บท
ตั้งค่า

Episode 02: หนุ่มหนวด[2/1]

ใคร!?

ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยตกใจกลัวเท่านี้มาก่อน เจ้าอรุณเหลือบมองร่างใหญ่ด้านหลังที่ทาบทับตัวเองด้วยร่างกายเปล่าเปลือยอย่างหวาดหวั่น ในหัวเขาไม่คิดแม้แต่น้อยว่าผู้ชายคนนี้จะมาดี

ก็ใครมันจะคิดว่ามาดีได้ลงคอกันล่ะ มาจากไหนก็ไม่รู้ โผล่มาดึกๆ ดื่นๆ มาถึงก็มาขึ้นคร่อม แถมยังแก้ผ้าอีก เป็นใครก็คิดว่ามาร้ายกันทั้งนั้น!

ข่มขืน...

ข่มขืนแน่ๆ

คิดแง่ลบสุดกู่ไปเรียบร้อย ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดหวั่น ยิ่งรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ จากคนด้านหลัง เจ้าอรุณก็ยิ่งหนาวยะเยือกด้วยความหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ พลันต้องการคำตอบว่าทำไมถึงต้องเป็นเขา

ถ้าอยากมากนัก ช่วยตัวเองไม่เป็นหรือไง! นี่มันผู้ชายนะเว้ย!

เจ้าอรุณอยากจะตะโกนประโยคนี้ใส่นัก ย้ำเตือนไอ้โจรบ้าห้าร้อยนี่สักหน่อยว่าเขาเองก็เป็นผู้ชาย จะมาทำอะไรบ้าๆ อย่างนี้ไม่ได้

หากแต่โจรบ้ากามคงจะไม่ได้สนใจ กระซิบแผ่วเบาอีกครั้ง

“ขอนะ...”

ขออะไรวะ!?

เจ้าอรุณพยายามจะอ้าปากพูด อยากจะทั้งร้องห้าม ทั้งขอความช่วยเหลือ แต่อาการชาก็ยังไม่หายไปแม้แต่น้อย เขาเลยได้แต่เหลือกตามองไปยังร่างใหญ่บนหลัง

ใบหน้าคร้ามของชายฉกรรจ์ที่มีหนวดเคราขึ้นเขียวครึ้มปกบังใบหน้าปรากฏสู่สายตา ผมหยักศกสีน้ำตาลรุงรังปกปิดซีกแก้มทำให้มองเห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดนัก อย่าว่าแต่เส้นผมหยักศกที่ปิดอำพรางหน้าตาเลย ลำพังแค่หนวดเครา เขาก็เห็นไม่ชัดแล้วว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่จะอะไรก็ตามเถอะ สิ่งที่ทำให้ต้องพรึงเพริดก็คือดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้ที่ประกายวาวยามจับจ้องใบหน้าเขาต่างหาก สายตาหวานหยาดเยิ้มนั่นมันทำให้เจ้าอรุณขนลุกไปทั่วทั้งกาย แล้วก็ต้องขนลุกไปยันทุกอณูไม่เว้นแม้แต่ซอกหลืบเมื่ออีกฝ่ายกระซิบเสียงพร่าข้างหู

“ขอดูดหน่อย”

ดูดบ้าอะไร!?

เมื่อกี้ขอรัด ตอนนี้ขอดูด เจ้าอรุณไม่สามารถคิดเป็นอย่างอื่นไปได้เลยนอกจากความอกุศล ชักจะมั่นใจมากกว่าเดิมว่าผู้ชายคนนี้มีจุดประสงค์อะไร ก่อนจะพยายามดิ้นรนขัดขืนเมื่อผิวเนื้อบริเวณใบหน้าถูกเคราถูไถสร้างความสะพรึงให้ ตอนนี้ไม่คิดจะหาคำตอบใดๆ แล้วว่าอาการมึนงงและชาเกิดขึ้นกับตัวเขาได้อย่างไร จิตใต้สำนึกในตอนนี้บอกอย่างเดียวว่าให้รีบหนีเท่านั้น

ปลายนิ้วเริ่มขยับได้แล้ว เจ้าอรุณคิดให้วุ่นว่าจะใช้ปลายนิ้วทำอะไรเพื่อให้ตัวเองรอดจากการกระทำอุกอาจนี้ได้บ้าง หากแต่กระบวนการคิดของเขาก็ถูกทำลายลงเมื่อจู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างลากไล้ไปตามแนวสันหลังของเขา ถึงจะเป็นการสัมผัสผ่านเสื้อผ้า ทว่าก็ทำให้เจ้าอรุณกัดฟันแน่น ขยะแขยงกับการสัมผัสนี้เต็มทน แต่แล้วก็ต้องตระหนกสุดขีดเมื่อชายเสื้อของตัวเองถูกถลกขึ้น พลันสัมผัสนั่นก็แตะลงมาสู่ผิวเนื้อ

นั่นมันอะไร!?

ตอนแรกก็ตระหนกเพราะถูกเลิกเสื้อขึ้น แต่ตอนนี้ตกใจเพราะตระหนักได้ว่าสัมผัสที่ลากไล้แนวแผ่นหลังเขาเมื่อครู่มันไม่ใช่ฝ่ามือ ทว่าเป็นวัตถุบางอย่างที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม เรียวและเล็กเกินกว่าจะเป็นฝ่ามือหรือเรียวนิ้วมนุษย์

คล้ายกับสัมผัสเมื่อตอนกลางวัน...

ตอนกลางวันไหน?

ก็ตอนที่เขาศึกษาเถาวัลย์ประหลาดแล้วถูกมันชอนไชเข้าไปในกางเกงอย่างไรล่ะ!

สัมผัสเดียวกันเลย!

“ยะ...อย่า...”

วินาทีนี้อาการชาเริ่มหายไปแล้วเลยพอจะออกปากห้ามได้ แต่ไอ้บ้าหนวดเฟิ้มก็ยังไม่หยุด กระซิบเสียงพร่าเจือหัวเราะมาให้ได้ยิน

“ขอดูดนิดเดียว ไม่ทำให้เป็นอันตรายหรอก”

จะรัดหรือจะดูด จะเป็นอันตรายหรือไม่ก็ไม่ให้ทำเว้ย! ใครจะยอมกัน!

ใจคิดว่าไม่ยอม ปากก็จะบอกว่าไม่ยอม แต่ไอ้คนข้างหลังขี้ตู่ไปเองว่าสมยอมไปเรียบร้อย พูดจบก็จัดการส่งวัตถุประหลาดที่ลากไล้อยู่บนแผ่นหลังนั้นสอดเข้าไปใต้กางเกง เจ้าอรุณจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้าหากมันไม่เลื้อยชอนไชไปมาราวกับหาที่พักพิงจนเขาขนลุกตั้งแต่หัวยันปลายเท้าขนาดนี้

ขนลุกยิ่งกว่าส่วนอื่นก็ซอกหลืบที่ไม่เคยเปิดเผยให้ใครเห็นนี่แหละ!

“อย่า... ยะ...อย่า...”

ริมฝีปากเริ่มขยับได้มากขึ้นแล้ว แต่แล้วอีกฝ่ายก็สะกดทุกคำพูดของเจ้าอรุณลงไปด้วยการสำรวจทุกซอกทุกมุม สำรวจลึกเข้าไป

ลึก...ลึกมาก... ลึกจนคนถูกบุกเบิกสะดุ้งเฮือกใหญ่

ฮึก!

พอรู้สึกเหมือนถูกอะไรบางอย่างล่วงล้ำเข้ามาในร่างกาย กล้ามเนื้อบั้นท้ายก็เกร็งเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เสียงจึ๊ปากไม่พอใจดังออกมาจากผู้ชายหน้าหนวดเพราะปากทางถูกปิดสนิท ก่อนจะส่งเสียงหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าอรุณเริ่มขยับร่างกายได้

“หมดฤทธิ์แล้วเหรอเนี่ย”

ไอ้หนวดบ้ากามพูดคนเดียว แล้วก็ทำทีไม่สนว่าเหยื่อจะขยับได้เพราะเขาไปสนใจรุกล้ำส่วนอื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เถาวัลย์เถาเล็กๆ อีกหลายเถาก็ถูกส่งเข้าไปใต้เสื้อผ้าของเจ้าอรุณ ลูบไล้ไปตามแนวเนื้อทั่วลำตัวตั้งแต่บริเวณหน้าอกจนถึงข้อเท้า พอเถาวัลย์ลากผ่านส่วนอ่อนไหวบริเวณหน้าอก คนถูกรุกรานก็สะดุ้งตัวเกร็ง

โอ้โห ได้พบพานความสยิวกิ้วที่สุดในชีวิตเป็นครั้งแรก จะสะกิดหัวนมเพื่อ!?

เจ้าอรุณตวัดสายตากร้าวไปมองตาเหลือกตาโปน ฟันก็กัดแน่น ข่มความรู้สึกวาบหวามอย่างสุดกำลังขณะที่อีกฝ่ายพึมพำอย่างอารมณ์ดี

“แหล่งน้ำๆ”

แหล่งน้ำอะไรเล่า! ไม่ใช่ผู้หญิง แถมไม่ใช่สตรีมีครรภ์ ร่างกายไม่ผลิตน้ำนมออกมาหรอก มาทาถูๆ ให้ตายก็ไม่มี ถ้าไม่นับต่อมน้ำตา น้ำมูก หรือน้ำลายล่ะก็ แหล่งน้ำที่จะผลิตได้อีกที่ก็มี...

มี...ตรงนั้น...

เฮ้ย!

หยุดเดี๋ยวนี้!

คิดได้ว่ายังมีส่วนไหนที่ผลิตน้ำออกมาได้ก็สะพรึงหนัก ดิ้นพราดๆ หนีทันทีเมื่อคิดได้ว่าเถาวัลย์จะถูกส่งไปหาแหล่งน้ำที่ไหน แต่ไม่ทันแล้ว เถาวัลย์ซอกซอนชอนไชไปที่เป้ากางเกงเขาแล้ว สัมผัสแผ่วเบาตวัดฉวัดเฉวียนเฉียดจู้ฮุกกรู้ไปมาทำเอาน้ำตาลูกผู้ชายของเจ้าอรุณแทบไหลพราก

มันไม่ใช่แหล่งน้ำที่ตามหาแน่นอน เจ้าอรุณสาบาน!

สาบานไปก็เท่านั้น ไอ้หื่นกามฟังที่ไหน ท่าทางไม่ได้ดูเหมือนอยากจะหาแหล่งน้ำสักนิด เหมือนอยากจะเสกไส้เดือนให้เป็นมังกรมากกว่า เจ้าอรุณรีบข่มความรู้สึกประหลาดลงไปอย่างรวดเร็ว ถึงจะงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่แต่ตอนนี้ก็ไม่คิดจะหาคำตอบแต่อย่างใด ในเมื่อร่างกายเริ่มขยับได้แล้ว เขาก็ไม่นอนแบ็บทนให้ผู้ชายแปลกๆ มาระรานร่างกายเขาอีกต่อไป เริ่มดิ้นรนไปมา ตะเกียกตะกายให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม

เหมือนจะลืมไปว่าไม่ใช่แค่ถูกร่างใหญ่ทาบทับอยู่ เจ้าอรุณยังถูกเถาวัลย์ประหลาดพันธนาการทั้งร่างไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวอีกด้วย ปกติแล้วเขาจะต้องใช้สมองคิดวางแผนสักหน่อยว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองหลุดไปจากการรั้งนี้ไว้ดีตามประสาคนไอคิวสูง ทว่าวินาทีนี้เขาไม่คิดจะใช้สมองแม้แต่น้อย ใช้เพียงสัญชาตญาณล้วนๆ ดิ้นพล่านอย่างกับปลาโดนน้ำร้อนลวกจนโจรบ้ากามที่ยังคงรุกล้ำร่างกายไม่หยุดหย่อนเริ่มโวยวาย

“โอ๊ย อย่าดิ้นมากได้ไหม ดูดไม่ได้”

“ใครมันจะปล่อยให้ตัวเองถูกดูดกันวะ!”

พอพูดได้อย่างอิสระแล้ว เจ้าอรุณก็เปล่งออกไปสุดเสียง ดิ้นหนักเข้าไปใหญ่ทันทีที่ร่างกายลดอาการชาลงจนเกือบจะหายเป็นปลิดทิ้ง

“นี่ อย่าดิ้นได้ไหม ก็แค่ขอดูดนิดเดียว อยู่เฉยๆ ก่อนน่า”

เจ้าอรุณไม่ฟังน้ำเสียงหงุดหงิดกึ่งขอร้องนั่น ดิ้นหนักยิ่งกว่าเดิม ทำให้ชายหน้าหนวดเริ่มออกแรงกดทับมากขึ้น ซ้ำเถาวัลย์ที่ตรึงแขนและขาเขาอยู่ก็คล้ายจะบีบรัดมากขึ้นเช่นกันราวกับเถาวัลย์พวกนั้นทำตามความปรารถนาของผู้ชายบนตัวเขา

แต่จะอะไรก็ช่าง ณ เวลานี้ เขาควรเอาตัวรอดก่อน ไม่ใช่เวลาจะมาคิดเรื่องอื่นแล้ว

“ช่วยด้วย! ใครอยู่ข้างนอกบ้าง ช่วยด้วย!”

ตะโกนออกไปสุดเสียงและดังยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ซ้ำยังดิ้นพล่านไปชนชั้นที่มีกระถางต้นไม้เล็กๆ นับสิบกระถางซึ่งวางอยู่ใกล้ๆ ตกแตกกระจาย สร้างเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วยิ่งกว่าเดิมอีก

คนบนตัวนักพฤกษศาสตร์หนุ่มสะดุ้งด้วยความตกใจ สายตาเหลือบไปเห็นเศษซากของกระถางต้นไม้ตรงหน้าก็รับรู้ได้ทันทีว่าท่าไม่ดีแล้ว และก็ต้องรีบผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อหูทั้งสองข้างได้ยินเสียงฝีเท้าของคนสองสามคนวิ่งเข้ามาใกล้

“เกิดอะไรขึ้นครับคุณอรุณ!”

เสียงของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเดียวกับที่มาถามเจ้าอรุณว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับ เจ้าหน้าที่คนนั้นไม่ได้มาคนเดียว ยังพาเพื่อนร่วมงานอีกสองคนมาด้วยเผื่อว่าเกิดเหตุไม่ดีจะได้ช่วยกัน

หนุ่มหน้าหนวดเห็นแขกไม่ได้รับเชิญก็รู้ทันทีว่าต้องรีบหนี ใช้จังหวะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนั้นสอดส่ายสายตาสังเกตหาความผิดปกติด้านในกระโดดหายไปอีกทาง น้ำหนักบนแผ่นหลังที่ถูกยกออกไปทำให้เจ้าอรุณรีบตะเกียกตะกายไปข้างหน้าให้คนเห็นด้วยเกรงว่าถ้าไม่รีบฉกฉวยโอกาสนี้จะทำให้พลาดโอกาส ก่อนจะรู้สึกว่าเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้นอย่างฉับพลันจนต้องรีบหันไปมองเรือนร่างตัวเอง

บรรดาเถาวัลย์เถาน้อยใหญ่ที่พันธนาการเขาอยู่คลายตัวออกในชั่วพริบตา และกลับไปยังที่ของมันก่อนจะสงบนิ่งคล้ายกับว่าเมื่อครู่ไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย

เป็นอิสระได้ เจ้าอรุณก็รีบดันตัวขึ้น สายตามองซ้ายขวาเร็วๆ เพื่อหาผู้ชายแปลกหน้าคนที่ลวนลามเขาคนนั้นเป็นพัลวัน ทว่าก็ไม่เห็นแม้แต่วี่แวว

หะ...หายไปไหนกัน!?

