บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 ไม้กันหมา

At Beer Courtyard

Jelly said :

ทั้งๆ ที่อยากจะร้องไห้ ทั้งๆ ที่อยากจะร้องแหกปาก แต่ฉันกลับทำได้เพียงนิ่ง นิ่งอย่างที่แม้แต่ตัวเองก็แทบไม่เชื่อว่าจะทำได้ ฉันเหนื่อยจัง... เหนื่อยที่ต้องรู้สึกทุเรศตัวเองแบบนี้ ฉันไม่อยากชอบมันเลย แต่เหมือนว่าหัวใจของฉันมันจะไม่เชื่อฟังเอาซะเลย

“ทำไมมานั่งอยู่คนเดียววะ?” เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น ฉันเงยหน้าจากโต๊ะที่นั่งดื่มเบียร์อยู่คนเดียวขึ้นไปมอง

“ไอ้ยีนส์” ฉันเอ่ยชื่อของมันก่อนที่มันจะทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามฉัน

“มึงมากับใคร?” ฉันขมวดคิ้วถาม เพราะปกติแล้วยีนส์ไม่น่าจะใช่คนที่มานั่งดื่มเบียร์ที่ลานหลังมอคนเดียว

“เดี๋ยวพวกไอ้ขุนตามมา”

“แล้วใครอีก?” ฉันถามด้วยน้ำเสียงลากยาวเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เริ่มทำงาน

“มึงอยากถามถึงใครก็ถามมาเลยดีกว่า” ไอ้ยีนส์เลิกคิ้วถามฉันพร้อมรอยยิ้มกวนประสาท

“ไอ้เสือจะมาไหม? ถ้ามันจะมากูจะได้รีบไป” ฉันถามออกไปตามตรง

“ไม่รู้ มันไม่ได้บอกว่าจะมา แต่มันก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่มา” ไอ้ยีนส์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงความกวนบาทาเอาไว้

แต่ฉันคิดว่าไอ้เสือมันคงไม่มาหรอก ป่านนี้คงนอนกอดเมียอยู่บนเตียง

“ตกลงมึงมาเมาคนเดียว? เพื่อนหายไปไหนหมด?” ยีนส์ยังถามฉันต่อ

“ก็กูอยากเมาคนเดียว เพื่อนบางคนอยู่กับผัว ส่วนไอ้คนที่ไม่มีผัวคงนอนจนหัวจมหมอนไปแล้ว” ซูซานมันไม่ชอบออกมาลานเบียร์ ถ้าไม่บังคับมันก็ไม่ค่อยออกมาดื่มในสถานที่ที่มีคนอื่นอยู่ด้วย

“สรุปคือมึงเฮิร์ท?” ฉันขมวดคิ้วทันควันที่ไอ้ยีนส์ถามคำถามแบบนั้นออกมา

“ทำไมกูต้องเฮิร์ทวะ?” ฉันถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก

“กูไม่รู้มึงดิ? มึงอาจจะเฮิร์ทเพราะเพิ่งจะรู้ว่าไอ้เสือมันมีแฟนอยู่แล้วก็ได้” ยีนส์ยกยิ้มขณะที่หยิบแก้วเบียร์ขึ้นกระดกดื่ม

“มึงนี่ท่าจะสปอล์ยเพื่อน่าดู ไอ้เชี่ยเสือมีแฟนแล้วทำไมกูต้องเฮิร์ทวะ กูไม่ได้ชอบมันนี่!” โอเค... ฉันโกหก แล้วไง? ฉันต้องบอกทั้งโลกเหรอว่าฉันชอบไอ้เชี่ยนั่น!

“กูนึกว่ามึงชอบมันซะอีก” ฉันว่าไอ้ยีนส์แม่งกวนตีนพอๆ กับเพื่อนมันเลยล่ะ!

“กูไม่ได้ชอบเพื่อนมึง! ไม่คิดจะชอบด้วย! ถ้าเข้าใจผิดก็รีบเข้าใจใหม่เลยไอ้สัด!” ฉันถลึงตาใส่ยีนส์

ในตอนนั้นหางตาฉันก็เห็นไอ้ร็อกเก็ตกับไอ้ขุนเดินเข้ามาในลานเบียร์ และฉันเกือบจะโล่งอกที่ไม่เห็นไอ้เสือ ถ้าอยู่ๆ มันไม่โผล่ออกมาจากทางด้านหลังเสียก่อน

เชี่ย! มันมา!

“กูกลับละ!” ฉันลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว แต่แล้วก็ต้องชะงักเท้าเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น

“รีบไปไหนวะ เดี๋ยวซินก็มา” ไอ้ขุนรั้งฉันไว้ด้วยคำพูดเรียบๆ

ฉันเม้มปากสนิทแน่น มองดูสามคนที่มาใหม่เดินมานั่งร่วมโต๊ะ หัวใจมันบีบแน่น ในตอนที่ไอ้เสือมันมองมาที่ฉัน ฉันรู้ด้วยหางตาว่ามันมอง เอายังไงดี... ฉันจะหนีมันได้ยังไงให้ดูเหมือนตัวเองไม่แพ้ราบคาบแบบนี้!

“เชลโล่ก็มาด้วย นั่งกับพวกกูก่อนดิเยลลี่” แล้วไอ้ร็อกเก็ตก็รั้งฉันไว้อีก

“มันไม่กล้านั่งร่วมโต๊ะกับเราหรอก มันปอดจะตาย” และนั่นคือเสียงของไอ้สารเลวเสือ

ตุบ!

แล้วฉันก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทันที ฉันรู้ว่าที่มันพูดออกมาแบบนั้นก็เพื่อจะท้าทายฉัน แต่ที่ฉันยอมนั่งมันก็เป็นเพราะฉันอยากจะเผชิญหน้ากับมัน อยากให้มันรู้ว่าฉันไม่ได้กลัว และฉันจะทำให้มันรู้ว่ามันอาจจะเอาชนะผู้หญิงทุกคนได้ แต่มันไม่มีทางชนะฉันได้แน่!

“อ่ะ... กูกับไอ้ร็อกพูดมึงไม่นั่ง แต่พอไอ้เสือพูดมึงนั่งทันที อะไรยังไง ไหนอธิบายสิเยลลี่” ไอ้ขุนเลิกคิ้วถามฉันด้วยน้ำเสียงปนรอยยิ้ม

“จะให้อธิบายอะไร? พูดเชี่ยไรออกไป มึงก็คิดกันเองอยู่แล้วนี่ว่ากูกลัวมันบ้างแหละ ชอบมันบ้างแหละ” ฉันพูดออกไปตามที่คิด เอาสิ! ถ้าไอ้ผู้ชายสี่คนนี้มันจะหน้าด้านรุมฉันคนเดียวก็เอาเลย! ฉันสู้ตาย!

“แล้วมึงคิดยังไงอ่ะ? เอาจริงๆ กูโคตรอยากรู้เลย” ไอ้เชี่ยขุนยังคงเสือกชีวิตฉัน

“เกลียด! กูเกลียดมัน! จบนะ!” ฉันจ้องหน้าขุนเขาและทำเหมือนว่าเสือไม่ได้อยู่ตรงนี้

“เชี่ย! เอาว่ะ!” แล้วร็อกเก็ตก็แสดงสีหน้าชอบใจออกมา

“พวกมึงควรเคลียร์กันได้แล้วนะ มึงจะเกลียดกันทำไมวะ เราก็เพื่อนกันทั้งนั้น มีอะไรก็คุยกันดีๆ เหอะ” ไอ้ยีนส์เอ่ยขึ้น แล้วฉันก็ของขึ้นมาในทันที ฉันคว้าแก้วเบียร์ที่เด็กเสิร์ฟเพิ่งเติมให้มากระดกจนหมดแล้ว ก่อนจะวางแก้วกระแทกลงโต๊ะอย่างแรง

ปัง!

“แทนที่จะมาพูดให้กูเคลียร์ กูว่าพวกมึงบอกเพื่อนตัวเองดีกว่า ว่าเลิกมาตอแยกูสักที! เลิกมาวุ่นวายกับชีวิตกู! เมียมันก็กลับมาแล้ว! ถ้ามันอยากมากนักก็ให้ไปเอาเมียมัน!!! อย่ามาสร้างเรื่องไร้สาระแล้วมาหลอกเอากูฟรีๆ!!! แล้วถึงกูจะแรดจะร่านยังไง มันก็เป็นเรื่องของกู!!! นี่มันชีวิตกู!” ฉันตะโกนลั่นด้วยความเดือดดาล แล้วขุนเขา ร็อกเก็ตและยีนส์นิ่งอึ้งไปทันทีกับสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดออกไป ผิดกับเพื่อนชั่วๆ ของพวกมันที่เหยียดยิ้มขึ้นมา

“หึ!”

“มึงมีปัญหาเชี่ยไรไอ้เสือ! มึงจะเอายังไงกับกู! มึงพูดออกมาต่อหน้าเพื่อนมึงเลย! ให้เพื่อนมึงรับรู้สักทีว่ามึงมันเชี่ย! มึงทำเลวกับกูไว้ยังไงบ้าง!!” คราวนี้ฉันจ้องหน้าไอ้เสือ

“แล้วมึงโกรธอะไร? มึงคาดหวังอะไร? ในเมื่อตอนที่เอากันมึงก็ยินยอมกูทุกครั้ง... ควรเป็นมึงหรือเปล่าที่ต้องพูดออกมาว่ามึงต้องการอะไร?” เสือแสยะยิ้มเอ่ยถามฉัน

เหมือนโดนตบหน้ายังไงไม่รู้... มันตามราวีฉัน แต่กลับมาถามว่าฉันต้องการอะไรจากฉันเนี่ยนะ?

“กูว่าพวกมึงใจเย็นๆ เหอะ” ยีนส์เอ่ยขึ้นเมื่อเริ่มเห็นว่าเรื่องมันกำลังจะบานปลาย

“กูใจเย็นไม่ได้แล้ว! มึงถามเหรอว่ากูโกรธอะไร อยากรู้เหรอว่ากูคาดหวังเชี่ยไร!” ฉันถลึงตามองหน้าเสือ

“กูอยากให้มึงไปตาย! ช่วยหายไปไหนก็ได้! แบบที่ไม่ต้องมาให้กูเห็นหน้าอีก! เลิกมายุ่งกับกูสักที!!! กูแม่งขยะแขยงมึงเต็มทนแล้วไอ้เสือ!” ฉันลุกจากโต๊ะอีกครั้ง

“หรือที่มึงโกรธมากมายแบบนี้มันเป็นเพราะกูมีแฟน? หรือที่จริงมึงชอบกูวะเยลลี่?” คำถามของเสือดังขึ้นมาในตอนที่ฉันกำลังหันหลังจากตรงนั้น ฉันจึงหันกลับไปเผชิญหน้ากับมัน ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าน้ำตาของฉันมันกำลังจะไหลออกมาแล้ว

“เลิกหลงตัวเองสักที! กูเพิ่งบอกไปเองว่ากูเกลียดมึง! แล้วถ้ามึงยังจะมาตามยุ่มย่ามกับกูอีก! กูจะคิดว่าเป็นมึงนั่นแหละที่ชอบกู ไอ้เสือ!” สิ้นคำพูดของฉัน ไอ้เสือก็ลุกออกมาจากที่นั่งของมันแล้วเดินเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ

“หึ! กูไม่ชอบผู้หญิงแรด ไม่ชอบผู้หญิงง่าย ไม่ชอบผู้หญิงปากดี อวดฉลาด แต่งตัวโป๊ สุดท้ายเลย... กูแค่นอกกายแต่กูไม่เคยนอกใจแฟนกูว่ะ!”

“งั้นมึงก็พูดออกมาเลย ต่อหน้าเพื่อนมึงทุกคนว่ามึงไม่ชอบกู และมึงจะไม่มายุ่งกับกูอีก” แม้ฉันจะพยายามทำเสียงให้แข็ง แต่ฉันไม่มีแรงเลย ฉันไม่มีแรงจะแสดงความเกรี้ยวกราดเมื่อได้ยินคำตอบของมัน

“กูไม่ได้ชอบมึง แต่ไม่ได้หมายความว่ากูจะไม่อยากเอามึงนี่! ของดีที่ให้กันฟรีๆ ใครๆ ก็ชอบป่ะวะ?” เสือยกยิ้มสะใจ

ส่วนฉันก็เม้มปากแน่น พอตอนที่ไม่อยากร้องไห้ น้ำตาก็ดันตีตื้นอยากจะไหลออกมาโชว์ชาวบ้านเสียอย่างนั้น!

“เสือ กูว่ามึงมากเกินไปแล้วล่ะ” คราวนี้เป็นขุนเขาที่เริ่มห้ามเพื่อน

“มีเรื่องอะไรกันวะ?! กูยืนฟังอยู่นานละ พวกมึงคุยเชี่ยอะไรกัน!” ฉันจำเสียงนี้ได้ มันคือเสียงของไอ้ซินเพื่อนฉัน

“ซิน...” ขุนเขาเริ่มทำหน้าตากลัวตายเมื่อเมียของมันมาเจอสถานการณ์นี้

“กูถามว่ามีเชี่ยไร! ไอ้เชี่ยเสือ! มึงทำอะไรเพื่อนกูอีก!” ซินไม่สนใจขุนเขา มันจ้องไอ้เสือที่กำลังยืนยิ้มมองฉัน

“ไม่มีใครทำอะไรเพื่อนมึงหรอกซิน กูไม่ได้ทำอะไรเลย” ไอ้สารเลวนั่นเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงกวนตีนก่อนที่มันจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ

“งั้นมึงไปกับกู... ออกไปจากตรงนี้กันเยลลี่” ซินเพื่อนรักของฉันเข้ามาคว้าข้อมือฉันไว้แล้วลากฉันที่ยืนแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกออกมาจากตรงนั้น และเมื่อฉันหันหลังให้กับทุกคน น้ำตางี่เง่าก็ไหลออกมาทันที!

At The Rich Condominium

ซินพาฉันมาที่คอนโดของซูซาน ส่วนเชลโล่ก็รีบตามมาสมทบ เพื่อนๆ ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเสือ ฉันเล่าให้พวกมันฟังทั้งน้ำตา... มันแปลกมากเลยรู้ไหมที่คนอย่างฉันมานั่งร้องไห้เพราะผู้ชายแบบนี้

“ฮึก! กูไม่ไหวแล้วว่ะ กูไม่อยากไปเจอหน้ามันอีกแล้ว แม้แต่เสียงมันกูก็ไม่อยากได้ยิน!” ฉันสะอื้นร้องไห้

“ไอ้เชี่ยแม่งชั่วฉิบหายเลย! มันคิดว่ามันแน่มาจากไหนวะ!” ซูซานโมโหหนัก

“หรือเราไปบอกเมียมันดี ว่ามันทำอะไรไว้กับไอ้เยลบ้าง!” เชลโล่ออกความเห็น

“ถ้ามึงคิดว่าถ้าเมียไอ้เสือมันรู้เรื่องนี้แล้วมันสองคนจะเลิกกัน แล้วไอ้เสือจะเสียใจ กูว่าไม่มีทาง! ไอ้เชี่ยๆ อย่างมันไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียใจหรอก แล้วจากที่อีเยลเล่ามา เผลอๆ เมียมันไม่กล้าหือไม่กล้าอือด้วยซ้ำ!” ไอ้ซานถลึงตาเลิกโต

“มันดูไม่มีทางไหนเลยเหรอวะที่กูจะหลุดพ้นจากมัน?” ฉันมองหน้าเพื่อนทั้งสามทั้งน้ำตา

“มี” ซินตอบ

“มึงเลิกชอบมันได้ไหมล่ะ? ถ้าเพียงแค่มึงเลิกชอบมัน มึงจะรู้เองว่าต้องทำยังไง”

“ฮึก! กูก็ไม่อยากชอบมันเลย ฮือๆ ทำไมกูไม่ไปชอบผู้ชายดีๆ วะ! ทำไมกูต้องมาชอบคนเชี่ยๆ อย่างมัน ฮือๆ”

“กูว่ามึงเร่งหาแฟนเลยไอ้เยล ใครก็ได้... ที่ดีกว่าไอ้เสืออ่ะ เอามาเป็นไม้กันหมาไว้ก่อน” ซูซานว่า

“กูไม่เห็นด้วยอ่ะ เราไม่เห็นต้องทำอะไรเพื่อประชดหรือกันมันออกไปเลย แค่นิ่งไว้เยล มึงอย่าไปร้อนกับสิ่งที่มันพูด อย่าดิ้นแค่เพราะมันขู่ ไอ้เชี่ยเสือมันไม่ใช่เสือ แต่มันเป็นหมา! และหมาขู่ไม่กัด มึงจำไว้” ซินเห็นต่างกับซูซาน

“กูเห็นด้วยกับซิน กูว่าไอ้เสือมันไม่กล้าทำอะไรมึงจริงๆ หรอก เอาจริงๆ จากที่มึงเล่ามา... ถ้ามึงขัดขืนมันจริงจัง... กูว่ามันคงไม่เลวจนถึงขนาดข่มขืนมึงหรอกเยลลี่” เชลโล่เสริม

“กูแค่ต้องอยู่ให้ห่างมัน ตัดใจจากมัน แล้วก็ไม่เดือดร้อนกับการกระทำของมัน ใช่ไหม?” ฉันปาดน้ำตา ฉันคิดว่าตัวเองต้องหนีจากผู้ชายคนนี้ให้ได้จริงๆ สักที...

Jelly end.

At Sweet Home Studio

วันนี้จะเป็นวันที่เสือได้เจอกับเยลลี่ หลังจากที่เกิดเรื่องที่ลานเบียร์ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบอาทิตย์แล้วที่พวกเขาทั้งสองไม่ได้เจอกัน เยลลี่ไม่มาเรียน และเสือก็ไม่อาจถามจากใครได้เลย เพราะไม่มีเพื่อนคนไหนของหญิงสาวที่ยอมคุยกับเขา... มันทำให้เขาได้รู้ว่าสี่สาวได้รวมหัวกันเกลียดเขาแล้ว... แต่ก็ใช่ว่าเขาจะแคร์

เสือขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของสตูดิโอสำหรับถ่าย MV ในวันนี้ สถานที่ทั้งหมดคือบ้านหญิงใหญ่ที่ตกแต่งสวยงามในสไตล์มินิมอล มีสระว่ายน้ำอยู่กลางบ้าน เขายกยิ้มเมื่อเห็นรถของเยลลี่จอดอยู่ที่ด้านหน้า ร่างสูงเดินเข้าไปคุยกับทีมงาน รับบรีฟจากตากล้องหนึ่งและดนัยเพื่อนของเขาที่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับ ก่อนจะเดินไปกินมื้อเช้าร่วมกับรุ่นน้องที่จะมาเป็นผู้ช่วยกล้องสองให้กับเขาด้วย

“สวัสดีครับพี่ๆ” แล้วฟินน์ พระเอก MV ในวันนี้ก็มาถึงกองถ่าย เขาเดินเข้าไปไหว้ทักทายทุกคนพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเห็นว่าเสือก็อยู่ตรงนั้นด้วย

“เอ้า! เสือ?”

“เออ” ทว่าคนถูกทักทายกับทำเพียงยกคิ้วข้างเดียวให้กับดาราหนุ่มผู้โด่งดังอย่างไม่แคร์สายตาที่มองมา

“ฟินน์มาแล้วเหรอ? ไปแต่งหน้าก่อนเลย เดี๋ยวพี่ยกข้าวเข้าไปให้” ในตอนที่ฟินน์กำลังงงว่าเสือดูเหมือนจะไม่อยากเขานัก พี่หมิว โปรดิวเซอร์ของงานนี้ก็ส่งเสียงเข้ามาเสียก่อน

“ครับพี่” ดาราหนุ่มตอบรับสั้นๆ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในทันที

“มึงรู้จักกับฟินน์ด้วยเหรอวะไอ้เสือ?” ดนัยเอ่ยถามขึ้น

“เออ” เสือเอ่ยตอบก่อนจะตักข้าวเข้าปาก

“งานนี้ถ่ายดีๆ ว่าง่ายๆ นะ กูขอ...” ดนัยกลัวใจเพื่อนตัวเองมาก เพราะเขาคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องเอาแต่ใจตัวเองเหลือเกิน

“เออ”

“ไอ้สัด! มึงพูดอย่างอื่นบ้างดิ! นอกจากคำว่าเอออ่ะ!” ดนัยทำหน้ายู่ใส่เสือ

“ห้องแต่งตัวนักแสดงอยู่ไหน?” แล้วเขาทำตามอย่างที่เพื่อนต้องการจริงๆ

“อยู่ชั้นสอง มีอยู่ห้องเดียวอ่ะ” ดนัยตอบอย่างไม่ได้นึกสงสัยอะไร

ภายในห้องแต่งตัวนักแสดงที่ขณะนี้เยลลี่ในชุดเสื้อสายเดี่ยวกับกางเกงขาสั้นกำลังนั่งไขว่ห้างเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่โซฟา และฟินน์กำลังนั่งให้ช่างแต่งหน้าจัดการใบหน้าของเขาอยู่ที่หน้าโต๊ะกระจก

“คุณชอบกินเนื้อย่างใช่ไหม?” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นมา

“อื้อ จะเลี้ยงฉันอ่ะดิ?” หญิงสาวยกยิ้มอย่างรู้ทัน

“คุณดิต้องเลี้ยงผม ครั้งที่แล้วผมเลี้ยงคุณไปแล้วนะ” ฟินน์แกล้งว่า

“อะไร? ให้ผู้หญิงเลี้ยงไม่กลัวโดนเอาไปเมาท์เหรอ?”

“ไม่กลัวครับ ที่จริงตรงนี้ก็มีแค่เรานะ ถ้าคุณไม่เอาไปพูด ใครจะรู้ล่ะว่าผมจีบคุณอยู่ ใช่ไหม?” ฟินน์ไม่นับว่าช่างแต่งหน้าที่แต่งหน้าให้เขาอยู่เป็นสิ่งมีชีวิตด้วยซ้ำ อย่างที่ใครๆ ก็รู้ หากดาราคนไหนอยากเป็นข่าว พวกเขาจะเอาเรื่องนั้นๆ ไปพูดกับช่างหน้าช่างผม แล้วทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เขาต้องการเอง โดยที่แทบไม่ต้องลงมือด้วยตัวเองเลย

“พี่เขาก็อยู่นะคุณ!” เยลลี่ใช้สายตาส่งสัญญาณให้ฟินน์รู้ตัวว่าในห้องนี้ไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคน

“ตามสบายเลยค่ะคุณน้อง พี่แต่งเสร็จพอดี” พี่ช่างแต่งหน้าเบะปากมองบนก่อนจะเดินบิดบั้นท้ายออกไปจากห้อง แต่เธอก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าที่หน้าห้องมีร่างสูงคนหนึ่งกำลังยืนดักฟังอยู่

เสือทำนิ่ง ยื่นมือไปจับประตูห้องไม่ให้มันปิดสนิทหลังจากที่พี่ช่วงแต่งหน้าสาวสองเดินออกไปแล้ว เขาสอดสายตาเข้าไปด้านในห้อง และก็ได้เห็นภาพชายหนุ่มกับหญิงสาวกำลังยิ้มมองหน้ากันราวกับว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในห้วงความรัก

“ฉันว่าเดี๋ยวได้เป็นข่าวแน่ๆ แค่นี้พวกเราก็กลายเป็นคู่จิ้นกันไปแล้ว” เยลลี่ว่า

“เป็นข่าวก็ดีสิ ผมชอบอยู่แล้วที่ตัวเองมีกระแสอยู่เสมอ” ฟินน์ยกยิ้มก่อนจะลุกจากเก้าอี้โต๊ะหน้ากระจกไปทิ้งตัวลงนั่งที่ด้านข้างเยลลี่

“แต่ฉันชอบแบบเงียบๆ มากกว่านะ อาจเป็นเพราะไม่ใช่ดาราเหมือนคุณ” ในตอนที่เยลลี่ปรายตามองฟินน์ สายตาของเธอได้เห็นเงาของคนด้านหลังประตูห้องผ่านกระจกใสบานใหญ่ และเธอรู้ว่าเขาเป็นใคร

“เดี๋ยวคุณคงดัง ถึงเวลานั้นคุณอาจต้องตอบนักข่าวว่าเราเป็นอะไรกัน” ฟินน์เอ่ย เขาอยากลองเชิงว่าหญิงสาวจะตอบอะไร

“แล้วเราเป็นอะไรกันอ่ะ?” เยลลี่ช้อนตาถามคนข้างๆ ด้วยรอยิ้มโปรยสเนห์แบบที่เธอชอบทำ

“อืม... ตอนนี้เป็นเพื่อน แต่หลังจากจูบนี้คงต้องให้คุณตอบเองแล้วล่ะ” ฟินน์เอ่ยตอบก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ เยลลี่มากขึ้นเรื่อยๆ เขายกยิ้มเมื่อหญิงสาวไม่ได้ปฏิเสธ...

ทว่า... อยู่ๆ เสียงปิดประตูก็ดังขึ้นมาในตอนนั้น ฟินน์ชะงักลงทันทีก่อนจะหันไปดูความว่างเปล่า เยลลี่หุบยิ้ม... ใบสวยกลับสภาพมาอยู่ในความเรียบนิ่ง

“เมื่อกี้คุณจะจูบฉันเหรอ?” เธอเอ่ยถามฟินน์ตามตรง

“ถ้าตอบว่าใช่... คุณจะให้โอกาสผมอีกครั้งป่ะ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม

“เร็วไปคุณ” เยลลี่ตอบกลับสั้นๆ

“ผมคิดว่าเราคิดเหมือนกันว่าเวลาไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือความรู้สึก”

“ฉันก็คิดแบบนั้นนะ แต่พอดีว่าตอนนี้ฉันอาจจะยังรู้สึกไม่เท่าคุณไง”

“ตรงว่ะ” ฟินน์รู้สึกเจ็บจึ๊กที่ถูกปฏิเสธตรงๆ อย่างไม่ทันตั้งตัว

“อย่าโกรธกันนะ ไม่ใช่ฉันไม่รู้สึก แต่แค่มันยังไม่มากพอเฉยๆ” เธอรู้... รู้ว่ามันเห็นแก่ตัวมากที่ก่อนหน้านี้ไปส่งสายตาเชื้อเชิญเขา เพียงเพื่อต้องการดึงเขาเข้ามาเป็นไม้กันหมาอย่างที่ซูซานแนะนำ

“ไม่โกรธนะ แต่ไม่เอาแล้วได้ไหม สวยตายั่วๆ ที่เหมือนคุณจะเล่นด้วยแบบนั้น” ฟินน์เบะปากโอดครวญ

“ฉันทำตอนไหน?” เยลลี่แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“คุณรู้ตัว แต่คุณแค่แกล้งผม” แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างดัง ดังจนคนด้านนอกห้องเดินออกไปไกลแล้วยังได้ยินเสียงหัวเราะนั้น...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel