บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 14 โชคดีที่มีเธอ

วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่คนตัวใหญ่อย่างพี่เมฆคอยอยู่เคียงข้างคอยปกป้องดูแลผมเป็นพิเศษ

จากเหตุการณ์วันนั้นเกือบจะ 2 อาทิตย์แล้ว ที่เราสองคนจะไปไหนมาไหนด้วยกันคอยอยู่ข้างๆ กันอยู่ตลอด แม้แต่ช่วงเวลาพักเที่ยง พี่เขาก็ยังโทรมาถามไถ่ดูแลผมทางโทรศัพท์ อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจในความปลอดภัยมากกว่าเมื่อก่อน หนำซ้ำยังมีไอ้เก่งและไอ้แว่นคอยเป็นบอดี้การ์ดจำเป็นให้ที่โรงเรียน ถึงขั้นยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม อะไรจะขาดนั้นวะเห้ย...

แต่ก็นับว่าเป็นผลดีกับตัวผมมากเพราะไอ้เจไม่เคยมายุ่งกับผมอีกเลยตั้งแต่วันนั้น มันเองก็ไม่ไปโรงเรียนอยู่สามสี่วันจนผมคิดว่ามันคงเครียดแล้วหนีไปอยู่ที่อื่น สิ่งที่ผมคิดมันไม่ใช่เลยเพราะบางวันที่ผมเข้าห้องน้ำก็จะได้ไอ้เก่งกับไอ้แว่นเฝ้าหน้าห้องน้ำให้ โดยไม่รู้เลยว่าไอ้เจมันแอบในห้องน้ำรอผมอยู่ก่อนแล้ว ผมเกือบเสียท่ามันเหมือนกันด้วยความที่ผมมีบอดี้การ์ดดีจึงปลอดภัยมาได้ทุกรอบ

เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนผมก็มักจะเห็นหน้าคนตัวใหญ่มายืนรอใต้อาคารเรียนทุกวัน บางวันก็ซื้อขนม ซื้อน้ำ ซื้อของกินที่ผมกับเพื่อนอีก 2 คนชอบมาฝาก

เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนผมก็จะลงไปหาเขาและไปนั่งทำการบ้านที่โต๊ะม้าหินอ่อนประจำ จนบางครั้งผมอดสงสัยไม่ได้จึงถามพี่เมฆหลายครั้งว่าหนีงานมาหรือเปล่าถึงมาหาเร็วแบบนี้จะทำให้พี่เสียงานได้นะ เขาก็ตอบกลับผมว่าเสียงานไม่มีผลอะไรกับพี่เขาหรอก แต่กลัวเสียแฟนมากกว่า ผมได้ยินแบบนั้นก็อดรู้สึกอายไม่ได้

จนทุกวันนี้เพื่อนๆ ในโรงเรียนรวมถึงครูอาจารย์ต่างรู้กันหมดว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน ซึ่งไม่มีเสียงค้านใดๆ ที่เราสองคนคบกันเพราะเราคบกันอยู่ในความเหมาะสม ไม่ประเจิดประเจ้อ ไม่ทำให้ชื่อเสียงเสื่อมเสีย อีกทั้งทุกคนยังสนับสนุนอวยพรให้เรารักกันดูแลกันแบบนี้ตลอดไป เมื่อทุกคนเห็นดีเห็นงามด้วยแบบนี้ก็ STRONG สิครับ

"วันนี้มาช้านะ เลทไปตั้ง 5 นาที" ผมบ่นใส่พี่เมฆที่เพิ่งวิ่งมาถึงด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ

"รถมันติดพี่นั่งอยู่ในรถเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าจะมาถึงหน้าโรงเรียนได้ครับ จอดรถเสร็จก็รีบวิ่งมาหานี่แหละ พี่ขอโทษน๊า"

คนตัวใหญ่พูดอย่างคนรู้สึกเหนื่อยแต่พี่เขาก็แสดงรอยยิ้มพร้อมทั้งหยอดคำออดอ้อนกับผมเหมือนไม่เป็นอะไร

"ทำไมวันนี้เลิกงานเร็วจังเลยครับพี่"

