Warning เตือนให้รู้ว่ารัก

170.0K · จบแล้ว
Blackhearttt
52
บท
88.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ใครจะไปคาดคิดว่าฉันจะต้องมาอยู่บ้านหลังเดียวกับ ‘คิริว’ ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนอันตรายที่สุดในมหาวิทยาลัย!คิริวเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ฉันได้แต่ถอยหนีจนแผ่นหลังชนเข้ากับผนังห้องนอนของเขา “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายนายนะ” ฉันเงยหน้าบอกเขาเสียงสั่น แอบเห็นเลือดตรงหางคิ้วข้างขวาของเขาไหลลงมาด้วยอะ “มานี่” เสียงเข้มดุดันพูดขึ้นพร้อมกับมือใหญ่ที่เข้ามาดึงข้อมือฉันเข้าไปชิดกับแผงอกแข็งแรงของเขา ทำไมคิริวต้องทำท่าทางคุกคามใส่ฉันด้วยเนี่ย ฉันแค่เผลอขว้างแจกันไปโดนเขาคิ้วแตกเองนะ!

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักตลกรักหวานๆวิศวกรสัญญาทางรักรักวัยรุ่นโรงแรม/มหาลัยโรแมนติก

บทนำ

ครืดๆ~

“ฮัลโหลคะแม่” ฉันวางเครื่องดูดฝุ่น แล้วเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือบน

โต๊ะรับแขก จากนั้นก็กดรับสาย และกรอกเสียงหวานลงไป

[ลาน่า แม่มีเรื่องจะบอก]

“อะไรคะ แม่เป็นอะไรรึเปล่า” ฉันถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเสียงของแม่ฟังดูเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ

[คอนโดห้องนั้นแม่ขายแล้วนะลูก ต่อไปนี้หนูต้องไปอยู่บ้านน้ายูมิที่เป็นเพื่อนแม่ก่อนนะ แม่ขอโทษจริงๆลาน่า] ฉันยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่ เดิมทีก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าแม่กำลังขายคอนโดห้องนี้ เพราะช่วงนี้ธุรกิจร้านดอกไม้ที่บ้านกำลังมีปัญหา แม่ถึงต้องเอาเงินไปหมุนก่อนแต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้เท่านั้นเอง

“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูเข้าใจ แม่ไม่ต้องคิดมากนะ”

[ขอบใจมากนะลูก น้ายูมิเพื่อนแม่รู้ก็เลยบอกให้ลาน่าไปอยู่ด้วยกันก่อนก็ได้น่ะเพราะใกล้มหาลัยด้วย หนูจะไปมั้ย] ฉันนิ่งคิดสักพัก ฉันรู้จักกับน้ายูมิที่เป็นเพื่อนสนิทแม่อยู่คร่าวๆเท่านั้น

และเหมือนแม่จะเคยเล่าให้ฟังว่าตอนฉันเป็นเด็ก น้ายูมิกับน้าแพทริคสามีของเธอเคยมางานศพพ่อของฉัน ถ้าจะให้ไปอยู่ด้วยคงรู้สึกเกรงใจ แต่ว่าตอนนี้จะทำไงได้ฉันไม่มีที่อยู่ด้วยสิ เงินยิ่งไม่มีเข้าไปใหญ่

“ได้ค่ะแม่”

@บ้านโรเกอร์

ฉันยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่สไตร์ยุโรปผสมผสานกับญี่ปุ่นที่ดูสวยงาม พร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้กับหอบกล่องใส่ของอันใหญ่ไปด้วย

“หนูลาน่าใช่มั้ยจ้ะ” ผู้หญิงวัยกลางคนหน้าตาสวยหวานแบบญี่ปุ่นเดินเข้ามาทักทาย ฉันยิ้มให้น้ายูมิแล้ววางกล่องใส่ของลงข้างตัว จากนั้นก็ยกมือไหว้

”สวัสดีค่ะน้ายูมิ หนูลาน่าค่ะ”

“ยิ่งโตหน้าตายิ่งน่ารักเหมือนพ่อกับแม่ไม่มีผิด แล้วนี่ริสาสบายดีมั้ยจ้ะ” น้ายูมิเดินมากุมมือฉันไว้

“แม่สบายดีค่ะ“

“งั้นเราเข้าบ้านกันเถอะ กล่องใส่ของก็วางไว้นี่ก็ได้จ้ะ เดี๋ยวให้ยามมายกให้”

“เอ่อ…ค่ะ” สักพักก็มีผู้หญิงอีกสองคนแต่งชุดแม่บ้านเดินมาหาน้ายูมิ แล้วเรียกลุงยามหน้าบ้านมายกของให้ ฉันรู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาเฉยเลย ก็ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีแม่บ้านหรืออะไรแบบนี้มาก่อน ดูดฝุ่นถูบ้านเองตลอด

“นี่กุญแจห้องหนูลาน่าจ้ะ อยู่ชั้นสองฝั่งซ้ายนะ ทำตัวตามสบายเลยนะ เดี๋ยวน้าออกไปทำธุระข้างนอกกับคุณแพทริคก่อน” ฉันยื่นมือไปรับกุญแจทรงวินเทจหรูหรา จากนั้นน้ายูมิก็เดินออกไปทางนอกบ้าน ฉันเลยเดินขึ้นไปบนชั้นสองฝั่งซ้าย แล้วไขกุญแจห้อง ภายในห้องนอนมีการตกแต่งที่สวยมาก จัดสรรพื้นที่ได้ดูดีสุดๆ

”วันนี้จะนอนหลับมั้ยเนี่ย” เกิดมาก็เพิ่งจะเคยนอนห้องใหญ่และหรูขนาดนี้

“ให้เอากล่องไว้ตรงไหนคะ” ฉันหันไปมองผู้หญิงอายุประมาณสี่สิบกว่าๆกำลังถือกล่องใส่ของหนักๆของฉันอยู่

“เดี๋ยวหนูถือเองค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” ฉันรีบแย่งกล่องในมือคุณป้ามาถือไว้ทันที

“ป้าไม่หนักหรอกค่ะ“ คุณป้ายิ้มใจดีให้ฉัน ฉันเลยยิ้มกว้างส่งกลับไปให้เธอ

“ไม่เป็นไรค่ะ ลาน่าถือเองดีกว่า”

“งั้นคุณลาน่ามีอะไรเรียกใช้ป้าได้นะคะ”

”เอ่อ เรียกลาน่าเฉยๆก็พอค่ะ“

“แต่ป้าว่า..”

“นะคะป้า หนูไม่ค่อยชินน่ะ” ฉันส่งยิ้มแห้งๆไปทันที

“ก็ได้ค่ะ มีอะไรก็บอกป้าได้นะคะ ป้าชื่อนวลค่ะ”

“ขอบคุณมากนะคะป้านวล” ฉันเข้ามาในห้องจัดของใช้ส่วนตัวที่หอบมาให้เรียบร้อย กว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาเกือบจะสองชั่วโมง ของน่ะมีไม่เยอะหรอก ที่นานก็มัวแต่ชื่นชมห้องน้ำกับเตียงขนาดใหญ่ที่นุ่มนิ่มนี่มากกว่า

ก๊อกๆ

ฉันเดินไปเปิดประตูห้องแล้วก็เจอกับป้านวลที่ยืนส่งยิ้มใจดีมาให้เช่นเคย

”คุณท่านเรียกไปทานข้าวค่ะ” ฉันเดินตามป้านวลลงมาที่ห้องทานอาหาร นั่นโต๊ะทานข้าวหรือโต๊ะประชุมทำไมมันยาวแบบนั้นล่ะ ตายแล้ว รู้สึกไม่ชิน

”นี่ไงคะหนูลาน่า ยิ่งโตยิ่งน่ารักใช่มั้ยล่ะ” น้ายูมิหันมายิ้มให้ฉันพร้อมกับน้าแพทริคสามีของเธอ

”เหมือนริสากับโอลิเวอร์จริงๆด้วย“ น้าแพทริคพูดยิ้ม ๆ

”สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้น้าแพทริคที่ส่งยิ้มใจดีมาให้ ถึงภายนอกท่านจะดูน่าเกรงขามมากก็ตาม แต่รอยยิ้มของน้าแพทริคกับน้ายูมิก็ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายลง

“มาแล้วเหรอคิริว“ น้ายูมิหันไปพูดกับคนที่อยู่ด้านหลังฉัน ทุกคนเลยหันไปมองตาม รวมทั้งฉันด้วย

”ครับ” ฉันมองผู้ชายที่กำลังเดินมาที่โต๊ะทานข้าวด้วยความตกตะลึง ความหล่อ เท่ห์ หุ่นดีของเขาไม่ได้ทำให้ฉันตกตะลึงเท่าเห็นชัด ๆ ว่าเขาคือใคร…

นี่มันคิริวบุคคลอันตรายที่สาวๆในมหาลัยปราบปลื้มในความโฉดของเขาน่ะสิ ถึงเขาจะอยู่คณะวิศวะ ซึ่งคนละคณะกับฉันแต่ฉันก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามในเรื่องไม่ดีของเขามาบ้างล่ะนะ แล้วทำไมถึงมาอยู่บ้านหลังเดียวกับฉันแบบนี้ล่ะ!

“ไปไหนมา แล้วทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้น” น้ายูมิถามคิริว แล้วเดินไปดูรอยฟกช้ำที่มุมปากของเขาด้วยความเป็นห่วง

“แกไปมีเรื่องมีราวอีกแล้วใช่มั้ย” เสียงเข้มทรงอำนาจของน้าแพทริคดังขึ้น ฉันยืนตัวลีบหลบอยู่มุมห้องข้าง ๆ ป้านวลทันที

“เปล่า“ คิริวตอบด้วยสีหน้านิ่งเฉย แต่ดูไปดูมาเขาก็น่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย

“ทานข้าวกันดีกว่าค่ะคุณ หนูลาน่ามาทานข้าวกันจ้ะ” น้ายูมิหันมาส่งยิ้มให้ฉัน พร้อมกับจับแขนคิริวมานั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ ท่าน ฉันเลยเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามกับน้ายูมิโดยมีน้าแพทริคนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะทานข้าว

“นี่ใคร” ฉันที่กำลังตักข้าวเข้าปากต้องสะดุ้งกับเสียงเข้มต่ำของคิริวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ช้อนเกือบทิ่มจมูกแล้วนะ!

“นี่หนูลาน่าเป็นลูกเพื่อนแม่จ้ะ หนูลาน่านี่คิริวลูกชายน้าเอง ทั้งสองคนอยู่มหาลัยเดียวกันด้วยนี่ รู้จักกันหรือเปล่า”

“ไม่รู้จัก” คิริวจ้องหน้าฉันเหมือนฉันเป็นสิ่งที่น่ารำคาญอะไรแบบนั้น ฉันหันขวับไปมองคิริวตาขวางทันทีแล้วหันไปส่งยิ้มให้น้ายูมิข้าง ๆ แทน

“หนูเป็นเด็กทุนน่ะค่ะ เลยไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่”

“เหรอจ้ะ หนูลาน่านี่เป็นเด็กดีจังเลยนะ ริสาคงจะภูมิใจน่าดู”

“แกก็ดูลาน่าเป็นตัวอย่างบ้างนะ ไม่ใช่ทำตัวเสเพลไปวัน ๆ ” น้าแพทริคพูดใส่คิริวเสียงเข้ม

ฉันพยายามกลืนข้าวลงคออย่างฝืดเคือง เมื่อสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อของคิริวมองมา ตลอดการทานอาหารเหมือนลิ้นฉันไม่สามารถรับรู้รสชาติของอาหารได้สักนิดเพราะมัวแต่เกร็งตัวไม่กล้าขยับอะไรมาก บรรยากาศที่โต๊ะอาหารดูมีพลังงานบางอย่างอึมครึมแปลกๆ

และหลังจากทานข้าวเสร็จฉันเลยมาช่วยป้านวลล้างจานอยู่นี่ไง…

“หนูลาน่าไม่ต้องมาช่วยป้าก็ได้ค่ะ”

“ไม่เป็นไรค่ะป้านวล ลาน่าไม่มีอะไรทำพอดี”

“ที่จริงคุณคิริวไม่น่ากลัวหรอกค่ะ” จู่ ๆ ป้านวลก็พูดขึ้น ป้าแกคงเห็นว่าฉันนั่งทานข้าวแบบเกร็งๆพร้อมกับสายตาเชือดเฉือนของคิริวที่มองมาที่ฉันเป็นระยะๆมั้ง เห็นสายตาของเขาแล้วใครมันจะไปกินข้าวแบบสบายใจได้ล่ะ

“เหรอคะ แต่เขาเหมือนจะไม่ชอบลาน่าเลยค่ะ”

”ไม่ใช่หรอกค่ะ คุณคิริวก็เป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว” ป้านวลหัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปเก็บจานที่ล้างเสร็จแล้วใส่ตู้

“ตั้งแต่เด็กเขาก็เป็นแบบนี้เหรอคะ”

”ค่ะ ตอนเด็กๆก็ไม่ค่อยพูดค่อยจา ท่าทางดูนิ่งๆแบบนี้แหละค่ะแต่คุณคิริวก็เป็นคนดีนะคะ”

”แล้วทำไมเขาต้องทำตัวแบบนั้นด้วยคะ ลาน่าไม่เห็นเข้าใจเลย”

“บางทีคุณคิริวอาจจะมีเหตุผลที่เราไม่รู้ก็ได้ค่ะ เพราะเป็นคนไม่ชอบพูดด้วยมั้งคะ” ฉันคิดตามที่ป้านวลบอก ก็อาจจะจริง แต่ถ้าไม่ได้ทำผิดก็อธิบายให้เข้าใจก็จบแล้ว ไม่รู้จะอมเอาไว้ทำไม

“จานนี่เก็บไว้ตรงไหนคะ” ฉันถามแล้วชูจานใบสุดท้ายให้ป้านวลดู

”เอาไว้บนชั้นฝั่งขวาเลยค่ะ” ป้านวลหันมาบอกฉันยิ้ม ๆ

”งั้นลาน่าไปอาบน้ำก่อนนะคะ” พอเก็บจานเสร็จ ฉันก็เดินขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง แล้วเข้าไปอาบน้ำทันที

ซ่าๆ

น้ำเย็นๆกระทบผิวทำให้รู้สึกหายเมื่อยล้าจากการเก็บของทั้งวันได้ดีจริงๆ หลังจากสระผมเสร็จฉันก็หันไปมองอ่างอาบน้ำอย่างชั่งใจว่าจะลงไปแช่ดีมั้ย แล้วก็ตัดสินใจลงไปแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำให้ผ่อนคลายสักหน่อย ก็ที่คอนโดฉันไม่มีนี่

“เฮ้อ สบายดีจัง” ฉันนอนหลับตาแช่น้ำในอ่างอย่างสบายอารมณ์ ในหัวคิดว่าจะทำยังไงกับชีวิตดี จะให้อยู่ที่บ้านน้ายูมิกับน้าแพทริคเฉยๆก็คงจะไม่ไหว รู้สึกเกรงใจยังไงไม่รู้ หรือว่าฉันจะคอยช่วยทำงานบ้านดี เอาแบบนี้ละกัน พรุ่งนี้ค่อยไปขอน้ายูมิดีกว่า

กุกกักๆ

เสียงดังมาจากหน้าห้องน้ำทำให้ฉันลืมตาขึ้น แล้วขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย ลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวมาห่อตัวเองไว้ จากนั้นก็เดินไปเปิดประตูห้องน้ำออกเพื่อดูว่ามันคือเสียงอะไร

หมับ!

“นะ..นาย อื้อ!” ฉันตกใจกับคนตรงหน้า คิริวเอามือใหญ่มาปิดปากฉันไว้ แขนแข็งแรงก็โอบรอบเอวบางฉันไว้แน่น แล้วดึงไปชิดแผงอกกำยำของเขาอย่างรวดเร็ว ฉันเอามือทุบที่ไหล่กว้างของคิริวแรง ๆ หลายทีแต่คิริวก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเลยสักนิด

“อยู่เฉยๆ” ยังมีหน้ามาให้อยู่เฉยๆอีก ฉันดิ้นไปด้วยทุบไหล่กว้างของคิริวไปด้วยสุดแรง แต่ก็ต้องหยุดดิ้นในนาทีต่อมาเพราะผ้าเช็ดตัวกำลังจะหลุด!

“อื้อ อ่อยอั้นอ้ะ!” ฉันรีบกำผ้าเช็ดตัวไว้แน่นแล้วพยายามเปล่งเสียงออกไปแต่ก็ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง

“อย่าเสียงดัง แล้วจะปล่อย” คิริวสบตาฉันนิ่ง ฉันได้แต่พยักหน้าถึงจะไม่เข้าใจว่าเขาเข้ามาในห้องฉันทำไมก็เถอะ

และคิริวก็ค่อย ๆ เอามือใหญ่ออกจากปากฉัน แต่ท่อนแขนแข็งแรงของเขายังคงโอบกอดเอวฉันแน่นเหมือนเดิม

“นายเข้ามาทำอะไรที่ห้องฉัน” ฉันจ้องหน้าเขาเคืองๆ แล้วพยายามแกะแขนเขาออก แต่คิริวกลับดึงตัวฉันไปแนบชิดแผงอกกำยำของเขายิ่งกว่าเดิม ฉันตกใจจึงรีบกำผ้าเช็ดตัวให้แน่นมากขึ้นด้วยความรวดเร็ว

“แต่นี่มันบ้านฉัน” คิริวส่งสายตาดุคมดันมาให้ ฉันรู้สึกกลัวสายตาคู่นี้ของเขาขึ้นมาทันที

“ตะ..แต่”

ก๊อกๆ

”หนูลาน่า คุณยูมิให้ป้าเอานมอุ่นๆมาให้ค่ะ” เสียงป้านวลที่ดังอยู่หน้าห้องเหมือนกระชากวิญญาณฉันออกจากร่าง ฉันตกใจจนตาโตเงยหน้าไปมองคิริวที่มีสีหน้านิ่งเฉยไม่รู้สึกตกใจอะไรทั้งสิ้น

“คิริว ปะ..ปล่อย อ๊ะ!” ฉันดันตัวเขาออก แต่คิริวก็ไม่ยอมปล่อยแถมยังเอาแขนแข็งแรงทั้งสองข้างโอบรอบเอวฉันแน่นแล้วยกฉันขึ้นจนขาลอย ฉันตกใจรีบเอามือไปโอบรอบลำคอแกร่งของเขาไว้แน่นทันที

“อย่าเสียงดัง” เขาพาฉันมายืนข้างเตียงแล้ววางฉันลงพื้นตามเดิม ฉันมองเตียงสลับกับมองหน้าคิริวอย่างระแวง

“หนูลาน่า หลับรึยังคะ” เสียงป้านวลที่ดังอยู่หน้าห้องช่วยดึงสติฉันให้กลับมาอีกครั้ง และรีบตะโกนบอกเสียงดัง ถ้าเกิดป้ามาเห็นฉันกับคิริวสภาพนี้ก็แย่น่ะสิ!

“เอ่อ ยะ..ยังค่ะป้านวล ป้าเอาวางไว้หน้าห้องก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวลาน่าออกไปเอาเอง”

“เอางั้นเหรอคะ งั้นป้าวางเอาไว้หน้าห้องนะคะ”

“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ อ๊ะ!” คิริวดึงข้อมือฉันแรงๆจนฉันล้มไปนั่งทับบนตักของเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

“หนูลาน่าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงป้านวลถามขึ้นอย่างสงสัย ฉันเลยรีบตะโกนบอกอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว

“เปล่าค่ะๆ ลาน่าแค่ทำของตก” มือใหญ่ของคิริวดึงปมผ้าเช็ดตัวฉันออก ฉันตกใจเกือบส่งเสียงดังออกไป และยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้ทันที

“อ๋อ ค่ะ งั้นป้าไปก่อนนะคะ”

”เอ่อ คะ..ค่ะ” ฉันรีบยกมืออีกข้างขึ้นมาปิดหน้าอกของตัวเองไว้ แล้วหันไปมองคิริวด้วยสายตาขุ่นเคือง

”ปิดทำไม” คิริวหัวเราะในลำคอแกร่งเบา ๆ ใครเขาจะมาเปิดกันล่ะ!

“นายจะทำอะไร ออกไปนะ” ฉันดึงผ้าห่มบนเตียงขึ้นมาคลุมตัวเองไว้แทนผ้าเช็ดตัวที่คิริวโยนลงพื้น

หมับ!

“ไม่บอก” คิริวดึงข้อมือให้ฉันไปใกล้เขามากขึ้น

“คิริว อย่าทำอะไรบ้าๆนะ”

“หึ”

“อื้อ!” แขนแข็งแรงของคิริวโอบกอดฉันเข้าไปแนบชิดแผงอกกำยำของเขา แล้วประกบจูบลงมาอย่างรวดเร็วจนฉันตั้งตัวไม่ทัน ฉันได้แต่ส่งเสียงประท้วงในลำคอแล้วทุบไหล่กว้างของเขาแรงๆเท่านั้น แต่คิริวกลับขบริมฝีปากล่างของฉันแล้วดุนดัดลิ้นเปียกชื้นของเขาเข้ามาในโพรงปากฉันด้วยความรวดเร็ว

ลิ้นหนาดูดดึงลิ้นเล็กของฉันไปมาอย่างช่ำชอง มือใหญ่อีกข้างดึงผ้าห่มที่คลุมร่างกายฉันออกแล้วกอบกุมหน้าอกเปลื่อยเปล่าของฉัน โดยที่นิ้วเรียวยาวของเขาก็สะกิดยอกเย้ากับยอดอกที่แข็งชูชันของฉัน จนในหัวของฉันตอนนี้ขาวโพลนไปหมด

พรึบ!

คิริวอุ้มฉันขึ้นโดยที่เขายังคงจูบฉันไม่ห่าง แล้ววางฉันลงที่เตียงใหญ่ เขาผละริมฝีปากออก ฉันได้แต่หอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ ทำได้เพียงสบตาสายตากับคิริวที่กำลังคร่อมร่างของฉันอยู่เตียง

”แยกขาออก” เสียงเข้มดุดันทำให้สติที่แตกกระเจิงของฉันกลับคืนมาทันที

“มะ..ไม่!”

หมับ!

ฉันรีบลุกขึ้นนั่ง และกำลังจะคลานลงจากเตียง แต่มือใหญ่คิริวกลับจับข้อเท้าฉันไว้แน่นแล้วดึงแรง ๆ จนฉันกลับไปนอนอยู่ใต้ร่างกายสูงใหญ่ของเขาอีกครั้ง

“จะไปไหน” คิริวจับข้อมือทั้งสองข้างของฉันไว้เหนือหัวด้วยฝ่ามือใหญ่เพียงข้างเดียวของเขา ฉันพยายามสะบัดข้อมือของตัวเอง แต่คิริวกลับจับแน่นขึ้นกว่าเดิม

“ปล่อยฉันนะคิริว นายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!”

“ทำไมจะไม่ได้” มือใหญ่อีกข้างของเขาค่อย ๆ ดันหัวเข่าของฉันให้แยกออกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ฉันพยายามจะขัดขืนแต่ก็สู้แรงของคิริวไม่ได้อยู่ดี

”อย่านะ!”

“อยากให้คนทั้งบ้านมาได้ยินรึไง” คิริวกระซิบข้างหูฉันแผ่วเบา ฉันหยุดนิ่งหุบปากฉับแล้วมองหน้าเขาด้วยความโกรธเคืองทันที บ้าจริง!

“แยกขาออก”

“ไม่ อ๊ะ!” มือใหญ่ของคิริวกอบกุมจุดอ่อนไหวกลางกายของฉัน นิ้วเรียวยาวของเขาก็ลูบไล้สะกิดจุดเสียวของฉันจนฉันเผลอครางออกมาอย่างน่าอาย

คิริวก้มลงมาดูดดึงยอดอกของฉันอย่างหิวกระหาย ลิ้นเปียกชื้นสะกิดหยอกเย้ายอดอกที่แข็งชูชันของฉันไปมา จนฉันที่กำลังกัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่นกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป

”ฮึ่ม” เสียงเข้มต่ำพึมพำในลำคออย่างพอใจ และคิริวก็ดูดดึงยอดอกฉันแรงขึ้น นิ้วเรียวยาวของเขาลูบไล้จุดเสียงกลางกายของฉัน จากนั้นก็ค่อย ๆ ดุนดันเข้ามาภายในช้า ๆ

“อึก อื้อ!”

ฉันกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเอาไว้จนเจ็บไปหมด คิริวประกบจูบปากฉันอีกครั้ง ลิ้นเปียกชื้นดุนดันหยอกเย้าลิ้นเล็กของฉันไปมา ความรู้สึกเจ็บในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านแทน เมื่อนิ้วยาวของคิริวขยับเข้าออกช้า ๆ จนฉันมึนเบลอไปหมด ได้แต่ส่งเสียงครางในลำคอ เพราะลิ้นหนาของเขายังคงดูดดึงลิ้นเล็กของฉันไปมา

คิริวผละริมฝีปากออก แล้วจูบไซ้ซอกคอของฉันลงไปเรื่อย ๆ ก่อนจะหยุดลงที่ยอดอกที่แข็งชูชันของฉัน เขาแลบลิ้นสะกิดหยอกเย้า แล้วสบสายตากับฉันที่มองลงไป ฉันรู้สึกขัดเขินแปลกๆเลยหันหน้าหนีเขาไปอีกทาง

มือใหญ่ปล่อยมือจากข้อมือฉัน แล้วกอบกุมบีบเค้นหน้าอกอีกข้างอย่างหมั่นเขี้ยว ส่วนอีกข้างริมฝีปากของคิริวก็ดูดดึงยอดอกของฉันจนเกิดเสียงดัง ฉันครางออกมาโดยไม่รู้ตัว มือก็กำผ้าปูเตียงจนยับยู่ยี่ไปหมด

“อ๊ะ คิริว”

นิ้วเรียวยาวของคิริวขยับเข้าออกรัวเร็วขึ้น จนฉันเสียวซ่านครางออกมา สักพักเขาก็เอานิ้วออก ฉันหอบหายใจรู้สึกทำอะไรไม่ถูก แต่แล้วกลับรับรู้ได้ว่ามีสิ่งแปลกใหม่กำลังถูไถอยู่กับรจุดอ่อนไหวกลางกายของฉัน

ฝ่ามือใหญ่จับขาฉันแยกออกกว้างมากขึ้นกว่าเดิม ฉันหันไปมองและเห็นว่าคิริวกำลังฉีกซองถุงยางอยู่ เขาหันมาสบสายตากับฉัน จากนั้นก็ค่อย ๆ ดุนดันแก่นกายส่วนหัวเข้ามา ฉันหันหน้าหนีไปมองอีกทางด้วยความรวดเร็ว และความรู้สึกเจ็บแล่นไปทั่วร่างจนฉันต้องจับไหล่ของคิริวไว้แน่น จิกเล็บลงไปจนจมเนื้อของเขาอย่างแรง

“อย่าเกร็ง” คิริวขบกรามแล้วพูดกับฉันเสียงเข้มแหบพร่า

”มะ..ไม่ ฉันเจ็บ!” ฉันพยายามถอยหนี แต่คิริวกลับจับยึดสะโพกฉันเอาไว้แน่นแทน แล้วดุนดันแก่นกายใหญของเขาเข้ามาเรื่อย ๆ

“ถ้าไม่อยากเจ็บก็อยู่เฉย ๆ”

“ อื้อ!” คิริวดุนดัดเข้ามาครั้งเดียวจนสุด ฉันแอ่นตัวโอบกอดรอบลำคอแกร่งของเขาไว้แน่นทันที กัดเข้าไปที่หัวไหล่ของคิริวแรง ๆ ทำไมมันถึงได้เจ็บขนาดนี้นะ เหมือนร่างกายจะฉีกออกเป็นสองส่วนเลย ให้ตายเถอะ!

คิริวแช่แก่นกายใหญ่ของเขาเอาไว้อยู่หลายนาที และเมื่อฉันเริ่มผ่อนคลายลง คิริวก็เริ่มขยับเข้าออกช้าๆ ความเจ็บเริ่มเปลี่ยนเป็นความเสียวเกินจะบรรยาย ทุกการขยับเข้าออกที่เขากระแทกกระทั้นเข้ามาในตัวฉัน มันจุกปนเสียวซ่านไปหมด

“อื้อ…คิริว“ ฉันโอบกอดรอบลำคอแกร่งของเขาแน่นขึ้น คิริวจับต้นขาของฉันขึ้นไปรัดรอบเอวสอบของเขา แล้วกระแทกแก่นกายเข้ามาลึกอย่างช้า ๆ

เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสอดประสานกับเสียงของช่วงล่างที่ฉัน และเขาเชื่อมถึงกันอยู่ คิริวค่อย ๆ ขยับรัวเร็วขึ้น แต่ยังคงกระแทกกระทั้นเข้ามาลึกสุด จนฉันเสียวซ่านในช่องท้อง แลเผลอครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“คิริว จะ..เจ็บ อ๊ะ”

“แยกขาออกอีก” เสียงเข้มแหบพร่าเอ่ยขึ้น แล้วฝ่ามือใหญ่ก็จับขาข้างหนึ่งของฉันขึ้นพาดบ่าเขาไว้ จากนั้นเขาก็ก้มลงมาดูดดึง และใช้ลิ้นสะกิดขบกัดยอดอกที่แข็งชูชันของฉัน

“อ๊ะ...คิริว” ร่างกายและหน้าอกอีกข้างของฉันขยับขึ้นลงไปตามแรงกระแทกเข้าออกที่คิริวกระหน่ำใส่ไม่ยั้ง ฝ่ามือใหญ่บีบเค้นหน้าอกอีกข้างของฉัน นิ้วยาวก็สะกิดหยอกเย้ายอดอกไปมา ฉันแอ่นตัวให้เขาได้ดูดดื่มยอดอกได้ถนัดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว มือก็จับยึดไหล่กว้างของคิริวเอาไว้แน่น

คิริวจับต้นขาอีกข้างของฉันไปพาดบ่าเขาไว้ แล้วกระแทกกระทั้นรุนแรงขึ้น จากนั้นคิริวก็ยืดตัวขึ้น และสอดมือมาใต้ข้อพับเข่าของฉัน เราสบสายตากันโดยที่คิริวยังคงขยับเข้าออกใส่ฉันอย่างไม่ลดละ ฉันหันหน้าหนีเขาไปมองอีกทางทันที มือก็กำผ้าปูเตียงเอาไว้แน่น แต่เขากลับกระแทกกระทั้นเข้ามารัวเร็วถี่ยิบ และลึกสุด เหมือนจะแกล้งให้ฉันต้องร้องครางลั่นออกมาอย่างน่าอาย

”อ๊ะ!”

“ลาน่า” คิริวขบกรามแน่น แล้วขยับเข้าออกลึก ๆ อีกครั้ง ฉันเกร็งจนรู้สึกถึงว่าภายในกำลังตอดรัดแก่นกายใหญ่ของเขารัวเร็ว

“อ๊ะ ยะ..อย่า” คิริวเริ่มขยับอีกครั้ง เขาดันขาฉันเขามาจนชิดกัน แล้วเอาไปพาดบ่าเขาไว้ ทำให้ฉันรู้สึกว่าแก่นกายของเขากำลังเข้ามาลึกมากขึ้นกว่าเดิมจนจุกเสียวไปทั่วช่องท้อง

“ฮึ่ม“ เขาขยับเข้าออกช้า ๆ แต่กระแทกกระทั้นเข้ามาลึกสุดทุกการเข้าออก

“อ๊ะ!” ฉันครางแล้วส่ายหัวไปมาบนเตียง มันเสียวซ่านจนทนแทบไม่ไหว ยิ่งคิริวเริ่มขยับเข้าออกรัวเร็ว ฉันก็ยิ่งเสียงซ่านจนควบคุมสติตัวเองเอาไว้ไม่อยู่

“น่ารักมากลาน่า” แล้วคิริวก็กระแทกกระทั้นเข้าใส่ จนฉันขยับขึ้นลงไปตามแรงกระแทกกระทั้นของเขา มือใหญ่ทั้งสองข้างกอบกุมหน้าอก และบีบเค้นอย่างหมั่นเขี้ยวที่มันขยับสั่นไหว

ฉันกัดริมฝีปากล่างของตัวเองจนเจ็บ และพยายามควบคุมสติที่เหลือน้อยนิดให้กลับคืนมา แต่คิริวก็ทำให้สติของฉันแตกกระเจิงไปอีกหลายต่อหลายครั้ง…