บทที่หนึ่ง การกลับมา
ไรอัน อีวานส์ยืนอยู่บนยอดเขาสูงที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอาณาจักรเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน ลมเย็นที่พัดผ่านพาเอากลิ่นอายของความทรงจำเก่าๆ กลับมาหาเขา ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของเขาแฝงด้วยความโศกเศร้าและความหนักอึ้งที่ไม่สามารถลบเลือนออกจากหัวใจได้ แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ภาพในอดีตยังคงตามหลอกหลอนเขาอยู่เสมอ
ไรอันใช้เวลาหลายปีในการเดินทางไกลหนีจากเงามืดของอดีต เขาเดินทางไปยังที่ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครตามหา แต่ไม่ว่าเขาจะไปไกลแค่ไหน เขาก็ไม่อาจหนีจากความรู้สึกผิดในใจได้ เมื่อข่าวลือเกี่ยวกับการทำลายล้างหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของเขามาถึงหู ไรอันรู้ทันทีว่าเขาไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป
“ลูเซียส...”
ไรอันเอ่ยชื่อของเพื่อนสนิทที่กลายเป็นศัตรูออกมาเบาๆ
คำพูดนั้นเหมือนกับการเรียกวิญญาณที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้ดีว่าการกลับมาครั้งนี้ไม่เพียงแค่การสืบหาความจริงเกี่ยวกับหมู่บ้านที่ถูกทำลายเท่านั้น แต่มันยังเป็นการเผชิญหน้ากับลูเซียส คนที่เขาเคยเชื่อใจและรักเหมือนพี่น้อง
ความคิดของเขาเต็มไปด้วยคำถาม เหตุใดลูเซียสถึงได้กลายเป็นคนที่โหดร้ายเช่นนี้? เขาเคยเป็นคนดี เป็นคนที่มีความกล้าหาญและความยุติธรรม แต่ความมืดที่เข้ามาครอบงำจิตใจของเขาได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ไรอันรู้ดีว่าการหาคำตอบเหล่านี้อาจนำพาเขาไปสู่ความเสี่ยง แต่เขาก็พร้อมที่จะเผชิญกับมัน
ไรอันเริ่มเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านที่ถูกทำลาย ดินที่เขาเหยียบย่ำยังคงมีร่องรอยของเถ้าถ่านจากกองไฟที่ลุกลามไปทั่วทุกหนแห่ง เศษซากของบ้านเรือนที่ถูกเผาเหลือเพียงแค่โครงไม้ที่พังทลายไปแล้ว เขาเดินผ่านถนนที่เคยเต็มไปด้วยชีวิตชีวา บัดนี้กลับกลายเป็นถนนที่ไร้ผู้คน ไร้เสียงหัวเราะและเสียงสนทนาที่เคยคุ้นเคย
เมื่อเดินลึกเข้าไปในหมู่บ้าน ไรอันก็พบกับสิ่งที่ทำให้หัวใจของเขาหนักอึ้งยิ่งขึ้นไปอีก ศพของชาวบ้านที่นอนเรียงรายอยู่บนพื้น แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้น ไรอันคุกเข่าลงข้างๆ ศพหนึ่ง ใช้มือสัมผัสที่ดินรอบๆ ศพ น้ำตาที่เขาพยายามกลั้นไว้ไหลลงมาอย่างช้าๆ แม้จะไม่เคยรู้จักชาวบ้านเหล่านี้ แต่เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดและการสูญเสียของพวกเขาอย่างลึกซึ้ง
“ข้าจะหยุดเจ้าให้ได้ ลูเซียส”
ไรอันพึมพำออกมา
ไรอันลุกขึ้นยืนหลังจากดูศพของชาวบ้านคนหนึ่ง หัวใจของเขาหนักอึ้งด้วยความเศร้าและความสิ้นหวัง เขาก้าวเดินต่อไปโดยไม่มีคำพูดใดๆ ริมฝีปากของเขาเม้มแน่น ความเงียบสงบที่แผ่ซ่านไปรอบๆ หมู่บ้านทำให้บรรยากาศยิ่งน่าหวาดหวั่น ทุกย่างก้าวของเขารู้สึกราวกับกำลังเดินผ่านฝันร้ายที่ไม่สิ้นสุด
เมื่อไรอันเดินไปถึงบ้านของตน เขาก็หยุดชะงักตรงหน้าประตูบ้าน บ้านที่เขาเคยอยู่ บ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันแสนสุข ดอกไม้สีม่วงที่เคยชูช่อเล็กๆสดสวยอยู่ในแปลงริมรั้วบ้าน เวลานี้เหี่ยวเฉา และมีรอยช้ำดำๆปรากฎเต็มไปหมด เมื่อเดินเข้าไปในตัวบ้านกลับมีแต่ความเงียบและความว่างเปล่า เสียงหวีดหวิวของลมพัดผ่านใบหูที่เย็นเฉียบความเย็นยะเยือกของความตายแผ่ซ่านไปทั่วพื้นที่ เหลือไว้เพียงความโศกเศร้าที่ไม่มีวันลืม
ไรอันเปิดประตูเข้าไปช้าๆ เสียงบานประตูที่เปิดออกดังเอี๊ยดอ๊าดราวกับกำลังร้องคร่ำครวญ ทุกอย่างภายในบ้านเงียบสงัด ในตอนนี้เขาได้ยินเพียงเสียงรองเท้าบู๊ตของตัวเอง ไรอันมองไปรอบๆ ห้องโถงใหญ่ที่เคยอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แต่ตอนนี้กลับมีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านช่องหน้าต่างแตกและกลิ่นอายของความตายที่ยังคงหลงเหลือ
เขาเดินไปยังห้องหนึ่งที่อยู่ลึกที่สุดในบ้าน หัวใจของเขาเต้นรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ ราวกับลางบอกเหตุถึงสิ่งที่เขากำลังจะพบ เมื่อเข้าไปในห้องนั้น ภาพที่ปรากฏต่อหน้าทำให้หัวใจของเขาแตกสลาย ร่างของพ่อแม่และน้องสาวของเขานอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เลือดที่แห้งกรังสร้างรอยเปื้อนบนพื้นไม้ เผยให้เห็นถึงการต่อสู้และการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของพวกเขา
ไรอันทรุดตัวลงกับพื้นข้างๆ ร่างไร้ชีวิตของครอบครัว น้ำตาที่เขาพยายามกลั้นไว้อีกครั้งกลับไหลออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง มือของเขาสั่นเทาเมื่อเขายื่นออกไปแตะมือของแม่ที่เย็นเฉียบ เขาจับมือของแม่ไว้แน่นราวกับพยายามจะเรียกเธอกลับมา แม้ว่าในใจลึกๆ เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
“ข้าขอโทษ...” เสียงของไรอันเบาและแหบพร่า ราวกับจะขาดใจ “ข้าควรจะอยู่ที่นี่... ข้าควรจะปกป้องพวกท่าน... แต่ข้ากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย...”ความรู้สึกผิดและความสิ้นหวังท่วมท้นจิตใจของเขา หยดน้ำใสๆไหลหยดลงบนมือเย็นชืดของแม่ ไรอันกลั้นสะอื้นและเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆเขาบรรจงเอาผ้าเช็ดหน้าสีขาวของตัวเองเช็ดบนมือแม่อย่างแผ่วเบา เขาไม่สามารถหยุดความคิดที่ว่าถ้าเขาอยู่ที่นี่ บางทีสิ่งนี้อาจไม่เกิดขึ้น การสูญเสียที่เจ็บปวดครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจถูกมือที่มองไม่เห็นบีบเค้น ความโกรธที่เคยมีต่อชะตากรรมและความแค้นที่เขามีต่อลูเซียสเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาในใจ
แต่ขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกถึงความอ่อนล้าและความสิ้นหวังที่แทบจะทำให้เขายอมแพ้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยรู้จัก ทุกคนที่เขาเคยรัก ถูกทำลายลงอย่างไร้ความปรานี ลูเซียส ไนท์ฟอลคนที่เคยเป็นเพื่อนรัก คนที่เขาเคยเชื่อมั่น ตอนนี้กลายเป็นศัตรูที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา
ไรอันกอดร่างของแม่ไว้แนบอก ร่างที่เคยอบอุ่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ตอนนี้กลับเย็นชืดและไร้วิญญาณ น้ำตาของเขาไหลลงมารวมกับเลือดที่แห้งกรังบนพื้น เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้ ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงลงไปในจิตวิญญาณของเขา“ข้าสัญญา...” ไรอันพูดเบาๆ ขณะที่เขาวางร่างของแม่กลับลงไปอย่างอ่อนโยน “ข้าจะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับใครอีก ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งลูเซียส... ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”
แม้เสียงของเขาจะแผ่วเบา แต่ความมุ่งมั่นในใจกลับแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไรอันลุกขึ้นยืน และเริ่มค้นหาผู้รอดชีวิตหรือเบาะแสที่จะนำเขาไปสู่ลูเซียส