ไม่มีอะไรผิดแปลกไป รอบๆ เรือนกระจกไม่ได้มีช่องทางไหนที่จะหนีออกไปได้ถ้าหากไม่ผ่านประตูทางเข้าที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนอยู่ ซ้ำเรือนกระจกนี้ก็ไม่ได้กว้างขวางมากนักถึงขนาดที่จะมีพื้นที่พอให้หลบซ่อนได้อย่างมิดชิด

โผล่มาจากไหนก็ยังไม่รู้ นี่หายไปไหนก็ยังไม่รู้อีก มันเกิดอะไรขึ้น!?

เริ่มสงสัยหนักในตอนนี้ ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อถูกทัก

“เกิดอะไรขึ้นครับคุณอรุณ ทำไมชั้นนี่มันถึงได้ล้มระเนระนาดอย่างนี้”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเดิมร้องถาม เจ้าอรุณถึงได้รู้สึกตัว มองไปยังเศษซากกระถางต้นไม้ที่เพาะต้นอ่อนของพรรณไม้ประหลาดที่กำลังศึกษาอยู่แล้วก็รีบเอ่ยปาก

“คือเมื่อกี้จู่ๆ ผมก็ถูก...”

ถูกผู้ชายแปลกหน้าพยายามจะข่มขืน...

เกือบจะพูดไปอย่างนี้แล้ว แต่ก็ฉุกคิดได้ว่าถ้าบอกไปอย่างนั้น คนฟังจะต้องตกใจแล้วก็ซักไซ้ไล่เรียงไม่หยุดหย่อนแน่ แต่ปัญหาก็คือเขาไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นอยู่ไหน ไม่มีการทิ้งหลักฐานหรืออะไรไว้ด้วย ถ้าเขาพูดไป ดูท่าทางจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะเขาถูกลวนลามด้วยนะ แต่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับหัวข้อในการนินทาเขาต่างหาก ใครมันจะไปเชื่อกัน ยิ่งมันมาจากคนที่ไม่ค่อยมีใครชอบขี้หน้าอย่างเขาด้วยแล้ว คงเห็นเป็นเรื่องตลกมากกว่า

ดังนั้นเจ้าอรุณจึงตัดสินใจเปลี่ยนคำพูดกะทันหัน

“ผมหน้ามืดน่ะครับก็เลยวูบไป พอรู้สึกตัวก็เลยร้องขอความช่วยเหลือ”

ได้ยินอย่างนั้น คนฟังก็เลิกทำหน้าเครียด พอจะเข้าใจสถานการณ์ คิดไปว่าที่เจ้าอรุณหน้ามืดคงเป็นเพราะทำงานหนักจนร่างกายรับไม่ไหวก่อนจะพูดเชิงตำหนิออกมา

“ก็คุณทำงานหนักนี่ครับ ร่างกายมันเกินลิมิตแล้ว ผมว่ากลับไปพักเถอะ แล้วเตรียมตัวเล่าให้ด็อกเตอร์โจเซหน่อยนะครับว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้นพวกผมถูกดุแล้วจะถูกตัดเงินเดือนเอาโทษฐานไม่ดูแลความเรียบร้อยให้ดี”

เจ้าอรุณพยักหน้ารับ เข้าใจว่ากลุ่มคนตรงหน้าไม่อยากจะมารับผิดชอบความผิดที่ตนไม่ได้ก่อ ความจริงที่เขาทำกระถางต้นไม้พันธุ์ประหลาดพวกนี้แตกกระจายมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาเหมือนกัน เป็นความผิดของไอ้หน้าหนวดนั่นต่างหาก!

คิดแล้วก็อยากจะลากคอตัวการมาจัดการนัก ทำไมเขาต้องโดนต่อว่าทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรด้วย เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะไอ้เถาวัลย์กับไอ้บ้านั่นแท้ๆ

ถึงจะไม่อยากจะบอกไปตามความจริง แต่เจ้าอรุณรับไม่ได้กับการถูกต่อว่าสักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถูกต่อว่าในความผิดที่เขาไม่ได้ทำ ทำให้เขาปราดสายตามองไปยังรอบๆ เรือนกระจกอีกครั้ง ไม่มองอย่างเดียว มีเดินสำรวจตามซอกมุมด้วยจนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอดถามไม่ได้

“มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำอะไรหาย เดี๋ยวพวกผมช่วยหา”

เจ้าอรุณหันไปมองยังต้นเสียง ถามเสียงเรียบ

“พวกคุณเห็นใครนอกจากผมในเรือนกระจกนี่บ้างไหมครับ”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองหน้ากัน พลันส่ายหน้าเป็นคำตอบให้ชายหนุ่ม

“ไม่นี่ครับ เข้ามาก็เห็นแค่คุณคนเดียว”

“ผู้ชายที่หน้ามีหนวดเฟิ้มๆ ผมกระเซิงๆ ไม่ใส่เสื้อผ้าก็ไม่เห็นเหรอครับ”

พลั้งปากถามออกไปโดยไม่รู้ตัว ทำเอาคนฟังมองหน้ากันและกันอีกระลอก คราวนี้ไม่ได้เป็นการมองในเชิงหาคำตอบให้กับคำถาม แต่มองกันด้วยคิดตรงกันว่าเจ้าอรุณถามแปลกๆ

“ไม่เห็นครับ มีแค่คุณคนเดียวที่อยู่ที่นี่”

“แน่ใจนะครับว่าไม่เห็น”

เจ้าอรุณไม่ยอมแพ้ เค้นถามไปอีกก่อนจะถูกสวนคืน

“ผมว่าคุณทำงานหนักมากไปจนเริ่มเบลอแล้วล่ะ”

“ผมไม่ได้เบลอ...”

“เผลอหลับแล้วฝันไปหรือเปล่าครับ”

ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคดีเลย ถูกย้อนมาอย่างนี้ เจ้าอรุณก็ไปต่อไม่ถูก

เขาอาจจะหลับฝันไปจริงๆ ก็ได้ ก่อนหน้านั้นจู่ๆ ก็สลบไปโดยไม่รู้ตัวนี่

แต่ถ้าเผลอหลับฝันไป ทำไมความรู้สึกตอนถูกผู้ชายหน้าหนวดคนนั้นลวนลามกับสัมผัสประหลาดบนตัวเขามันถึงได้ชัดเจนนักล่ะ

มันไม่ใช่ความฝันแล้ว ฝันบ้าอะไรจะถึงเนื้อถึงตัวจนเขาจำทุกอณูสัมผัสได้ขนาดนี้

นึกถึงแล้วก็ขนลุก ก่อนจะได้สติอีกทีเมื่อถูกไล่

“กลับไปได้แล้วครับ เดี๋ยวเศษซากพวกนี้ พวกผมจัดการเอง ไปพักผ่อนเถอะ นอนให้มากๆ ผมว่าคุณชักแยกความจริงกับความฝันไม่ออกแล้ว เริ่มละเมอแล้วครับ”

อาจจะจริงอย่างที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นว่า บางทีเขาอาจจะเบลอจนแยกการละเมอออกจากโลกของความจริงไม่ได้

พอถูกไล่ เจ้าอรุณก็ไม่มีเหตุผลต้องอยู่อีกต่อไป เก็บข้าวของตัวเอง เตรียมตัวออกจากเรือนกระจก ปล่อยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำความสะอาดเศษซากอารยธรรมที่เขาทิ้งไว้ให้ หากแต่ก้าวยังไม่ทันจะพ้นประตูดีก็มีเสียงทักให้เขาต้องหยุดชะงัก

“มีอะไรติดอยู่ที่ขอบกางเกงด้านหลังน่ะครับ”

เจ้าอรุณเอื้อมมือไปจับขอบกางเกงตัวเองทันทีก่อนจะดึงสิ่งนั้นมาดูแล้วก็ต้องเบิกตาโพลง

เถาวัลย์สีเขียวอ่อนเถาเล็กๆ

นี่มัน...

ดวงตาเรียวมองไปยังเถาวัลย์รูปไข่ตรงหน้าอย่างตื่นกลัว ก่อนจะรีบบอกลาคนในนั้นแล้วออกจากอาคาร มุ่งหน้ากลับไปยังอพาร์ตเม้นต์ของตัวเองด้วยความรวดเร็วขณะที่มือก็ยังกำเถาวัลย์เถานั้นไว้แน่น

ไม่ใช่ความฝันแล้ว... มันไม่ใช่ความฝันแล้ว!

กลับมาถึงห้องก็นอนไม่หลับแม้ร่างกายจะอ่อนเพลียเพียงใดก็ตาม เหตุก็เพราะหัวสมองเอาแต่คิดวกวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

เขาไม่ได้ฝัน…

ไม่ได้ฝันแน่นอน เถาวัลย์ในมือนี่เป็นหลักฐานชั้นดีว่าไอ้หน้าหนวดนั่นมีจริงและลวนลามเขาจริงๆ!

แต่บอกไปจะมีใครเชื่อ อย่างที่คิดตั้งแต่แรกแหละ แค่จะให้บอกว่าเขาถูกผู้ชายแปลกหน้าบุกมาทำมิดีมิร้าย มันก็ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งบอกเลยว่าเป็นช่องทางที่ผู้ชายคนนั้นใช้เข้ามา ถ้าเขาบอกว่าถูกเถาวัลย์รัดแล้วเถาวัลย์ให้ความร่วมมือกับผู้ชายคนนั้นในการรุกล้ำยิ่งไปกันใหญ่ เผลอๆ จะถูกตราหน้าว่าทำงานวิชาการมากจนเป็นบ้าก็ได้

เป็นเรื่องที่ไม่ควรหลุดจากปากเลยแม้แต่คำเดียวถ้ายังไม่อยากถูกส่งตัวไปตรวจสมองที่โรงพยาบาลจิตเวช!

แต่ถึงอย่างนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็รบกวนจิตใจเขามากจนทำเอานอนไม่หลับตลอดทั้งคืน

ความจริงจะว่านอนไม่หลับก็ไม่ถูก เจ้าอรุณครุ่นคิดกระทั่งผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัวมากกว่า รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่โจเซโทรมาถล่มด้วยสองสาเหตุคือ หนึ่ง...เขามาทำงานสายกว่าปกติ และสอง... โจเซต้องการคำตอบอย่างเร่งด่วนว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้นอ่อนพรรณไม้ประหลาดที่ทางองค์กรกำลังพยายามเพาะพันธุ์เพื่อโครงการวิจัย

นั่นทำให้เจ้าอรุณต้องรีบวิ่งสี่คูณร้อยไปยังที่ทำงานทันทีที่วางสายจากโจเซ โชคดีที่อพาร์ตเม้นต์ของเขาอยู่ห่างจากจุดหมายเพียงเดินข้ามถนนจึงทำให้ใช้เวลาไม่มากนัก เข้ามาในอาคารได้ก็พุ่งตรงไปยังเรือนกระจก มาถึงที่ก็เห็นว่ามีโจเซยืนรออยู่แล้ว พอร้องทักปุ๊บ เขาก็ถูกโจเซสวดยกใหญ่ ก่อนจะตามมาด้วยการเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับกระถางเพาะพันธุ์ให้ฟัง แน่นอนว่าเจ้าอรุณไม่ได้เล่าถึงเรื่องที่ตัวเองถูกเถาวัลย์รัดและถูกผู้ชายแปลกหน้าจ้องทำมิดีมิร้าย ข้ามไปโดยไม่มีหลุดออกมาให้คู่สนทนารับรู้สักคำ

ได้ยินเรื่องทั้งหมด โจเซก็พอจะเข้าใจว่าทำไมเจ้าอรุณถึงได้หน้ามืดฉับพลัน เป็นความผิดของเขาเองแหละที่มอบหมายหน้าที่ให้ลูกน้องคนนี้มากเกินไป ก่อนจะได้แต่สั่งว่าให้ระมัดระวัง หากรู้สึกไม่ค่อยดีก็ให้พักทันที อย่าฝืน เจ้าอรุณก็รับปากส่งๆ ไป ก่อนจะถูกปล่อยให้อยู่ในเรือนกระจกคนเดียว

ถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวเพื่อทำงานศึกษาเถาวัลย์ประหลาดต่อจากเมื่อวาน...

เจ้าอรุณไม่อยากจะทำหน้าที่นี้ต่อเลย แต่โจเซเอาแต่พูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูด พูดจบก็ออกไป ไม่เปิดโอกาสให้เจ้าอรุณได้พูดบ้าง การขอยกเลิกดูแลพืชพันธุ์ชนิดนี้จึงเป็นหมัน ต้องจำใจทำงานต่ออย่างไร้ทางเลือก

ไม่ใช่ไร้ทางเลือกหรอก ถ้าจะให้เขาทำก็ทำได้ ขอแค่อย่างเดียว... อย่าให้ไอ้บ้านั่นโผล่มาหรือมีเถาวัลย์มารัดเขาอีกก็พอ

เจ้าอรุณยืนนิ่ง ในมือถือแท็บเล็ต จ้องมองเถาวัลย์ที่พันกันเป็นวงรีตรงหน้าแล้วสูดหายใจเข้าเต็มปอดเรียกกำลังใจ

เอาวะ รีบทำให้เสร็จๆ ไป จะได้ไม่ต้องคลุกคลีกับไอ้เถาวัลย์นี่อีก

จู่ๆ ก็ไม่อยากจะอยู่ใกล้เถาวัลย์ผีนี่เสียอย่างนั้น ทว่าก็เลี่ยงไม่ได้ ต้องสำรวจอย่างถี่ถ้วน เมื่อวานสำรวจแค่รอบนอก วันนี้จะต้องเก็บตัวอย่างแต่ละส่วนไปเป็นศึกษาอย่างละเอียด หากแต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มอะไร เจ้าอรุณก็สังเกตเห็นว่าเถาวัลย์ตรงหน้าดูแปลกตา

ดอกตูมสีแดงๆ ที่เขานั่งอดตาหลับขับตานอน รอให้ดอกสุดท้ายมันบาน บัดนี้มันกลายเป็นดอกตูมทั้งหมดอีกแล้ว

อะไรเนี่ย!?

เรียวคิ้วสวยของชายหนุ่มขมวดเข้าหากันยุ่งเหยิง เขาวางของในมือลงบนเก้าอี้ เดินเข้าไปดูดอกตูมนั้นใกล้ๆ พลางขยับกรอบแว่นไปด้วย

หรือส่วนนี้ก็มีปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนกับเถาวัลย์?

คิดพลางก็เอื้อมมือเกือบจะไปจับ ทว่าก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าไม่ควรเอามือไปแตะโดยตรง ไม่ใช่เกรงว่าพืชพรรณจะได้รับความเสียหาย แต่เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเองต่างหาก เท่านั้นเขาก็เดินไปยังตู้เก็บของ หยิบถุงมือยางมาใส่ แล้วก็คิดได้ว่าเดี๋ยวจะต้องเก็บตัวอย่าง จึงหยิบเอาซองซิปพลาสติกและกรรไกรตัดกิ่งเล็กๆ ติดมือมาด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel