ชอบหรือเปล่า
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นอย่างกะทันหัน ก้องฤทธาจึงผละออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ชายตามองไปยังเบื้องหน้า
“เชิญเข้ามา” ส่งเสียงแก่คนข้างนอก แล้วก้มหน้าจัดการงานต่อ นอกเหนืองานผ่าตัดคนไข้แล้ว เขายังมีงานของโรงพยาบาลต้องสะสาง
“ขออนุญาตค่ะ” เปมิกากล่าวอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พลางก้มหน้ามองพื้น หญิงสาวเข้ามาแค่คนเดียวเท่านั้น เนื่องจากจิตรลดาเดินมาส่งหน้าห้องเสร็จก็รีบจากไปทันที เพราะดันมีเคสด่วน
เสียงหวานแสนคุ้นเคย ส่งผลให้คนกำลังวุ่นวายกับงาน แหงนหน้ามองบุคคลมาใหม่ คิ้วดกดำขมวดเข้าหากัน รู้สึกแปลกใจไม่น้อย ทำไมเปมิกาถึงมาหาเขาถึงที่นี่ ก่อนความสงสัยจะเริ่มคลายลง เมื่อเห็นซองน้ำตาลในมือเล็ก
“มีอะไร” เอ่ยถามเสียงเรียบ
“คือมายด์ อุ๊ยไม่ใช่ คือฉันนำเอกสารของคุณหมอจากป้าจำปามาให้ค่ะ” ไม่พูดเปล่า รีบนำเอกสารดังกล่าวไปวางบนโต๊ะทำงานของเขา
นัยน์ตาคมกริบปรายตามองร่างบอบบางย่างกรายมาหาเขาอย่างเชื่องช้า เธอทำราวกับกลัวจะโดนขย้ำ แอบหงุดหงิดเล็กน้อยกับท่าทางของคนตัวเล็ก
หลายวันที่ผ่านมาเขาไม่ได้งานยุ่งถึงขั้นกลับคฤหาสน์ไม่ได้ ทว่าเพราะคนตรงหน้านั่นแหละเป็นต้นเหตุ เนื่องจากตั้งแต่ได้เห็นรอยแดงตรงคอขาวเนียน ซึ่งน่าจะเป็นฝีมือของตนเอง มันก็รบกวนจิตใจเขาตลอดเวลา ทั้งสับสนและใจเต้นแรงเมื่อนึกถึงใบหน้าหวานของเปมิกา ไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เหมือนกันจะเรียกว่าชอบได้หรือเปล่า เพราะหลายปีนี้แทบไม่มีใครทำให้เขารู้สึกอย่างนี้เลย ทว่าแค่เธอเข้ามาในชีวิตไม่กี่วันกลับสร้างความว้าวุ่นในใจ
“เดี๋ยว!! จะไปไหน” ก้องฤทธาเอ่ยถามเสียงเข้ม จ้องเขม็งคนตัวเล็กเตรียมจะบิดลูกบิดเปิดประตูออกจากห้อง โดยไม่ได้เอ่ยคำลาสักคำ
“ฉันแค่เอาเอกสารมาให้คุณหมอค่ะ เสร็จแล้วก็จะกลับเลย” เพราะไม่มีเหตุผลให้อยู่ต่อ ฉะนั้นก็ควรจะกลับ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันไม่รู้จะมาทำไม แค่เห็นชายหนุ่มทำหน้าบึ้งตึง เธอก็รู้ได้ทันที เขาคงไม่อยากจะเจอหน้าเธอด้วยซ้ำ
“ไม่คิดจะพูดอะไรเลยเหรอ” ร่างกำยำเด้งตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เยื้องย่างไปหาคนตัวเล็ก ต่อจากนั้นแขนแกร่งทั้งสองยกขึ้นดันประตู ไม่ปล่อยโอกาสให้เปมิกาได้หนี
“เอ่อ อะไรเหรอคะ” นัยน์ตากลมโตชำเลืองมองแขนกำยำ แอบกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืด เมื่อทั้งเธอและเขาอยู่ในระยะใกล้กัน
ไร้เสียงตอบโต้ของคนตัวโต นัยน์เนตรดุดันหรี่ตามองริมฝีปากอวบอิ่ม ฝ่ามือใหญ่อีกข้างเอื้อมมือไปจับคางมนให้เงยขึ้น ครั้งก่อนระหว่างเขาและเธอแทบจำอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นครั้งนี้ขอทำตอนมีสติดูบ้าง ความคิดไม่ไวเท่าการกระทำ เมื่อใบหน้าหล่อเหลาโน้มประกบจูบริมฝีปากอมชมพู ขบเม้มริมฝีปากล่างของหญิงสาว ดูดดื่มราวกับคนหิวกระหาย แล้วสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากสาว
เปมิกาเบิกตากว้างเมื่อถูกจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว กำปั้นน้อย ๆ พยายามทุบไหล่กว้างของแพทย์หนุ่ม ทว่าไม่ได้ทำให้คนตัวโตสะทกสะท้านแต่อย่างใด แล้วแขนเรียวทั้งสองก็ถูกจับยึดไว้กับประตู
“อื้อ” เปมิกาหลุดเสียงครางต่ำในลำคอ รับจูบจากชายหนุ่มอย่างเงอะงะ
“รอฉันทำงานเสร็จก่อน ค่อยกลับพร้อมกัน” กระซิบข้างหูคนตัวเล็ก จากนั้นปล่อยร่างบอบบางเป็นอิสระ หมุนตัวกลับไปทำงานเหมือนเดิม ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เปมิกายังคงยืนอยู่นิ่งเหมือนเดิม ก้มหน้างุดมองพื้นด้วยความเขินอาย นิ้วเรียวเอื้อมขึ้นแตะริมฝีปากอวบอิ่ม เธอกับเขาจูบกันอีกแล้ว ทว่าครั้งนี้แตกต่างไปจากเดิม เขามีสติครบถ้วนไม่ได้เมาเหมือนคืนนั้น แถมยังจูบเธอหน้าตาเฉย ทั้งยังเดินกลับไปทำงานเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าคนที่กระสับกระส่ายคงมีแต่เธอฝ่ายเดียว
‘ไอ้หมอบ้า’ เปมิกาก่นด่าในใจ ไม่กล้าเอ่ยออกมาให้แพทย์หนุ่มได้ยิน
รอยยิ้มยียวนผุดขึ้นจากใบหน้าคมคาย ก้องฤทธามองคนตัวเล็กอย่างหลงใหลราวกับตกอยู่ในมนต์สะกด จูบของเธอเมื่อสักครู่ช่างหวานเหลือเกิน มันจะไม่ผิดใช่ไหมถ้าหากเขาจะลองเปิดใจยอมรับเธอเข้ามาในหัวใจ ในเมื่อตอนนี้เขาไม่มีใครและเธอก็ตัวคนเดียว
“จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม” แพทย์หนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ทว่าเปมิกากลับรู้สึกเหมือนเขาต้องการกวนประสาทเธอมากกว่า
เธอไม่ได้ตอบโต้เขาเพียงแค่เบะปาก และคิดว่าเขาน่าจะไม่เห็นแต่กลับคิดผิดเมื่อก้องฤทธาเห็นเต็มสองตา เขาไม่ได้โกรธเคืองแค่ขบขันกับท่าทีของคนตัวเล็กซึ่งราวกับหนูน้อยวัยสามขวบ ถ้าเป็นเด็กจะเขะศีรษะสักที น่าหมั่นไส้เหลือเกิน
ผ่านไปประมาณสองชั่วโมง หญิงสาวจึงปรายตามองแพทย์หนุ่มกำลังวุ่นวายกับงานตรงหน้า
“ง่วงจังเลย” เธอพึมพำเพียงเท่านั้น ก็เอนกายล้มตัวลงบนโซฟาอย่างไว ไม่สนใจแล้วก้องฤทธาจะตำหนิหรือไม่ เพราะทนความง่วงไม่ไหว เปลือกตาเริ่มหย่อนลงเรื่อย ๆ กระทั่งปิดสนิทในที่สุด
เสียงที่เงียบของเปมิกาทำให้ชายหนุ่มละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ไปมองยังร่างอรชร
“หลับแล้วเหรอ” เผยยิ้มบาง ๆ พลางส่ายศีรษะไปมา จากนั้นหันกลับมาสนใจทำงานต่อ รีบเร่งมือจะได้รีบพาคนขี้เซากลับบ้าน
“หมอก้อง” เสียงหวานดังขึ้นพร้อมเปิดประตูพรวดเข้ามารวดเร็ว ไม่ทันเจ้าของชื่อจะห้ามปรามไม่ให้ส่งเสียงดัง เกรงจะทำให้คนกำลังนอนหลับสะดุ้งตื่น
“เบา ๆ หน่อยหมอดา” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพลางนำนิ้วแตะลงบนริมฝีปากหยัก
“ขอโทษค่ะ” จิตรลดาเข้าใจทันที เพราะเห็นเปมิกากำลังหลับใหลบนโซฟา
“มีธุระอะไรถึงมาหากันได้” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง จ้องเขม็งร่างเพรียวของเพื่อนอย่างสงสัย ระหว่างเขาและจิตรลดาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนแพทย์ปีหนึ่ง พอเรียนจบเธอก็มาทำงานในโรงพยาบาลของเขาตั้งแต่ปีแรกกระทั่งถึงปัจจุบัน จึงค่อนข้างสนิทพอสมควรไม่ต่างกับรพีพงศ์
“ไม่มีอะไร แค่ตั้งใจจะแวะมาทักทายคุณมายด์สักหน่อย รู้สึกถูกชะตานะ” แพทย์สาวกล่าวพลางดึงเก้าอี้ออก แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามเพื่อน
“อืม” ตอบรับในลำคอ ก้มหน้าจัดการเอกสารต่อ
“หมอก้องคิดยังไงกับคุณมายด์กันแน่ ครั้งก่อนก็ทำเหมือนอึดอัดใจอยู่เลย แล้วทำไมวันนี้ถึงแตกต่างไปจากเดิม” จิตรลดาเอ่ยถามอย่างสงสัย ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก้องฤทธาเพิ่งมาปรึกษา พร้อมทั้งเล่าทุกอย่างให้ฟังทั้งหมด จากที่ได้รู้จากคำบอกกล่าวของเพื่อนเหมือนจะลำบากใจอยู่ไม่น้อย
“ไม่รู้” เอ่ยตอบเสียงเรียบ ไม่แม้เงยหน้ามองแพทย์สาว
“ดาก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี แต่เอาเป็นว่าปล่อยวางอดีตเถอะ แล้วเริ่มต้นใหม่กับคุณมายด์ เธอก็น่ารักอยู่นะคะ ดาเชื่อว่าเธอจะช่วยรักษาแผลใจให้หมอก้องได้”
“อืม ขอบใจนะ แล้วเรื่องตัวเองล่ะ เมื่อไรจะยอมรับรักกับพงศ์สักที” คราวนี้ก้องฤทธาหันไปสบตากับเพื่อน เผยยิ้มกว้างแก่คนตรงหน้า
“เชอะ!! ใครจะเอาผู้ชายเจ้าชู้อย่างนั้นเป็นแฟน ยอมโสดตายดีกว่า งั้นขอตัวก่อนละกัน อย่าลืมที่บอกนะ” ร่างเพรียวเด้งตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ผละออกไปจากห้องอย่างไว
คำพูดของจิตรลดาก่อนหน้านี้ดังก้องโสตประสาท ดวงตาดำขลับปรายตามองคนตัวเล็กบนโซฟา ก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้ เพื่อย่างกรายไปหาเปมิกา
“ปล่อยวางเหรอ” มือใหญ่ลูบไล้แก้มนุ่ม ถ้าเธอจะเป็นคนช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความเจ็บปวดได้ เขาก็จะลองทำตามคำบอกกล่าวของเพื่อนดู
“อื้อ” เปมิกาลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ต้องรีบเบิกตากว้างเมื่อก้องฤทธากำลังนั่งมองเธอ และมือของเขาก็ลูบใบหน้าหวานของตนเอง
“ตื่นแล้วเหรอ หิวไหม”
“ไม่ค่ะ” ค่อย ๆ พยุงร่างลุกขึ้นพลางส่ายหน้าปฏิเสธ
โครกคราก!
เสียงท้องร้องของเปมิกาดังขึ้นอย่างไม่ได้นัดหมาย เธอแทบอยากมุดหน้าแทรกแผ่นดินหนี น่าอับอายเหลือเกิน ทั้งที่ปากเพิ่งตอบปฏิเสธ แต่ท้องกลับร้องประท้วง ช่างสวนทางอย่างยิ่ง
แพทย์หนุ่มอมยิ้มกับท่าทีของคนตัวเล็ก แล้วเอ่ยประโยคหนึ่ง
“งั้นไปกันเถอะ เราออกไปหาอะไรกิน ก่อนกลับละกัน” ไม่พูดเปล่าคว้าข้อมือเล็กให้เดินตามหลัง
