one night stand กับท่านประธาน

113.0K · จบแล้ว
คาร์วิเวน
49
บท
57.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ปวีร์ อัศวภัชรกุล (วีร์) อายุ 32 ปี หนุ่มลูกครึ่งไทย-จีน เจ้าของธุรกิจรับออกแบบภายในระดับต้นๆของประเทศ และนอกจากนี้เขายังมีธุรกิจที่รับช่วงต่อจากพ่อของเขาเช่นกัน ปวีร์เป็นผู้ชายที่เงียบขรึม จริงจังกับงานเป็นอย่างมาก เย็นชา เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ สาวๆต่างให้ความสนใจเขาและอยากได้ชายหนุ่มมาครอบครองเพียงเพราะความสุขสบาย แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจผู้หญิงที่หวังเงินพวกนั้นแม้แต่น้อย จนกระทั่งเขาได้พบกับเด็กสาวที่ทำให้ความรู้สึกเย็นชาในใจของเขาเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นิสัย : เย็นชา บ้างาน ขี้หึง ขี้หวง ไม่เจ้าชู้ ปรางทิพย์ จันวราสกุล (ปราง) อายุ 22 ปี นักศึกษาสาวชั้นที่ปี4 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาการออกแบบภายใน หน้าตาน่ารักเป็นที่หมายตาต้องใจของหนุ่มๆในมหาลัยแต่หญิงสาวกลับไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษ เพราะหญิงสาวอยากตั้งใจเรียนให้จบจึงทำให้เธอไม่ได้ให้ความสำคัญกับความรักหรือการมีแฟนแม้แต่น้อยต่อให้มีใครมาขายขนมจีบเธอมากมายแค่ไหนก็ตาม หญิงสาวต้องชีวิตเพียงลำพังเนื่องจากพ่อแม่ของเธอจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์หลังจากที่เธอพึ่งจะเรียนจบมัธยมปลายจึงทำให้เธอต้องดิ้นรนเอาตัวรอดทั้งทำงานและเรียนไปด้วย ถึงแม้พ่อแม่จะทิ้งบ้านให้และเงินสดจำนวนหนึ่งที่ได้มาจากประกันที่พ่อแม่ทำไว้เธอที่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกท่านv นิสัย : ชอบช่วยเหลือคนอื่น ขยัน ประหยัด ตั้งใจเรียน เก่ง มีน้ำใจ จะเป็นอย่างไรเมื่อเขาและได้กลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากที่คืนนั้นทั้งสองได้มีความสัมพันธ์กันไป เมื่ออีกฝ่ายอยากลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับโหยหาสัมผัสที่เขาไม่อาจลืมได้ ความสัมพันธ์ที่เกิดทางกายจะแปรผันมาเป็นความรักได้หรือไม่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะลงเอยกันอย่างไร.....

นิยายรักโรแมนติกประธานรักหวานๆรักแรกพบเศรษฐีโรแมนติกนักศึกษา18+25+

บทนำ

(ปราง)

สวัสดีฉันชื่อปราง ตอนนี้ฉันเรียนอยู่ปี4 วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของฉันเดือนหน้าฉันก็ต้องไปฝึกงานแล้ว ฉันมีเวลาพักผ่อนสมองหนึ่งเดือนหลังจากสอบเสร็จ แต่พักแค่สมองนั้นแหละแต่ร่างกายยังต้องใช้งานเหมือนเดิม เพราะฉันยังต้องไปทำงานอยู่เหมือนเดิมเพื่อส่งตัวเองเรียนตั้งแต่เรียนจบมัธยมช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดสำหรับฉัน เพราะหลังจากที่เรียนจบพ่อกับแม่ก็จากฉันไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้ฉันต้องดิ้นรนหาเลี้ยงตัวเองส่งตัวเองเรียน แต่ก็ยังดีมีบ้านที่ฉันเคยอยู่กับท่านเป็นบ้านที่เราเคยอยู่ด้วยกันพ่อแม่ลูก แต่ตอนนี้มีเพียงแค่ฉันคนเดียวที่อยู่บ้านหลังนี้และเงินประกันหนึ่งก้อนที่พวกท่านทำเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้นั่งกินนอนกินเงินที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ เพราะถ้าฉันทำอย่างนั้นสักวันเงินก้อนนั้นก็คงไม่เหลือ ฉันจึงเก็บเงินก้อนนี้ไว้ในยามฉุกเฉินและเป็นค่าเทอมเท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นที่ต้องใช้จ่ายฉันก็หาเอาโดยการทำงานพาร์ทไทม์หลังเลิกเรียนและวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แต่ในเรื่องที่แย่ก็ยังมีเรื่องดีๆอยู่บ้าง คือการได้พบมีนเรารู้จักกันตอนปีหนึ่ง เราเรียนสาขาเดียวกันและมีนก็เป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันสนิทด้วย ฐานะของมีนกับฉันต่างกันมากแต่มีนก็ไม่เคยรังเกียจกับรวมถึงพ่อแม่ของมีนด้วย ท่านเอ็นดูฉันเหมือนลูกของพวกท่านอีกด้วย และคืนนี้ฉันก็มีนัดกับมีนที่ผับแห่งเพื่อฉลองสอบเสร็จและได้ที่ฝึกงานแต่เป็นคนละที่กัน

ตึกๆ ตึกๆตึกๆ

“ปรางงงงงง” เสียงมีนเพื่อนของหญิงสาวตะโกนเรียกเธอมาแต่ไกลจนทำให้นักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นหันมองตามเสียงของมีน

“มีอะไรมีน แล้วแกจะตะโกนเสียงดังทำเนี้ย อายคนอื่นเขา” หญิงสาวถามเพื่อนที่เสียงดังมาแต่ไกลปรางพูดปรามเพื่อนให้เบาเสียงเพราะรู้สึกเขินอายกับสายตาที่ผู้คนมองมา

“โอเค ขอพักหายใจก่อนเหนื่อยมาก” มีนหอบหายใจ หลังจากวิ่งมาหยุดอยู่บริเวณที่เพื่อนเธออยู่

“แล้วใครบอกให้แกวิ่งมาล่ะ เดินมาก็ได้ไหม มานั่งพักก่อน” หญิงสาวเอ็ดเพื่อน และยิ้มขำท่าทางของเพื่อนสาวตรงหน้า

“ฉันหายเหนื่อยแล้ว คือฉันจะบอกว่าอย่าลืมนะคืนนี้ที่นัดกันไว้” มีนพูดเตือนความจำหญิงสาวไม่ใช่ว่าเพื่อนขี้ลืมแต่เพราะเพื่อนของเธอนั้นมักจะเบี้ยวนัดเธอเสมอถ้าหากช่วยไปสถานที่เที่ยวกลางคืน

“ไม่ลืม เรื่องแค่นี้แกเดินมาก็ได้จะวิ่งมาทำไมให้เหนื่อย สองทุ่มเจอกัน งั้นฉันไปนะ ส่วนแกก็กลับคอนโดดีๆล่ะ” หญิงสาวกล่าวลาเพื่อนก่อนทั้งสองจะแยกกันกลับบ้านเพื่อไปเตรียมตัวสำหรับการฉลองคืนนี้

“โอเค คืนนี้เจอกัน ถ้าเทฉันละคอยดู จะตามถึงบ้านเลย” ก่อนแยกกันมีนไม่วายพูดคาดโทษเพื่อนตัวเองเพราะกลัวว่าจะโดนเทอีกเหมือนครั้งก่อนๆที่ผ่านมา

(ปวีร์)

สวัสดีครับทุกคนผมชื่อปวีร์หรือวีร์แต่ชื่อเล่นผมจะให้แค่คนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทเท่านั้นที่เรียกได้ส่วนคนอื่นไม่มีสิทธิเรียกชื่อนี้ของผม ตอนนี้ผมทำธุรกิจเกี่ยวกับตกแต่งภายในซึ่งธุรกิจนี้เป็นของผมเองไม่เกี่ยวกับที่บ้าน ผมเริ่มทำตั้งแต่ผมยังเรียนไม่จบทำควบคู่กับการเรียนและดูแลกิจการของที่บ้าน

จนตอนนี้ธุรกิจของผมเป็นบริษัทออกแบบภายในระดับต้นๆของประเทศเลยก็ว่าได้แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ก็ไม่ง่ายกว่าจะเป็นที่ยอมรับของลูกค้าก็ต้องใช้เวลาร่วมปี ผมทำงานเยอะมากจนเพื่อนๆและครอบครัวก็ต่างว่าผมบ้างานซึ่งผมก็ไม่เถียงหรอกครับเพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมทุ่มเทให้กับงานมากจนพ่อแม่กลัวว่าผมจะไม่มีเมียมีลูก เพราะอายุของผมก็เข้าเลยสามไปแล้วผมยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตนสักที จะมีก็แต่ปลดปล่อยบ้างตามภาษาหนุ่มโสดแต่ก็นั้นแหละครับ ความสัมพันธ์จบที่เตียงจ่ายเงินแล้วก็แยกย้าย ส่วนเพื่อนของผมพวกนั้นก็มีลูกมีเมียกันหมดแล้วก็จะเหลือแต่ผมนี่แหละที่ยังไม่มีกับเขาแต่ผมก็ไม่ได้เดือนร้อนอะไร และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมมาทำงานตามปกติทุกวันที่ทำงานเสร็จแล้วก็กลับคอนโดน้อยครั้งที่จะกลับไปนอนบ้านเพราะบ้านกับที่ทำงานไกลกันพอสมควร

แต่วันนี้เป้าหมายของผมหลังจากเลิกงานไม่ใช่กลับคอนโดแต่เป็นสถานบันเทิงแห่งหนึ่งกลางใจเมือง เพราะเมื่อสามวันที่แล้วไอซ์เพื่อนในกลุ่มสมัยเรียนมหาลัยโทรมานัดให้ไปฉลองให้กลับลูกคนที่สามของมันฉลองตั้งแต่ลูกคนแรกจนคนที่สาม และคิดว่าอีกไม่นานก็น่าจะโทรมาย้ำผมอีกรอบแน่พวกนี้มันกลัวผมเบี้ยวนัดมันจะตาย

5 นาทีผ่านไป

เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูดังขึ้นหน้าจอแสดงชื่อไอซ์เพื่อนของประธานหนุ่ม มือหนาเอื้อมมือไปหยิบพร้อมกดรับสาย

“ฮาโหล เพื่อนรัก คืนนี้มึงอย่าลืมนัดกูนะเว้ย” เสียงปลายสายดังออกมาจากมือถือเครื่องหรูทันทีที่ประธานหนุ่มเอาโทรศัพท์แนบหู

“เออๆกูไม่ลืมหรอกน่า มึงนี่ก็ย้ำจัง” ประธานหนุ่มตอบกลับเพื่อนไปด้วยน้ำเสียงปนรำคาญแต่ไม่ได้จริงจังมากนัก เพราะเพื่อนของเขาโทรมาย้ำเขาเรื่องนี้ทุกวัน

“ก็กูกลัวมึงไม่มา ครั้งที่แล้วมึงก็ไม่มา ออกมาเจอเพื่อนบ้างก็ได้ แม่งทำแต่งานเงินที่มึงหามาจะไม่มีที่เก็บอยู่แล้วเพื่อน เมียก็ไม่มี” เพื่อนของประธานหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดกับเพื่อน

“เดี๋ยวกูไปพวกมึงก็เห็นเอง ทำอย่างกับผู้หญิง โตจนลูกสามแล้ว” ประธานหนุ่มเอ็ดเพื่อนไม่จริงจังมากเพราะเขารู้นิสัยของเพื่อนเป็นอย่างดีว่าเพื่อนเป็นคนขี้เล่น

“แค่นี้ก็ต้องดุด้วยหรือคะท่านประธานขา แต่อย่างน้อยกูก็มีเมียมีลูกว่ะ มึงไม่ลองอยากมีบ้าง มันดีนะเว้ย ที่แบบเรากลับมาจากทำงานเหนื่อยได้เห็นหน้าลูกเมีย แม่งจากที่เหนื่อยๆก็หาย ” ไอซ์พูดจีบปากจีบคอผ่านทางโทรศัพท์ให้เพื่อนตนได้หมั่นไส้เล่น และบอกข้อดีของการมีครอบครัว

“ไร้สาระ แค่นี้นะกูจะทำงานต่อ” ประธานหนุ่มตัดบทเพื่อนตัวเองด้วยการวางสายแต่ก่อนวางก็มิวายที่เพื่อนตนนั้นจะกำชับนัดคืนนี้

“เรื่องของมึงแล้วกัน แต่คืนนี้อย่าลืมนะเว้ยมาด้วยนะมึง ลูกคนที่สามของกูเลยนะ” ว่าเสร็จประธานหนุ่มก็กดวางสายทันที และก็อดขำกับการอวดลูกของเพื่อนไม่ได้ที่เพื่อนของเขามีลูกเข้าไปคนที่สามแล้ว แต่เขาไม่แม้แต่จะมีแฟนกับเขาเลยสักคนเพราะวันๆมันแต่ทำงานจนไม่มีเวลาที่จะไปสนใจใครนอกจากงานของตนที่เยอะจนทำคนเดียวแทบไม่ไหว จะให้เอาเวลาที่ไหนไปมีแฟนแค่มีเวลานอนกับกินข้าวก็ดีแค่ไหนแล้ว

ก็อย่างว่าเป็นลูกคนโตของบ้านก็อย่างนี้แหละทำอย่างไรได้ก็ในเมื่อธุรกิจของที่บ้านเขาเยอะ แล้วอีกอย่างพ่อเขาก็เริ่มมีอายุมากขึ้นทุกวันก็อยากให้ท่านได้พักผ่อน ส่วนน้องชายก็จะให้ขึ้นมาบริหารช่วยก็ไม่ยอมบอกอยากเป็นเลขาช่วยงานพี่เขาก็พอและยังมีบอกอีกว่าแค่นี้ก็เหมือนขึ้นมาช่วยเขาบริหารแล้วเพราะงานบางส่วนเขาก็มอบหมายให้น้องดูแลและตัดสินใจเองทั้งหมด เขาเชื่อว่าน้องชายของเขาสามารถทำได้และจะทำมันออกมาดีด้วย แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเมื่อไหร่ไม่ว่าจะยกเหตุผลอะไรมาอ้างเขาก็จะไม่ยอม เลขาเขาหาใหม่ได้ไม่มีปัญหาหรอกแต่จะให้รู้งานเท่าน้องชายก็คงยากและต้องใช้เวลาฝึกอีกเยอะกว่าจะรู้ใจเขาเท่าน้องชายของเขาแต่คนเราฝึกกันได้เขาเชื่ออย่างนั้น

ส่วนเรื่องของหัวใจก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตแต่ที่ตอนี้เขายังไม่มีใครเพราะเขาแค่ยังไม่เจอคนที่ถูกใจและอยากดูแลก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าเมื่อไหร่เขาเจอเธอคนนั้นแล้วเขาจะไม่มีวันปล่อยเธอเด็ดขาด