"พอดีพี่เคลียร์งานเสร็จเร็วน่ะครับ เลยขอผู้จัดการกลับก่อนขนาดออกมาเร็วตั้ง 2 ชั่วโมงนะ รถยังมาติดกับการซ้อมปั่น Bike for Dad อีกเลยไปกันใหญ่"

ผมเองก็เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้มีการปิดถนนบางเส้นทางเพื่อซ้อมปั่นจักรยานในงาน Bike for Dad ปั่นเพื่อพ่อ ทำให้ผมหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง

"พี่เมฆ ผมเพิ่งนึกได้ว่าบ้านของผมเขาได้ไปลงทะเบียนเอาไว้และหนึ่งในนั้นมีพี่ด้วย เราไปปั่นด้วยกันนะครับ"

"ได้สิครับแฟนพี่" เราเดินคุยกันไปยังโต๊ะม้าหินอ่อนประจำ คนตัวใหญ่ก็ไม่วายจะกอดเอวผมดึงเข้าไปหอมแก้มต่อหน้าเพื่อนสนิท 2 คนของผมเช่นเคย มือผมไวกว่าความคิดเสมอครับ รีบฟาดฝ่ามือใส่แขนพี่เขาไปทีหนึ่งทำให้คนตัวใหญ่ร้องโอยด้วยความเจ็บอย่างดูตลกปนน่ารักตามสไตล์พี่เขาแหละครับ ส่งผลให้คนที่เห็นท่าทางของพี่เมฆต่างยิ้มด้วยความสุขกันถ้วนหน้า

อีกฟากหนึ่งของสหกรณ์โรงเรียน

ผมเจสุดหล่อเองครับยืนดูภาพเหตุการณ์บาดตาบาดใจที่เกิดขึ้นฝั่งตรงข้ามด้วยความรู้สึกไม่พอใจ คนที่ผมรักกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันสนุกสนานกับคนอื่นที่ไม่ใช่ผม ผมจะทำทุกวิธีเพื่อที่จะได้คนที่ผมรักมาอยู่ข้างๆ ผมไม่วันใดก็วันหนึ่ง ยิ่งผมเห็นว่ามันสองคนนั่งจับมือกันอย่างมีความสุขผมนี้อยากใช้ไม้แข็งๆ ฟาดใส่ไอ้นั่นให้สลบและเอาตัวคนที่ผมรักมาให้ได้ ผมสัญญาผมจะไม่ทำอะไรให้คนที่ผมรักต้องเจ็บ ผมรักก๊อปด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมี ที่สำคัญผมอยากให้เขาเป็นของผมคนเดียว ห้ามยุ่งกับใครหรือห้ามให้ใครมายุ่งด้วยก็ยิ่งดี ผมต้องทำให้ได้ตอนนี้แก้วน้ำพลาสติกที่อยู่ในมือของผมมันได้บิดเบี้ยวตามแรงบีบของผมจนเสียรูปทรงไปหมดและน้ำอัดลมในแก้วก็กระเซ็นตามแรงบีบจากฝ่ามือแกร่งของผมดูไม่จืด

"เห้ย! ถูกขากับรองเท้าตัวเองด้วยนี่หว่า เชี้ยเอ๊ย!" ผมด่าตัวเองก่อนจะเดินไปล้างคราบน้ำอัดลมที่เปรอะเปื้อนตามขาในห้องน้ำ

วันงาน Bike for Dad ปั่นเพื่อพ่อ

"พี่อยู่ตรงไหนครับก๊อปอยู่ในงานแล้วนะ อยู่ตรงจุดเริ่มต้นเลยครับ"

ผมบอกพิกัดแก่คนตัวใหญ่ขณะที่ผมเองพร้อมอยู่ที่จุดเริ่มต้นของงาน

"พี่ก็อยู่ข้างหลังก๊อปไง"

ทันทีที่คนในสายพูดจบก็จะฉวยโอกาสกอดผมจากทางด้านหลังแต่ถูกสายตาของผมจ้องมองเสียก่อนเลยไม่เกิดอะไรขึ้น

"นี้ในงานนะคนเยอะแยะ จะบ้าหรอมาทำอะไรแบบนี้เดี๋ยวจะโดน"

ผมพูดพลางทำท่าจะฟาดมือใส่แขนพี่เขา คนตัวใหญ่ก็ทำท่ากลัวเหมือนเด็กๆ เฮ้อ ตกลงผมอายุน้อยกว่าเขาหรือเขาอายุน้อยกว่าผมกันแน่งงนะเนี่ย โดนพี่เขาทำท่าน่ารักๆ ใส่แบบนี้ไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

"เวลาปั่นจักรยานน่ะอยู่ข้างพี่ตลอดนะ เดี๋ยวเผื่อล้มหรืออะไรจะได้ช่วยทัน เข้าใจมั๊ยครับที่รัก"

ผมอดยิ้มกับคำพูดสองคำหลังของเขาไม่ได้จริงๆ ตั้งแต่ที่เราคบกันมาผมยังไม่เคยได้ยินเขาพูดคำนี้เลย 'ที่รัก' อ่ะพอผมได้ยินมันทำให้ผมยิ้มแก้มแทบแตกเสียให้ได้ ก็มันเขินน่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะ)

"รู้แล้ว พี่เองก็ด้วยล่ะปั่นระวังๆ อย่าห่วงแต่ก๊อปเดี๋ยวตัวเองจะล้มเองเข้าใจมั๊ยครับ" ผมตอบกลับอย่างเขินๆ ก่อนจะไปรวมตัวที่จุดสตาร์ทตามที่เจ้าหน้าที่บอก

งานในวันนี้เป็นงานใหญ่ระดับประเทศ มีคนร่วมปั่นจักรยานเนื่องในวันเฉลิมพระชนพรรษาของในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเราเป็นจำนวนมาก จำนวนนี้ยังไม่รวมกับประชาชนทั่วประเทศและอีกหลายๆ ประเทศด้วย ผมมองไปรอบๆ ก็เห็นผู้คนใส่เสื้อสีเหลืองแทบฟ้ากันเต็มหมด มีข้อความบนเสื้อว่า “BIKE FOR DAD” ผมรู้สึกตื้นตันปนความปลื้มปีติกับการร่วมปั่นจักรยานในครั้งนี้ด้วย ทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นมองพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 น้ำตาของผมก็เอ่อไหลโดยอัตโนมัติ มันเป็นความสุขที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้จริงๆ ครับ

ผมหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มใจกระทั่งคนตัวใหญ่ต้องเข้ามาปลอบและซับน้ำตาให้อยู่สักพัก ส่วนมี๊กับปี๊ไปร่วมปั่นจักรยานกับเพื่อนๆ ของท่านซึ่งเป็นคนละจุดกับผม เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งปล่อยขบวนรถจักรยานจากจุดสตาร์ท ทุกคนร่วมกันปั่นด้วยความตั้งใจ ระมัดระวังในความปลอดภัยของกันและกัน ช่างเป็นภาพบรรยากาศที่แสนพิเศษสุดสำหรับชีวิตของผม ที่มาเห็นผู้คนนับแสนต่างมาร่วมปั่นจักรยานเพื่อพ่อหลวงของเราในวันนี้

หลังจากเสร็จสิ้นการปั่นจักรยานตามที่เจ้าหน้าที่กำหนด ผมกับพี่เมฆเราสองคนมานั่งคุกเข่าด้านหน้าพระบรมมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 นับเป็นเกียรติประวัติแก่ตัวผมเองมากที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินไทยมีพ่อหลวงที่ทรงรักและเป็นห่วงประชาชนของพระองค์แบบนี้ ผมรักในหลวงแล้วจะรักตลอดไปครับ ผมพูดกับตัวเองด้วยความรู้สึกดีก่อนที่จะก้มกราบพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมกับพี่เมฆ ซึ่งระหว่างการปั่นจักรยานจะมีพี่เมฆปั่นอยู่ด้านข้างตัวผมตลอด เราไม่เคยห่างกัน มีหลายช่วงที่เกือบจะเกิดอุบัติเหตุก็ได้พี่เมฆช่วยประคับประคองจนผมสามารถปั่นเข้าสู่เส้นชัยได้อย่างปลอดภัยด้วยความรู้สึกภูมิใจมาก ส่วนคนตัวใหญ่ก็อารมณ์อ่อนไหวไม่แพ้ผมหรอกครับ เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมงานจึงแยกย้ายกันเดินทางกลับบ้านโดยที่ผมขออนุญาตมี๊และปี๊ไปนอนค้างบ้านพี่เมฆเหมือนเดิม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel