ตอนที่ 5 ปิ่นหยก ปิ่นไม้
ตอนที่ 5
ปิ่นหยก ปิ่นไม้
หลังจากโจวไห่หลงหายป่วย ก็ออกไปทำงานรับจ้างแทบจะทุกวัน พอตกเย็นก็ยังขึ้นเขาไปหาของป่า เพื่อเก็บรวบรวมเงินเอาไว้ซื้อปิ่นปักผม เพื่อนำไปเป็นของแทนใจในการจะสารภาพรักกับผู้หญิงที่เขามีใจให้ ทำให้ช่วงนี้เขาหายหน้าไปจากสหายทั้งสอง
กระทั่งเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน เขาถึงเก็บรวบรวมเงินได้ครบจำนวน ชายหนุ่มดีใจมาก รีบถือกล่องเงินเดินทางเข้าไปที่ตัวอำเภอ เพื่อไปเลือกซื้อปิ่นไม้ ที่เคยมาดูราคาเอาไว้ก่อนแล้ว
“ข้าเอาปิ่นไม้นี้”
“ได้สิ จะซื้อไปฝากภรรยาหรือพ่อหนุ่ม” แม่ค้าเอ่ยถามหน้าตายิ้มแย้ม สองมือก็หยิบปิ่นไม้ ที่ราคาถูกที่สุดในร้าน นำมาห่อด้วยผ้าอย่างดี ก่อนจะยื่นส่งไปให้ลูกค้า
“ตอนนี้ยังไม่ทันได้เป็นอะไรกัน แต่วันข้างหน้าก็ไม่แน่ขอรับ” ไห่หลงยิ้มรับคำพูดนั้นของแม่ค้า
หลังจากได้ของที่ตั้งใจมาซื้อเรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งรอเกวียนเดินทางกลับเข้าหมู่บ้าน แต่เขาไม่ได้ตรงไปที่บ้านของตนเองในทันที กลับเดินอ้อมไปอีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งเป็นทางไปบ้านของเจ้าของปิ่นไม้ที่เขาตั้งใจหาซื้อมานี้
พอมาถึงเขาก็เห็นนางในดวงใจ กำลังยืนคุยกับชายหนุ่มที่เขาจำด้านหลังได้ ว่าคือสหายเซียว เลยรีบหลบหลังต้นไม้ก่อน แล้วแอบชะโงกหน้าไปมองดูเหตุการณ์ พร้อมกับเงี่ยหูฟัง ว่าคนทั้งสองพูดคุยอะไรกันบ้าง
“หงเอ๋อร์ เมื่อสามวันก่อน ข้าไปช่วยงานพี่ใหญ่ที่อำเภอ บังเอิญผ่านร้านขายเครื่องประดับ นึกถึงเจ้าขึ้นมา เลยซื้อปิ่นปักผมมาฝาก”
เซียวหมิงหยาง ยื่นกล่องยาวไปให้คนตรงหน้า มอบปิ่นปักผมที่เขาตั้งใจซื้อมาฝากให้ โดยไม่สนว่าจะจ่ายเป็นเงินจำนวนเท่าใด เขาแค่คิดว่าปิ่นหยกชิ้นนี้คู่ควรที่จะอยู่บนเรือนผมเงางามของผู้หญิงที่เขาแอบมีใจให้มาตั้งแต่วัยเยาว์
“อาหยาง ไม่เห็นต้องลำบากซื้อมาเลย สิ้นเปลืองเปล่า ๆ”
หลันเยี่ยนหงไม่ได้ยื่นมือออกไปรับในทันที เพราะเกรงใจอีกฝ่าย ที่มักจะซื้อของมาฝากนางกับแม่อยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นของกินหรือของใช้
“ไม่ลำบากเลย ข้าเต็มใจ”
ทางด้านชายหนุ่มเห็นหญิงสาวไม่ยอมรับน้ำใจ ก็ถือวิสาสะเอื้อมมือไปคว้ามือของอีกฝ่าย แล้ววางกล่องยาวลงบนมือนั้น
“แกะดูสิ เจ้าชอบหรือไม่”
เยี่ยนหงเปิดกล่องยาวออก หยิบปิ่นหยกที่อยู่ภายในกล่องขึ้นมาดู ประกายตาวาววับยามเมื่อเห็นของสวยงาม ด้วยเป็นเด็กกำพร้าบิดา เงินทองที่มีอยู่ จึงไม่เคยถูกนำมาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เก็บเอาไว้ใช้ซื้ออาหาร ซื้อสิ่งของจำเป็นเพียงเท่านั้น ส่วนพวกเครื่องประดับ เครื่องประทินโฉม ที่ไม่จำเป็น อย่าหวังว่ามารดาของนางจะจ่ายเงินซื้อ
“ปิ่นหยกนี้งามมาก ราคาคงไม่ใช่น้อยสินะ” แม้จะดีใจที่ได้เป็นเจ้าของเครื่องประดับมีค่าเป็นครั้งแรก แต่พอคิดเห็นจำนวนเงินที่สหายต้องจ่ายไป ก็รู้สึกเสียดายไม่ใช่น้อย
“ไม่มากเลย หยกนี้ไม่ได้เนื้อดีเท่าไร ราคาจึงถูกกว่าปิ่นหยกชิ้นอื่น ๆ มาก”
หมิงหยางโกหก ทั้ง ๆ ที่ปิ่นหยกชิ้นนี้เป็นหยกที่น้ำงามเนื้อดีที่สุดในร้าน แต่เพราะไม่อยากให้หญิงสาวรู้สึกเกรงใจ แล้วจะพาลไม่กล้ารับปิ่นที่เขาตั้งใจซื้อมาให้
“อย่างนั้นหรอกหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ขอบใจเจ้าอีกครั้งนะ เอาไว้ข้าจะทำขนมที่เจ้าชอบเป็นการตอบแทนน้ำใจของเจ้าแล้วกัน” ใบหน้างามประดับไปด้วยรอยยิ้มสดใส
“ให้ข้าช่วยปักบนผมให้เจ้าดีหรือไม่” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามอย่างมีความหวัง
“ได้สิ” หญิงสาวตอบแบบไม่คิดอะไรมาก ยอมให้สหายสนิทปักปิ่นหยกลงบนศีรษะให้
โดยไม่รู้ว่ามีสายตาปวดร้าวของใครบางคนจ้องมองอยู่...โจวไห่หลงกำห่อผ้าแน่น หมุนตัวเดินหันหลังออกจากบ้านของหญิงสาวที่ตั้งใจจะมาหา ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้มอบปิ่นไม้ ที่เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจแลกมันมาด้วยหยาดเหงื่อของเขาเอง
จังหวะที่ไห่หลงหันหลังเดินจากไป เยี่ยนหงก็บังเอิญหันมาเห็นแผ่นหลังพอดี และจำได้ว่าเป็นผู้ใด แม้จะไม่ได้เห็นหน้าของเขามาร่วมเดือนแล้วก็ตาม
“อาหลง” เสียงหวานพึมพำแผ่วเบา ใจคอไม่สู้ดีนัก การที่เขาเดินจากไปทั้ง ๆ ที่มาถึงเขตบริเวณบ้านของนางแล้ว อาจจะไม่พอใจอะไรนางก็เป็นไปได้
“เจ้าว่าอะไรนะ” หมิงหยางได้ยินคำพูดนั้นไม่ชัด จึงเอ่ยถามขึ้นมา พร้อมกับหันไปมองตามสายตาของหญิงสาว แต่ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่า
“ไม่มีอะไร” หญิงสาวปฏิเสธ
“ถ้าอย่างนั้น ข้าขอตัวกลับก่อนแล้วก่อน” หมิงหยางไม่ได้ติดใจสงสัยขอตัวกลับ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “พวกเราไม่ได้ขึ้นไปนั่งเล่นที่เนินดินกันนานแล้ว ตอนเย็นไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันอีกดีหรือไม่ เดี๋ยวข้าว่าง จะแวะไปชวนอาหลงด้วย”
“ดีเหมือนกัน”
เยี่ยนหงตอบตกลง จากนั้นก็ยืนรอจนสหายออกไปพ้นจากบริเวณบ้าน ถึงได้รีบวิ่งไปตามทางที่ชายคนแรกเดินหนีหายไป จนกระทั่งมาถึงบ้านของเขา ก็เห็นเขานั่งหน้าหงิกงออยู่บนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน จึงรีบเข้าไปทัก
“อาหลง เจ้าไปหาข้าที่บ้าน แล้วเหตุใดยังไม่ทันเจอ ถึงรีบกลับเล่า”
โจวไห่หลงสะบัดศีรษะอย่างแรง หันหน้าหนีไปทางอื่น ตั้งใจจะไม่ยอมพูดกับหญิงสาว แต่พอคิดไปคิดมา หากไม่ยอมพูด หญิงสาวอาจจะไม่รู้ก็ได้ ว่าเขากำลังไม่พอใจสิ่งใดอยู่ จึงยอมปริปากออกมา
“ข้าไม่อยากเข้าไปขวางความสุขระหว่างเจ้ากับอาหยาง”
“ขวางความสุขอะไร...อาหยางแค่ซื้อปิ่นผมมาให้ข้าก็เท่านั้นเอง เจ้านั่นแหละเป็นอะไร ถึงทำหน้าตาแบบนั้นเหมือนไม่พอใจอะไรข้าอย่างนั้นแหละ ไม่พอใจอะไรก็พูดออกมาสิ” เยี่ยนหงสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไร ไห่หลงถึงทำตัวแง่งอนกับนางเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่ควรจะเป็นนางไม่ใช่หรือ ที่ต้องรู้สึกขุ่นเคือง เพราะว่าเขาหายหน้าหายตาไปร่วมเดือน
ไห่หลงยอมหันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับหญิงสาว ดวงตาจับจ้องมองปิ่นหยกเนื้อดี หากเทียบกับปิ่นในมือของเขาที่มีอยู่แล้ว ใครหน้าไหนจะไปอยากได้ปิ่นไม้ราคาถูก ๆ กันเล่า เขาจำแววตาของหญิงสาวยามจ้องมองปิ่นหยกได้เป็นอย่างดี
“ปิ่นหยก งามเหมาะกับเจ้าจริง ๆ ปิ่นไม้ที่ข้าสู้ทำงานหนักแลกมาเทียบไม่ได้เลย สู้โยนมันทิ้งไปเสียยังดีกว่า”
มือข้างที่ถือห่อผ้า เตรียมขว้างออกไป แต่มีมือเล็กเข้ามายื้อแย่งดึงห่อผ้าไปก่อน
“เจ้าซื้อปิ่นให้ข้าเหมือนกันหรือ” เสียงหวานรีบเอ่ยถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ที่เจ้าหายหน้าไป ก็เพราะทำงานเก็บเงินซื้อสิ่งนี้ให้ข้า”
“ใช่...แต่มันคงเทียบไม่ได้กับปิ่นหยกที่เจ้าสวมใส่อยู่หรอก โยนมันทิ้งไปเถอะ”
“จะบ้าหรือ ของที่เจ้าให้ ข้าจะโยนทิ้งได้อย่างไร”
หลันเยี่ยนหง รีบแกะห่อผ้าออกดู หยิบปิ่นไม้ออกมา แววตาของนางไม่ต่างจากตอนมองดูปิ่นหยกเลยแม้แต่น้อย ออกจะดูดีใจกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นของที่ไห่หลงซื้อมาให้
มือเรียวไม่รอช้า รีบปักปิ่นไม้เคียงข้างกับปิ่นหยกทันที ก่อนจะเอ่ยถามความคิดเห็นของชายหนุ่มตรงหน้า
“เจ้าว่าข้าปักปิ่นของเจ้าแล้วงามหรือไม่ ข้าว่ามันเหมาะกับข้าเลยทีเดียว”
“เสี่ยวหง เจ้าไม่รังเกียจปิ่นราคาถูก ๆ ของข้าหรือ หากเทียบกับปิ่นของอาหยางแล้ว” น้ำเสียงของไห่หลงอ่อนลง เมื่อเห็นท่าทางดีใจของหญิงสาว ที่ได้ปิ่นของเขา
“ไม่เลย ไม่ว่าอะไรที่เจ้ามอบให้ข้า ข้าชอบทั้งนั้นและคิดว่ามันเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ส่วนอาหยางเขาก็เป็นสหายข้า ข้าย่อมดีใจเช่นกัน ที่เขามีน้ำใจนำมาให้”
“เสี่ยวหง ข้าขอถามตรง ๆ เจ้าคิดอย่างไรกับอาหยาง” ไห่หลงตัดสินใจเอ่ยถาม สิ่งที่ติดอยู่ในใจมาตลอดออกไป
“อาหยางก็เป็นสหายของข้ากับเจ้าอย่างไรเล่า จะให้ข้าคิดอะไรหรือ” เยี่ยนหงย้อนถาม ร่างกายเริ่มร้อนผ่าว ที่ต้องมาพูดถึงเรื่องความรู้สึก คล้ายกับว่าไห่หลงอยากจะสื่อสารอะไรบางอย่างกับนางหรือเปล่า เหมือนตอนที่เขาจะพูดอะไรบางอย่าง ในวันที่เขาไม่สบาย...
