Chapter 5 ฉันสอนไหม
“เธอเป็นคนจริงจังสินะ ถ้าทำอะไรได้ไม่ดีที่สุดก็จะไม่ทำเลยงั้นสิ” เขาสรุป สมแล้วที่เป็นนิค เขารู้จักฉันดีกว่าตัวเองด้วยซ้ำ
“ใช่” ฉันยอมรับ นึกหงุดหงิดตัวเอง
“ทั้งที่คนที่เรียนเปียโนมาถึงเกรดแปดได้ก็มีน้อยมากอยู่แล้ว ที่จริงถือว่าเธอเล่นได้เก่งกว่านักเรียนเปียโนส่วนใหญ่ในโลก แต่แล้วก็กลับเลิกไปเฉยๆ”
ทว่าทั้งที่เตรียมใจว่านิคจะตำหนิฉันเขากลับยิ้มออกมา “แต่ฉันเข้าใจ เพราะการเปียโนในขั้นที่สูงขึ้นจะยากจนหลายคนท้อแท้”
ฉันพยักหน้า คอตก “นายพูดถูก แต่นายไม่มีวันเข้าใจฉันหรอก นายเป็นอัจฉริยะ แต่ฉันเป็นแค่คนขยัน ฉันไม่ได้มีพรสวรรค์เหมือนนาย”
“งั้น...ฉันสอนเปียโนให้เธอไหม? ”
“หา? สอน!? ” ฉันสะดุ้ง
สอน??
เขาพูดเล่นใช่ไหม??
“ฉันสอนให้เธอสอบผ่านเกรดแปดได้ ถ้าเธอผ่านมันไปได้เธอจะไม่ทิ้งเปียโนไปอีก เธอแค่เจอเรื่องยากที่ต้องผ่านเพื่อให้ไปต่อได้”
“ไม่ล่ะ มันยากเกินไปสำหรับฉัน ไม่เอาๆๆ” ฉันปฏิเสธเสียงแข็ง ส่ายหัวแรงรัวและลุกพรวดจากเก้าอี้ แต่มือใหญ่ของนิครั้งมือฉันไว้
และนิคมองฉัน...
ดวงตานั้นเหมือนแช่แข็งฉันให้ต้องยินฟังเขา “วิคกี้ เธอไว้ใจฉันไหม”
“เอ่อ...ก็...”
“ฉันสอนสนุกนะ ฉันอาจทำให้เธอเล่นและสอบเปียโนอย่างมีความสุขแทนที่จะเครียดก็ได้”
เหรอ...
ดวงตาสีเทาใต้เส้นผมสีเฮเซลเหมือนเจ้าชายนั้นดูใจกว้างและเชื่อมั่น
ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไม...ทั้งที่ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะวิ่งหนีจากมันไปแล้ว ...
แต่มือใหญ่นั้นยังกระชับมือของฉัน
“กลับมาเล่นเปียโนด้วยอีกครั้งไหม”
@ บ้านนิค
บทเรียนแรก
ในที่สุดฉันเริ่มเรียนเปียโนกับนิกิต้าตามคำชวน
ฉันมาเรียนตรงเวลา ก่อนต้องสะดุดกึกกับกลิ่นอาหารหอมกรุ่นที่ลอยออกมา
“หอมจัง ทำอะไรกันอยู่เหรอ” ฉันชะโงกหน้าเข้าไปในครัว
“พิรอชกี้ฝีมือป้าโอลก้า” นิคบอกฉัน ข้างร่างสูงคือคุณป้าในชุดพื้นบ้านรัสเซียที่ดูเหมือนตุ๊กตามาโตรชก้า[ ตุ๊กตามาโตรชก้าหรือตุ๊กตาแม่ลุกดกของรัสเซียเป็นตุ๊กตาไม้ที่ชุดหนึ่งประกอบด้วยตุ๊กตาไม้หลายตัวเรียงซ้อนกันจากใหญ่ไปเล็ก โดยตุ๊กตาในเซ็ตทุกตัวจะรูปร่างหน้าตาเหมือนกันหมด นิยมทำเป็นรูปหญิงชาวนาที่แต่งกายแบบดั้งเดิมและมีผ้าคลุมศีรษะ]ตัวใหญ่ ยิ้มกว้างอย่างคุณป้าใจดี “กินไหม”
“พิรอชกี้! อ๊าย!” ฉันตะครุบขนมปังราวกับแมวตะครุบเหยื่อ
“ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น” นิคอดขำฉันไม่ได้
“ไม่ตื่นเต้นได้ไง ฉันคลั่งทุกอย่างเกี่ยวกับรัสเซียรู้ไหม ตั้งแต่เพลง หนังสือ รวมทั้งประวัติศาสตร์แล้วก็ทุกอย่าง”
“เธอแปลกดีนะ”
“ไม่เกรงใจแล้วนะ อั้ม!” ฉันสวาปามพิรอชกี้สามชิ้นเข้าไป ทำเอานิคทึ่งกับรูปร่างเพรียวเล็กของฉัน
“เกิดเป็นคุณชายนิกิต้านี่ดีจัง มีป้าโอลก้าทำขนมให้” ฉันอ้อนคุณป้า ฉันกับเธอสนิทกันมาก วันก่อนฉันถอนผมหงอกให้เธอด้วย
“ชอบก็อยู่กินด้วยกันหลังเรียนเปียโนเสร็จสิ วันนี้ป้าโอลก้าทำบีฟสโตรกานอฟกับมันฝรั่งอบ”
“บีฟสโตรกานอฟ! จริงเหรอ!?” นั่นมันอาหารจานเด็ดของรัสเซีย คิดค้นโดยตระกูลสโตรกานอฟอันมั่งคั่งสมัยพระเจ้าซาร์!
“หึ เธอตลกจัง วิคกี้” นิคหัวเราะในลำคอกับท่าทางฉันที่ตื่นเต้นเกินไป
“แต่จะดีเหรอ ค่าเรียนเปียโนฉันก็ยังไม่ได้จ่ายนายเลย แถมยังจะให้กินข้าวฟรีอีก”
“อย่าพูดเรื่องเงินกับเพื่อนสิ ตกลงอยู่กินข้าวกับฉันด้วยล่ะ ฉันไม่อยากกินคนเดียว”
ฉันเข้าใจ นิคอยู่คนเดียวเกือบจะตลอด พ่อแม่ของเขาไปๆ มาๆ ระหว่างมอสโกกับแคนาดา จะมาเยี่ยมหาในวันหยุดยาวบ้าง นิคค่อนข้างเหงา ทำให้ฉันไม่แปลกใจที่นิคชอบชวนแก๊งเรามากินนอนที่นี่ คฤหาสน์หลังใหญ่จะได้ไม่เงียบเหงาเกินไป
การเรียนเปียโนเริ่มขึ้น สตาร์ทจากเพลงที่ทำให้ฉันหนีคุณครูจอมเฮี้ยบไปเมื่อหลายปีก่อน
“ตรงนั้นล่ะที่ฉันเรียนค้างไว้” ฉันบอกนิคที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ “นี่เป็นเพลงที่ฉันชอบที่สุดเลย แต่กลับเล่นไม่ได้”
“ทำไมวันนั้นถึงเลิกเล่น แน่นอนว่าคนอย่างวิคกี้ไม่ได้หนีเพราะมันยากหรอก”
“นายพูดถูก” ทำไมนะเขาถึงเหมือนรู้จักฉันดีกว่าตัวเอง “ฉันคงรักมันมากเกินไป”
“รักมากเกินไป?”
ฉันถอนหายใจยาว “นายเคยไหมนิค เวลาที่เรารักและทุ่มเทให้กับอะไรบางอย่างมากจนเกินไป แล้วสุดท้ายสิ่งนั้นก็ทำให้เราทั้งเจ็บทั้งขยาด ฉันกับเปียโนก็เป็นแบบนั้น เมื่อบทเรียนยากขึ้นฉันก็รู้ว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์ ไม่เหมือนนาย ฉันเลยบอกเลิกเปียโนก่อนถูกเปียโนบอกเลิกไง”
อุ่นจัง มือใหญ่ของนิคเคลื่อนกุมสองต้นแขนของฉันไว้ ก่อนรั้งให้ฉันมองเขาตรงๆ
“แต่เธอก็ยังชอบเปียโนมาก เธอถึงขอฉันเล่นเปียโนตั้งแต่มาที่นี่วันแรกไม่ใช่หรือไง”
“ใช่ แต่พอเห็นนายเล่นฉันก็รู้ว่าตัวเองไม่เหมาะเลย”
“ทุกอย่างไม่ต้องเพอร์เฟ็คท์ไม่ใช่หรือไง” นิคเอ่ยจริงจัง
ทุกอย่างไม่ต้องเพอร์เฟ็คท์งั้นเหรอ คำพูดนั้นหลุดออกมาจากปากของคนที่เล่นดนตรีได้ไร้ตำหนิอย่างเขา
ไม่มีใครบอกฉันแบบนี้มาก่อนเลย
