CHAPTER TWO : MY USELESS WISH PART II
CHAPTER TWO : MY USELESS WISH PART II
A BAD MOMENT FOR TODAY IS WITHOUT YOU.
กลิ่นหอมของดอกไม้รอบ ๆ ตัวทำให้เฟลิเชียระบายยิ้มออกมา ฤดูแห่งการเริ่มต้นนั้นช่างสดใสและงดงามเสียจนเธอรู้สึกเสียดายไม่น้อยที่ท่านพ่อและท่านแม่ไม่ได้อยู่ดูด้วยกัน
"คิดอะไรกันนะ . . ."
เฟลิเชียส่ายหน้าเบา ๆ กับความคิดของตัวเอง
เมื่อคืนประมาณเกือบรุ่งสางริชมอนด์หรือบิดาของเฟลิเชียก็นั่งรถม้ากลับเข้ามาที่พระราชวัง ทำให้ตอนนี้ที่ยังเช้าตรู่อยู่คงกำลังพักผ่อนอยู่ เธอจึงยังไม่มีโอกาสได้พบเจอกับพ่อในรอบหลายสัปดาห์เสียที
ถ้าหากไปหาจะโดนโกรธหรือเปล่า
และแล้วเฟลิเชียก็พาตัวเองมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องนอนของบิดาในที่สุด หลังจากที่ลังเลอยู่นานเธอก็ตัดสินใจเปิดประตูและเดินเข้าไป
ห้องนอนที่คุ้นเคยกับร่างของบิดาที่นอนฟุบอยู่บนโต๊ะทำงานนั้นทำให้เฟลิเชียเดินไปหยิบผ้าห่มจากเตียงมาคลุมให้อย่างทุลักทุเล
ใบหน้าของบิดาที่ยังคงความเป็นหนุ่ม 30 ปลาย ๆ เอาไว้ทั้ง ๆ ที่เฟลิเชียก็ไม่แน่ใจว่าริชมอนด์จริง ๆ นั้นอายุกี่ร้อยปีแล้วกัน ถึงจะมีร่องรอยความคล้ำใต้ตาอยู่บ้างนิดหน่อยเพราะการโหมงานหนัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายดูหมองลงเลย
ท่านพ่อของเธอนั้นยังคงหล่อเหลาเหมือนทุกที
เฟลิเชียคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยขณะรอบิดาของตัวเองตื่น แต่กลิ่นชวนมึนหัวบางอย่างก็ลอยมาแตะจมูกเข้าจนคิ้วเรียวขมวดแน่นเป็นปม
กลิ่นน้ำหอมของมนุษย์ผู้หญิงมากมาย
เฟลิเชียไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่
เรื่องที่ว่าริชมอนด์จะไม่มีวันไม่รับภรรยาใหม่ถูกประกาศออกไปอย่างกว้างขวาง แต่เหล่าสตรีชนชั้นสูงมากมายก็ยังไม่หยุดความพยายามที่จะยัดเยียดตัวเองให้บิดาของเฟลิเชียอยู่ดี ถึงจะไม่ได้ครองตำแหน่งแต่ถ้าหากลุ่มหลงไปในสเน่ห์ของแวมไพร์เข้าสักครั้งก็ยากที่จะถอนตัว ต่อให้เป็นความสัมพันธ์ทางกายเพียงชั่วข้ามคืนก็เพียงพอ
เรื่องนี้ต่างหากที่ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจ
"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ เฟลิเชีย"
"ลูกทำให้ท่านพ่อตื่นหรือเปล่าคะ ลูกไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษนะคะ" เฟลิเชียพูดแก้ตัวออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าบิดาของเธอตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดวงตาของเธอฉายแววเลิ่กลั่กเล็กน้อย
"เปล่าหรอก แล้วนี่ที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง"
ริชมอนด์อุ้มลูกสาวของตัวเองมานั่งบนตัก ทำให้เฟลิเชียที่ไม่คุ้นชินนั้นตัวนิ่งค้างเป็นหินไปพักใหญ่ ริมฝีปากเล็กเอ่ยตอบออกมาอย่างไม่เต็มเสียงนัก
"ดีค่ะ"
"ได้ข่าวว่าช่วงนี้ลูกชอบอ่านหนังสือ อยากได้เล่มไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า เพราะห้องหนังสือของเราไม่ค่อยมีหนังสือมากเท่าไหร่"
"ขอบคุณนะคะ แต่ไม่เป็นอะไรค่ะ แค่นี้ก็มากเพียงพอแล้ว" เฟลิเชียรีบปฏิเสธออกมาจนลิ้นพัน เธอไม่แน่ใจว่าคำว่ามากของบิดาของเธอคือแบบไหน เพราะแค่ตอนนี้ห้องสมุดประจำตระกูลก็มีชั้นหนังสือสูงเรียงยาวจนเกือบเป็นเขาวงกตขนาดย่อมอยู่แล้ว
"งั้นเหรอ" ริชมอนด์ระบายยิ้มออกมาพร้อมสายตาอบอุ่นยามเมื่อมองไปยังสีหน้าเลิกลั่กของลูกสาวตัวเองอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก ทำให้เฟลิเชียยิ่งลนลานหนักขึ้นไปอีก
"ลูกไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่านพ่อแล้วดีกว่าค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ" เฟลิเชียดึงตัวเองลงมาจากตักของบิดาแล้วโค้งเล็กน้อยตามมารยาท เธออยากรบกวนริชมอนด์ต่อจริง ๆ และก็ไม่ชินท่าทางแบบนี้ของอีกฝ่ายเลยด้วย
"เดี๋ยวก่อน"
". . ."
"ขอบใจนะ สำหรับผ้าห่ม"
"มะ ไม่หรอกค่ะ . . ." เฟลิเชียพูดตอบไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักอีกครั้ง เธอที่กำลังจะเอื้อมมือไปถึงลูกบิดประตูกลับตัดสินใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดแล้วหันกลับไปหาบิดาของตนใหม่
พูดคำพูดเอาแต่ใจที่ไม่เคยคิดจะพูดออกไปด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
"ถ้าหากมีเวลาว่างไปดูดอกไม้ด้วยกันมั้ยคะ"
"เอาสิ"
ก็แค่เรื่องแค่นี้เท่านั้นเอง
ทำไมเธอถึงหวาดกลัวและลืมไปกันนะ
ความอบอุ่นและความอ่อนโยนจากท่านพ่ออะไรนั่นน่ะ
ต่อให้จะพูดจาเอาแต่ใจขนาดไหนก็จะได้รับเสมอ
เวลาผ่านไปร่วมเดือนครึ่งโดยที่เฟลิเชียไม่ได้จดหมายตอบใด ๆ ของลิฮอนเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะรู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่น้อย แต่เธอก็พยายามคิดว่าเขาคงไม่ว่างจริง ๆ และน่าจะกำลังตั้งใจเรียนอยู่อะไรทำนองนั้น ต่อให้เป็นเหมือนการหลอกตัวเองไปวัน ๆ ก็ไม่เป็นอะไร
"รอจดหมายจากเด็กนั่นอยู่เหรอ"
เฟลิเชียรีบหันหลังไปมองต้นเสียงแล้วก็พบบิดายืนพิงประตูห้องนอนของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ด้วยสีหน้าตกตะลึง
"ท่านพ่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"
"สักพักแล้วล่ะ" ริชมอนด์ตอบสั้น ๆ แล้วเดินมาอุ้มลูกสาวของตัวเองไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะอายุมากเลยวัยที่จะทำเช่นนี้แล้วก็ตามแต่เขาก็ไม่สนใจ
ต่อให้เฟลิเชียจะตัวโตกว่านี้ริชมอนด์ก็สามารถอุ้มเธอได้สบาย ๆ อยู่แล้ว
"ได้ยินมาจากเจ้าไบรอันว่าช่วงนี้ลิฮอนยุ่งมากเพราะถูกแต่งตั้งให้เป็นประธานนักเรียน ทำให้ไม่ได้กลับวังมาหลายอาทิตย์แล้ว"
"เป็นเช่นนั้นเอง . . ." เฟลิเชียที่แม้ในตอนแรกจะตกใจมากและพยายามดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของบิดาแต่พอได้ยินข้อเท็จจริงซึ่งเป็นต้นเหตุที่ตนกำลังรู้สึกไม่สบายใจอยู่นั้นก็สงบลง ทำให้ริชมอนด์เห็นแบบนั้นก็กรอกตาไปมาเล็กน้อย
"ลูกชอบเจ้าเด็กนั่นมากเลยเหรอ"
". . ."
"มากกว่าพ่องั้นเหรอ"
"ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกค่ะ !" เฟลิเชียรีบโพล่งออกไปทันที สำหรับเธอแล้วความรู้สึกที่มีให้ลิฮอนเป็นสิ่งพิเศษแต่ว่ายังไงท่านพ่อของเธอก็ยังคงเป็นตัวตนที่เธอรักและเคารพมากที่สุดอยู่ดี
"งั้นเหรอ"
รอยยิ้มของริชมอนด์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่สักพักมันก็แปรเปลี่ยนเป็นดวงตาคมกริบราวกับคนละคนจากเสียงของเลขาคนสนิทที่เอ่ยแทรกเข้ามาขัดจังหวะ
"ท่านริชมอนด์ครับ ถึงเวลาที่พวกเราต้องไปกันแล้วครับ"
"พ่อไปก่อนนะ เฟลิเชีย"
"ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ"
เมื่อร่างของเฟลิเชียถูกวางลงกับพื้น เธอก็เห็นแผ่นหลังกว้างของบิดากำลังเดินห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ แผ่นหลังอันยิ่งใหญ่ที่คอยแบกรับประชาชนและอาณาจักรเอาไว้
จดหมายฉบับที่ 18 และการตอบกลับ
ถึง เลดี้เฟลิเชีย เลวาโน เวลนอส
ขอโทษที่ผมตอบจดหมายของเธอช้านะ แล้วก็น่าเสียดายที่ผมกลับมาไม่ทันดอกกุหลาบของเธอ ตอนนี้มันแห้งเหี่ยวไปเสียแล้ว ขอโทษอีกครั้งจากใจจริง
มันอาจจะฟังดูเป็นข้ออ้าง แต่ผมถูกแต่งตั้งให้เป็นประธานนักเรียนของชั้นปี ทำให้พวกงานยิบย่อยอะไรพวกนั้นกองเต็มโต๊ะของผมจนน่าปวดหัว รู้ตัวอีกทีก็หมดวันหยุดเสียแล้ว หวังว่าของขวัญที่ผมแนบไปให้เธอจะพอทดแทนความผิดครั้งนี้ได้นะ
ขอบคุณมากสำหรับดอกกุหลาบ
ปล. ขอให้วันนี้และพรุ่งนี้เป็นวันที่ดีสำหรับเธอ
ลิฮอน โนเวล ฟาเรส
หลังจากที่เวลาปาไปร่วมสองเดือน จดหมายของลิฮอนก็มาถึงมือเฟลิเชียในที่สุด เธอเปิดอ่านมันอย่างถะนุถนอมดั่งเช่นทุกครั้ง
อาจจะเพราะไม่ได้รับจดหมายจากลิฮอนมานาน ทำให้เฟลิเชียสังเกตเห็นแม้กระทั่งความแตกต่างเพียงเล็กน้อยอย่างลายมือที่ดูมั่นคงและเป็นระเบียบขึ้น หรือกระดาษที่ถูกเปลี่ยนเป็นลวดลายดอกไม้ราวกับจะเอาใจนี่ก็ด้วย และเธอก็ค่อย ๆ หยิบของขวัญที่อีกฝ่ายบอกว่าแนบมาให้เธอออกมา
มันเป็นที่คั่นหนังสือธรรมดา ๆ ลายดอกกุหลาบพร้อมกับลายมือของอีกฝ่ายที่ตวัดเขียนชื่อของเธอเอาไว้ที่มุมขวาว่า ' Dear feilicia ' แต่ถึงแบบนั้นสำหรับเฟลิเชียแล้วกลับมีค่ามากกว่าที่คั่นใด ๆ บนโลก
หัวใจของเฟลิเชียพองโตด้วยความสุข
ถ้าหากว่านี่เป็นความฝัน ก็คงเป็นฝันที่เธอไม่อยากตื่น
ถึง ลิฮอน โนเวล ฟาเรส
ดิฉันเข้าใจค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ ดิฉันหวังเพียงว่าคุณจะไม่ฝืนร่างกายของตัวเองมากจนเกินไป ดังนั้นรักษาตัวด้วยนะคะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับที่คั่นหนังสือ มันสวยมากเลยค่ะ ดิฉันจะเก็บรักษามันไว้อย่างดี
เนื่องจากดิฉันเห็นว่าคุณทำงานหนัก ดิฉันจึงได้ส่งชาที่ช่วยผ่อนคลายไปให้ด้วย ดังนั้นถ้าหากเหนื่อยล้าก็ลองชงดื่มดูนะคะ
ปล. ขอให้พรุ่งนี้และต่อจากนี้ของคุณมีแต่รอยยิ้ม
เลดี้เฟลิเชีย เลวาโน เวลนอส
"สวัสดีค่ะ องค์หญิง วันนี้ก็จะมาฝึกทำขนมงั้นเหรอคะ"
"ค่ะ อยากจะลองทำขนมที่กินแล้วช่วยผ่อนคลายดูน่ะค่ะ ช่วงนี้งานของท่านพ่อก็หนักมากเลยด้วย" เฟลิเชียตอบสาวใช้คนหนึ่งที่อายุไม่ได้มากไปกว่าเธอเท่าไหร่นักด้วยน้ำเสียงกระตือกระร้นกว่าทุกที ที่ถ้าหากว่าไม่ได้คลุกคลีกับเธอจริง ๆ คงแยกไม่ออกว่าตอนนี้เธอกำลังตื่นเต้นอยู่
ซึ่งสาวใช้นามว่า เอแคลร์ ก็เป็นสาวใช้ที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นานและสนิทกับเฟลิเชียที่สุด เพราะคอยช่วยเหลือแล้วก็สอนวิธีทำขนมต่าง ๆ ให้มากมายตั้งแต่ขนมคราวก่อนที่เคยส่งให้ลิฮอนชิม ทำให้ทั้งสองพูดคุยทักทายกันอย่างเป็นธรรมชาติต่างกับคนรับใช้คนอื่นที่มักจะเย็นชาใส่เฟลิเชีย
"ถ้าหากท่านราชารู้จะต้องดีใจมากแน่เลยค่ะ"
"ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีนะคะ"
ทั้งสองพูดคุยกันอีกสักพัก จากนั้นก็มาปรึกษากันว่าจะทำขนมชนิดไหนเพื่อนำไปให้ราชาริชมอนด์ดี หลังจากตัดสินใจอยู่นานสุดท้ายก็จบลงที่ขนมง่าย ๆ อย่างมาการอง เพราะมีรสชาติหลากหลายและไม่หวานมากจนเกินไป ทำให้เหมาะกับน้ำชายามบ่ายที่กำลังจะถึงเป็นอย่างมาก
ใช้เวลาไม่นานเฟลิเชียก็ทำมาการองเสร็จ สีสันหลากหลายของมัน พอมาวางอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ก็ยิ่งทำให้ดูบรรยากาศสดใสมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
"เท่านี้ก็เหลือแค่เชิญท่านริชมอนด์สินะคะ"
"อื้อ . . ."
เอแคลร์ลอบมองใบหน้าลังเลของเฟลิเชียแล้วก็อมยิ้มออกมา คุณหนูของเธอที่คนอื่นชอบบอกว่ามึนมนและน่ากลัว แท้จริงก็เป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งที่ไม่รู้วิธีจะอ้อนก็เท่านั้น
"ไม่ต้องกังวลนะคะ ท่านริชมอนด์จะต้องดีใจแน่นอนค่ะ"
ถึงแม้ว่าการพูดออกไปแบบนั้นจะไร้ความรับผิดชอบก็ตาม แต่เอแคลร์ก็อยากจะให้เฟลิเชียได้มีความสุขเหมือนกับเด็กคนอื่นบ้าง
ในสายตาของเอแคลร์ เฟลิเชียเป็นคนที่น่าสงสาร เธอสูญเสียมารดาไปตั้งแต่เด็กแถมบิดาก็ยุ่งมากจนเวลาสำหรับครอบครัวที่จะได้ใช้ร่วมกันก็น้อยตามไปด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนรอบตัวเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้จะไม่มีใครพูดออกมาตรง ๆ แต่เธอก็รู้ว่าในพระราชวังอันกว้างใหญ่นี้
ไม่มีใครสักคนที่อยู่ข้างเฟลิเชีย
"เอแคลร์ ไปกันเถอะค่ะ"
"เอะ . . ."
"ไปหาท่านพ่อด้วยกันนะคะ"
รอยยิ้มของเฟลิเชียถูกส่งมาให้เอแคลร์ ดวงตาสองสีสะท้อนภาพของเธอเหมือนทุกครั้ง ทำให้เธอพยักหน้าตอบรับและมอบรอยยิ้มกลับไปเช่นกัน หวังเพียงอย่าให้ใครมาพรากมันไปจากองค์หญิงของเธออีกเลย
จดหมายฉบับที่ 19 และการตอบกลับ
ถึง เลดี้เฟลิเชีย เลวาโน เวลนอส
ชาของเธอช่วยมากได้มากจริง ๆ ขอบใจนะเฟลิเชีย
ผมไม่แน่ใจว่าจดหมายนี้จะถึงมือเธอตอนไหน แต่ว่าถ้าหากไม่รังเกียจวันที่ 1 ของเดือนหน้า พวกเรามาเจอกันหน่อยได้มั้ย ผมมีเรื่องราวมากมายจะพูดกับเธอเต็มไปหมดเลยจนไม่สามารถเขียนผ่านจดหมายได้ ผมจะรอเธออยู่ที่สเตลลานะ ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอ
ปล. ขอให้วันนี้และพรุ่งนี้เป็นวันที่ดีสำหรับเธอ
ลิฮอน โนเวล ฟาเรส
เฟลิเชียเขียนตอบกลับจดหมายไปอย่างรวดเร็วว่าเธอจะไปแน่นอน ถ้าหากนับจากวันนี้วันที่เธอได้รับจดหมายก็เหลือเวลาอีก 3 วันก่อนจะถึงวันนัด เธอมั่นใจว่าจดหมายของเธอคงส่งไปไม่ทัน แต่การที่อีกฝ่ายเขียนมาแบบนั้นเป็นได้ 2 กรณี คือหนึ่งลิฮอนหมายความตามที่เขียนจริง ๆ และสองคือ เขามั่นใจมาก ๆ ว่าเธอจะไม่ปฏิเสธ ซึ่งพอคิดแบบนั้นแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา
"องค์หญิง มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" เอแคลร์เอ่ยทักด้วยความเป็นห่วง เพราะเฟลิเชียยังคงขมวดคิ้วแน่นหลังจากที่เขียนจดหมายเสร็จอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"เปล่าหรอกค่ะ ไม่มีอะไร"
เฟลิเชียส่ายหน้าเบา ๆ จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบชาที่วางอยู่ขึ้นมาดื่ม แต่ในตอนที่เงยหน้าขึ้นมามองเอแคลร์นั้นเรี่ยวแรงที่มือก็หายไปเพราะภาพตรงหน้า
ราวกับโดนค้อนหนัก ๆ ทุบลงกลางหัว
ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน
เคล้ง !
ถึงแม้ถ้วยชาแตกกระจัดกระจายไปทั่วแต่นดวงตาสองสีของเฟลิเชียก็ยังคงจับจ้องไปที่เอแคลร์ราวกับคนไร้สติ
"องค์หญิงคะ !"
"นี่มัน . . . บ้าอะไรกัน"
ผีเสื้อสีขาวสะอาดที่บินอยู่ทั่วตัวของเอแคลร์นั้นถึงแม้จะสวยงามแต่เฟลิเชียก็เข้าใจถึงความหมายของมันดี
กำลังมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
และบางอย่างที่ว่านั้นกำลังจะพรากชีวิตอีกหนึ่งชีวิตไปจากเธอ
