเธอทำให้เรียวสึเกะไม่ถือสา เขาออกจะชื่นชอบในความกล้าของเด็กรุ่นลูกซะด้วยซ้ำ

“ก่อนที่ฉันจะตอบคำถามของหนูเรามาทำความรู้จักกันก่อนดีไหม ฉันอยากให้หนูเรียกฉันว่าลุงแทนคำว่าคุณเรียวสึเกะทำได้ไหม” หญิงสาวพยักหน้ายินยอม จากนั้นเรียวสึเกะก็อธิบายให้ฟังถึงเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องทำเช่นนั้น ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเขาชวนเธอคุยซะมากกว่า จากท่าทางสบาย ๆ และน้ำเสียงที่เป็นกันเองของเขาก็สามารถทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายและตั้งใจฟังสิ่งที่เขาเล่า

“หนูคงจะรู้ว่ฉันมีลูกชายอยู่คนหนึ่ง” หญิงสาวพยักหน้าแต่เมื่อคิดว่ามันไม่เหมาะสมที่จะทำกิริยาเช่นนั้นกับผู้ใหญ่ ก็ทำให้เธอเปลี่ยนมาเป็นการตอบคำถามของเขาแทน

“ก็พอจะทราบมาบ้างค่ะ”

“แต่ก่อนริวเป็นเด็กดีที่มีนิสัยร่าเริง แต่พฤติกรรมของเขาเริ่มเปลี่ยนไป ตั้งแต่ที่เขาสูญเสียแม่ของเขาไปด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือด จากนั้นเป็นต้นมาริวก็เริ่มเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร เขาเป็นเด็กหนุ่มที่เติบโตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยว เขาขาดแม่ที่จะคอยดูแลอบรมสั่งสอนเขาเหมือนเช่นเด็กคนอื่น ๆ อีกทั้งลุงเองก็มีธุรกิจมากมายที่จะ ต้องดูแลทำให้ไม่มีเวลาที่จะอยู่กับเขามากนัก เขาจึงโตมาอย่างเด็กที่ขาดความอบอุ่น และเป็นเด็กเก็บกดที่คอยสร้างแต่ปัญหามาให้ลุงไม่เว้นแต่ละวัน แต่ลุงก็ไม่โทษเขาหรอกนะ การที่ริวเป็นแบบนี้ลุงเองก็มีส่วนทำให้เขาเป็นเด็กมีปัญหาอยู่เหมือนกัน” เรียวสึเกะเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปที่ใส่รูปของชายหนุ่มหน้าตาดี ผิวขาวสะอาดสะอ้านริมฝีปากหยักได้รูป จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าเรียว คิ้วเข้มกับดวงตาคมคู่นั้นทำให้ใบหน้านั้นดูหล่อเหลาราวกับเทพบุตร ทรงผมพริ้วสีน้ำตาลอ่อนยาวระต้นคอ ด้านหน้ามีผมปรกลงมาปิดบังใบหน้าด้านหนึ่งเอาไว้ ผู้สูงวัยลูบไล้กรอบรูปนั้นอย่างทะนุถนอมและหันมาพูดกับเธอ

“หนูรู้ไหมทำไมลุงจึงส่งเขาไปเรียนที่ญี่ปุ่น”

“ไม่ทราบค่ะ”

“ที่ลุงต้องทำแบบนั้นก็เพราะริวขยันสร้างปัญหาให้ไม่หยุดหย่อน ลุงคิดว่าถ้ายังปล่อยเขาไว้ที่นี่บางทีเขาอาจจะทำลายอนาคตของตัวเอง เพราะปัญหาที่เขาสร้างขึ้นนั้นมันหนักหนาขึ้นทุกที ที่ผ่านมาเขาสร้างปัญหามากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำให้เด็กผู้หญิงที่มีอายุเพียงสิบสี่ปีท้อง หรือการกินเหล้าเมามายทุกวันแถมยังทำตัวไม่ต่างไปจากพวกนักเลง ที่ชอบมีเรื่องชกต่อยกับพวกอันธพาล รวมไปถึงการเทคยาลุงหมายถึงยาเสพติดลุงรู้ดีว่าที่ริวทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะประชดและเรียกร้องความสนใจจากลุง...” เขาพูดเพียงเท่านั้นก็เงียบไปทอฝันจึงออกความเห็นบ้าง

“แอลว่าคุณลุงเองก็รักเขามากทำไมไม่ลองเปิดใจพูดคุยกันล่ะคะ”

“ริวไม่เคยฟังสิ่งที่ลุงพูดสิ่งไหนที่ลุงห้ามเขาไม่เคยรอช้าที่จะทำ และสิ่งไหนที่รู้ว่าลุงต้องการให้เขาทำเขาก็จะทำเฉยชาเหมือนไม่สนใจ ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของเขาเอง”

“แต่การที่คุณลุงส่งเขาไปอยู่ที่ญี่ปุ่นมันเป็นการแก้ไขปัญหานี้ได้จริงเหรอคะ แอลมองว่ามันยิ่งจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างคุณลุงกับเขามากขึ้นไปกว่าเดิมซะอีก”

“ลุงรู้ดีว่าเขาไม่อยากที่จะเห็นหน้าลุง เพราะเขาคิดว่าลุงไม่รักเขา และสนใจอยู่แต่กับการทำงานเท่านั้น แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือทุกสิ่งทุกอย่างที่ลุงทำล้วนแล้วแต่ทำเพื่อเขา ดังนั้นลุงจึงตัดสินใจส่งเขาไปอยู่ที่อื่นเผื่อว่าเขาจะทำตัวให้ดีขึ้นกว่าอยู่ที่นี่ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล เขายังคงมีพฤติกรรมไม่ต่างไปจากเดิม และดูเหมือนครั้งนี้เขาจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับพวกยากูซ่า นั่นคือสิ่งที่ลุงไม่ค่อยจะสบายใจนัก และก็ไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร เพราะถ้าลุงทำอะไรรุนแรงก็จะทำให้แตกหักจนกระทั่งลุงมาพบหนู”