บท
ตั้งค่า

EP 5 แค่เพียงสักนิด

Tattoo of love

(สักรอยรัก ลงในใจเธอ)

EP 5

แค่เพียงสักนิด

..................................

“ตัวจำเอาไว้นะ ถ้าอยากรู้ว่าพี่เขาคิดอะไรกับตัวหรือเปล่า”

“ให้เขยิบเข้าไปใกล้ ๆ หรือลองเอาแขนเข้าไปแตะไปโดนตัวเขาดู”

“ถ้าเขาเบี่ยงตัวหนี ตัวต้องรีบตัดใจให้ไวเลยนะเข้าใจมั้ย” อ้อมให้คำแนะนำกับเพื่อนที่กำลังตั้งอกตั้งใจฟัง

“อื้อ ๆ”

“แล้ว.....นอกจากแตะตัวแล้วต้องทำอะไรอีก”

“สำหรับตัวตอนนี้ แค่นี้พอก่อนจ๊ะ” อ้อมผลักหัวของเพื่อนสาวเบา ๆ เพราะรู้สึกว่าช่วงนี้เพื่อนของเธอจะแก่นแก้วขึ้นทุกวัน

“ชิ เห็นเราเป็นเด็กไปได้” ปอยแกล้งทำท่าสะบัดสะบิ้งใส่อ้อม ก่อนที่ทั้งคู่ ๆ จะหัวเราะใส่กันอย่างสนุกสนาน ตอนนี้ปอยรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองมีสีสัน และเป็นช่วงที่เบิกบานใจที่สุดในชีวิต เธอมีอิสระ มีความรักที่กำลังทำให้หัวใจเต้นแรง แถมยังเป็นรักแรกที่เธอเฝ้าฝันมานาน การที่ได้เข้าใกล้เขาคนนั้นที่เธอวาดฝันทีละนิด มันทำให้ทุก ๆ วัน เหมือนอยู่ในความฝัน ซึ่งหากเป็นฝันจริง ๆ เธอก็ไม่อยากจะตื่นขึ้นมาเลย

21.00 น.

การประกวดดาว และ เดือนของมหาลัยได้จบลงแล้ว รายการต่อไป คือการแสดงดนตรีจากนักร้องวงดัง แต่ทว่า ทั้งที่ใกล้จะได้เวลาแล้ว แต่ปอยก็ยังไม่เห็นวี่แววของกันต์เลยแม้แต่น้อย

“สำคัญตัวผิดอีกแล้วเรา”

“เขาบอกว่าจะมา แต่ไม่ได้บอกว่าจะมาดูด้วยกันสักหน่อย” คนตัวเล็กก้มหน้ามองพื้นหงอยๆ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกห่อเหี่ยวใจเป็นอย่างมาก แต่ทว่าใบหน้าห่อเหี่ยวก็อยู่ได้เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น

“ทำเหรียญตกหรอ?”

“พี่กันต์ (^‿^❀) ” คนตัวเล็กฉีกยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มของใครบางคน

“....................” ร่างสูงนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อได้เห็นรอยยิ้มสดใสของคนตัวเล็กตรงหน้า

“มาแล้วหรอคะ คอนเสิร์ตกำลังจะเริ่มพอดีเลยค่ะ”

“.....อืม มาแล้ว” กันต์ตอบกลับเสียงเรียน ก่อนจะเบนสายตาไปยังเวทีที่นักร้องวงดังกำลังจะเริ่มการแสดง

“ (^‿^❀) ” ปอยยิ้มร่าไม่หยุด อารมณ์ขุ่นมัวก่อนหน้านี้ได้พลันหายไปเป็นปลิดทิ้ง เหลือไว้เพียงความเบิกบาน

21.30 น.

ดนตรีดังกระหึ่ม เหล่านักศึกษาต่างโยกกายไปตามทำนองเพลงอย่างสนุกสนาน ซึ่งปอยเองก็เป็นหนึ่งในนั้น คนตัวเล็กกระโดดโลดเต้นไปตามทำนองอย่างลืมตัว และลืมคำแนะนำของเพื่อนไปจนหมด แต่ทว่าราวกับสวรรค์ได้ประทานโอกาสอันล้ำค่ามาให้โดยไม่ได้ขอ ยิ่งดึกคนก็ยิ่งออกันเข้ามาที่หน้าเวที ยิ่งดนตรีสนุกเท่าไหร่ผู้คนก็ต่างวาดลวดลาย และเบียดเสียดกันอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้ปอยที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างหน้าของกันต์ถูกดันจนแผนหลังไปชิดกับหน้าอกแกร่งของร่างสูงข้างหลัง

ตุ้บ!

“อ๊ะ....” คนตัวเล็กอุทานออกมาเบา ๆ เพราะเริ่มรู้สึกอึดอัดที่ถูกเบียด และในขณะที่กำลังจะผละออกห่างจากคนข้างหลัง จู่ ๆ เสียงทุ้มก็ดังขึ้นที่ข้าง ๆ หู ส่วนมือของกันต์ก็ยกขึ้นเพื่อกันไม่ให้ใครเข้ามาเบียดได้อีก ตอนนี้เลยราวกับว่าเธอกำลังถูกโอบกอดอยู่ก็ไม่ปาน และถึงแม้ว่าเสียงของกันต์ที่กระซิบที่ข้างหูจะเบาจนแทบไม่ได้ยิน เพราะดนตรีเสียงดังมาก แต่ทว่ากลับทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก

“คนเริ่มแน่นแล้ว เราออกไปข้างนอกกันมั้ย”

“คะ ค่ะ!ๆ” คนตัวเล็กได้แต่เดินตามหลังร่างสูงออกไปด้วยท่าทางเหม่อลอยไร้สติ ก่อนที่ทั้งสองคนจะมานั่งพักกันอยู่ที่ม้านั่งข้างหอประชุม

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

หัวใจดวงน้อยยังคงทำงานอย่างหนักหน่วง รุ่นพี่หนุ่มราวกับเป็นเครื่องกระตุ้นหัวใจชั้นยอด เพราะถึงครั้งที่เจอเขา หัวใจของสาวน้อยก็ทำงานหนักทุกครั้งไป

“วะ วันนี้คนเยอะดีนะคะ” คนตัวเล็กเอ่ยเพิ่มทำลายความเงียบ เพราะดูท่าแล้วคนที่นั่งอยู่บนฟุตบาทฝั่งตรงข้ามคงไม่มีทางเปิดปากพูดอะไรออกมาก่อนแน่ ๆ เหมือนกับทุก ๆ ครั้ง ที่ปอยมักจะเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา

“นั่นสินะ” กันต์เอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ซึ่งปอยก็ไม่ได้ถือสากับท่าทางเฉยเมยที่รุ่นพี่หนุ่มแสดง ก่อนจะเริ่มชวนคุยนู่นนี่ไปเรื่อย

“พี่กันต์ไม่ชอบเล่นกีฬาหรอคะ?” คนตัวเล็กถามด้วยความสงสัย

“ก็ไม่นะ” ชายหนุ่มยังคงคอนเซ็ปต์ถามคำตอบคำ

“หรอคะ พอดีปอยเห็นพี่ไม่เคยเล่นกีฬาอะไรเลยตอนมอปลาย” คนตัวเล็กเอ่ยอย่างลืมตัว เพราะตลอดเวลาเธอเฝ้ามองเขามาโดยตลอดตั้งแต่เรียนมอปลายแล้ว

“รู้ได้ไงว่าไม่เคยเล่น?”

“!” คนตัวเล็กตกใจตาโตเมื่อเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองเผลอปล่อยไก่ออกไป ในหัวพยายามหาข้อแก้ตัวพัลวัน แต่ทว่าเมื่อถูกดวงตาคมที่กำลังจ้องมองมาผ่านกรอบแว่นตาราคาแพง หัวใจที่กักเก็บความลับไว้เนิ่นนานก็สั่นสะท้าน พลันเกิดบรรยากาศแปลก ๆ ขึ้น ใบหน้าใสร้อนผ่าวถึงไม่ต้องมองกระจกเธอก็รู้ดีว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอเองคงจะแดงเถือกไปหมดแล้ว คนตัวเล็กราวกับไม่สามารถบังคับริมฝีปากของตัวเองได้ ตอนนี้ไม่มีอะไรจะมาหยุดการสารภาพรักของเธอได้แล้ว

“ปอยชอบพี่กันต์ค่ะ”

“ชอบมาตั้งแต่สามปีที่แล้ว แล้วก็ชอบมาตลอดจนถึงตอนนี้”

“แล้วก็ที่เลือกเรียนที่นี่ก็เป็นเพราะพี่กันต์ค่ะ!” คนตัวเล็กเอ่ยประโยคสุดท้ายออกไปเต็มเสียง ก่อนจะก้มหน้าลงและหลับตาแน่น เสียงหัวใจที่ดังกังวานทำเอาหูทั้งสองข้างอื้อไปหมด โชคดีที่ตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่ ซึ่งหากยื่นอยู่ละก็มีหวังคงแข้งขาอ่อนจนหงายท้องไปแน่ ๆ เพราะเธอไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้าจะตอบยังไงกลับมา

ตึก

ตึก

ตึก

เสียงฝีเท้าหนาหยุดลงตรงหน้าคนตัวเล็ก ก่อนที่เสียงทุ้มที่แสนจะราบเรียบทั้ง ๆ ที่เพิ่งได้ฟังคำสารภาพรักไป แต่กลับไม่มีท่าทางตกใจใด ๆ เลย

“ทำไมถึงชอบล่ะ?”

“คะ?” คำถามของกันต์ทำเอาคนตัวเล็กต้องเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะพบว่าตอนนี้คู่สนทนากำลังทำหน้าราวกับกำลังสงสัยจริง ๆ ว่าเพราะอะไร

“เพราะอะไร.....ทำไมถึงชอบกันล่ะ” ร่างสูงยังไม่หยุดที่จะเค้นเอาคำตอบ เขาทำราวกับต้องการให้คนตัวเล็กตรงหน้าสาธยายออกมาให้หมดเปลือก

“ชะ ชอบที่พี่เป็นแบบนี้ค่ะ” คนตัวเล็กกำมือแน่น เธอไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายออกมาเป็นคำพูดอย่างไร เธอก็แค่ชอบที่เขาเป็นเขาอย่างตอนนี้ ถ้าต้องให้มาอธิบายว่า ชอบเพราะเขาดูเป็นคนเงียบ ๆ ดูเป็นเด็กเรียน ดูนิสัยดี มันก็ดูจะค่อนข้างกระดากปากเกินไป

“แบบนี้.....ใส่แว่น ดูติ๋ม พูดน้อยน่ะหรอ?”

“ปะ เปล่านะคะ คะ คือ.....” คนตัวเล็กเริ่มลนลานกับคำถามราวกับการสอบปากคำ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ การสารภาพรักของเธอผลถึงออกมาเป็นแนวนี้ได้ แถมยังรู้สึกได้ถึงความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างจากน้ำเสียงของกันต์อีกต่างหาก

“ปอยก็แค่ชอบพี่แค่นั้นเองค่ะ”

“มันก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไรกันแน่ แต่พอรู้ตัว.....ก็ชอบพี่ไปแล้ว”

“ทุกครั้งที่เห็นพี่ ปอยก็ไม่สามารถละสายตาไปจากพี่ได้เลย”

‘ยางอายในชีวิตนี้ฉันคงจะใช้ไปจนหมดแล้วสินะ (T^T) ’ คนตัวเล็กพึมพำในใจ

“พูดจริงงั้นหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ซึ่งคนตัวเล็กก็พยักหน้าหงึกหงักตอบรับทันที

“ไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่เลยแฮะ แต่ถ้า.....เธอยอมจูบพี่ จะลองเชื่อที่พูดดูก็ได้”

“เธอทำได้ไหมล่ะ?” ร่างสูงที่กำลังยืนล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางสบาย ๆ เอ่ย ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะกระตุกยิ้มบาง ๆ ขึ้นที่มุมปาก

“...................” คนตัวเล็กยามที่ได้ฟังก็นิ่งอึ้งไป อึ้งทั้งคำพูด และรอยยิ้มของกันต์ ซึ่งมันคือครั้งแรกที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้า แต่ทว่าเธอก็รู้สึกถึงความอันตรายของรอยยิ้มนั่นเช่นกัน สัญญาณเตือนบางอย่างมันบอกว่าให้ถอนตัวเสียตั้งแต่ตอนนี้เพราะหากยังคงเลือกที่จะเดินต่อไป คงไม่มีโอกาสให้ถอยหลังกลับอีกแล้ว

พรึบ

ร่างเล็กค่อย ๆ ลุกขึ้นจากม้านั่ง ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาร่างสูงด้วยสองเท้าของตัวเอง

ดังคำกล่าวที่ว่าความรักมักทำให้คนตาบอด คนที่มีความรักมักจะมองข้ามเรื่องบางอย่าง มองข้ามสัญญาณอันตราย และไร้ซึ่งสติปัญญาที่จะยับยั้งชั่งใจ เพราะความรักคือสิ่งที่หอมหวาน ที่ไม่ว่าใครได้ลิ้มลองก็จะหลงมัวเมาไปกับมัน

ฟึบ

มือบางที่สั่นเทาค่อย ๆ แตะลงบนตัวของร่างสูงอย่างแผ่วเบา สองเท้าค่อย ๆ เขย่งขึ้นเพื่อให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับคนตรงหน้า

‘ก็แค่อยากจะเข้าใกล้เขาอีกสักนิด’

‘แค่เพียงสักนิดก็ยังดี’

จุ้บ

ริมฝีปากเล็กบรรจงแตะลงบนริมฝีปากหนาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะรีบผละออกทันทีด้วยท่าทางเขินอาย ใบหน้าใสตอนนี้แดงซ่านไปหมด

Gun Talk

'อ่าา.....อย่าสิ จะใจร้อนไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ'

'การต้องยับยั้งชั่งใจไม่ให้บดขยี้อะไรบางอย่างเนี่ย มันช่างน่าทรมานจริง ๆ เลย'

..................................

เพิ่มลงคลัง+คอมเมนต์+ไลค์

= กำลังใจ(◕‿< ❀ )

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel