THE ANSWER TO SILENCE คำตอบของความเงียบ

30.0K · ยังไม่จบ
sunlighttt
20
บท
706
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ในมหาวิทยาลัยเก่าแก่กลางเมืองเกิดเหตุฆาตกรรมเงียบอาจารย์รัฐศาสตร์ชื่อดังเสียชีวิตกลางห้องเรียนโดยไม่มีบาดแผล ไม่มีเสียงร้อง ไม่มีใครเห็นผู้ต้องสงสัยร้อยตำรวจเอกกานต์ ผู้มากด้วยสัญชาตญาณ กลับต้องจับ

นิยายสืบสวนสอบสวนคุณครูหมอตำรวจครอบครัวใช้ความรุนแรงไขความลับ18+

ตอนที่ 1 : เสียงของคนตาย

!!คำเตือน!!

เนื้อหาเหล่านี้เป็นเพียงจินตนาการของนักเขียนเท่านั้น บางเนื้อหาหรือสถานที่ไม่มีอยู่จริง ไม่สนับสนุนให้ทำตาม เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

++++

“เสียงบางเสียง...ดังก้องอยู่ในความเงียบ และฆ่าคนได้โดยไม่ต้องเปล่งคำพูด”

เสียงฝนตกกระทบกระจกหน้าต่างห้องสืบสวนเป็นจังหวะ ไม่เร็วไม่ช้า เหมือนจงใจหยอกล้อกับความเงียบที่ปกคลุมอยู่ทั่วห้อง ร้อยตำรวจเอกกานต์ พิรุณทรัพย์ วางถ้วยกาแฟลงอย่างเบามือ เขามองแฟ้มคดีที่เพิ่งถูกส่งมาวางไว้บนโต๊ะเมื่อเช้านี้ ดวงตานิ่งเฉย แต่ในความนิ่งนั้นมีบางอย่างกำลังไหวสะเทือน

ผู้เสียชีวิต: ดร.เมธัส ศิริพงษ์

อาชีพ: อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยภารุศิษย์

วันพบศพ: วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม เวลา 07:25 น.

สถานที่: ห้องเรียน 3/2 อาคารรัฐศาสตร์

ลักษณะศพ: นั่งพิงผนัง ใบหน้าสงบ ไม่มีบาดแผลภายนอก พบบันทึกลายมืออยู่บนโต๊ะหน้าห้อง

กานต์อ่านบรรทัดสุดท้ายซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะพับแฟ้มปิดพลางถอนหายใจ ห้องเรียนที่ถูกปิดตายในตอนเช้าเพราะภารโรงพบร่างของอาจารย์ในสภาพเหมือนคนหลับ ไม่ใช่คนตาย ใครจะคิดว่าผู้ชายที่ดูเหมือนเพิ่งงีบพักจากการเตรียมสอน กลับไม่มีลมหายใจแล้ว

มันคือความตายที่เงียบเชียบเกินไป...และนั่นเองที่ทำให้มันน่าสงสัย

...

“ห้องนี้ไม่ได้ใช้งานมาตั้งแต่ปลายภาคก่อนครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบอกพลางไขกุญแจเปิดประตู กานต์เดินเข้าไปในห้องเรียน 3/2 อย่างระมัดระวัง

กลิ่นฝุ่นและกลิ่นไม้เก่าลอยแตะจมูก โต๊ะนักเรียนวางเรียงราย ฝุ่นจับหนา แต่ตรงกลางห้องกลับสะอาดผิดปกติ โต๊ะอาจารย์หนึ่งตัววางอยู่หน้าห้อง ร่างของชายวัยกลางคนในชุดอาจารย์นั่งพิงผนังด้วยท่าทางสงบ ใบหน้าเขาดูอ่อนล้าเหมือนคนหมดแรง ไม่ใช่คนที่เพิ่งตาย

กานต์ย่อตัวลงดูใกล้ ๆ “มีใครแตะต้องศพหรือยัง?”

“ยังครับ” เจ้าหน้าที่ตอบ “เรารอคุณหมอจากนิติเวชมาเก็บหลักฐานก่อน”

ไม่มีรอยต่อสู้ ไม่มีคราบเลือด ไม่มีร่องรอยการดิ้นรน ทุกอย่างดูเงียบผิดธรรมชาติ ยกเว้น...

กระดาษแผ่นหนึ่ง บนโต๊ะอาจารย์ลายมือเรียบหรูเขียนด้วยหมึกน้ำเงินว่า

"เสียงของคนบางคน...ควรถูกเก็บไว้ตลอดไป"

กานต์หยิบถุงมือยางขึ้นมาสวม ก่อนจะหยิบกระดาษขึ้นอ่านช้า ๆ ความหมายในประโยคนั้นกระแทกใจเขามากกว่าที่เขาคิด

ขณะนั้นเอง เสียงส้นสูงแตะพื้นกระเบื้องก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ เขาเงยหน้าขึ้นทันเห็นหญิงสาวในชุดสูทกรมท่า เดินเข้ามาด้วยท่าทางมั่นใจ ดวงตาคมดุจับจ้องเขาอย่างประเมิน

“ขอโทษค่ะ ฉันพิมพ์ชญา อาจารย์คณะนิติศาสตร์ พอรู้เรื่องก็รีบมา”

“ร้อยตำรวจเอกกานต์ พิรุณทรัพย์” เขาพยักหน้า “คุณรู้จักผู้เสียชีวิตดีแค่ไหนครับ?”

เธอยิ้มน้อย ๆ แต่ไม่มีรอยอ่อนโยนในแววตา

“มากกว่าที่อยากจะยอมรับค่ะ”

...

ที่สถานีตำรวจ กานต์สอบปากคำบุคลากรของมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่บอกว่า ดร.เมธัส เป็นคนสุขุม ขรึม ไม่สุงสิงกับใคร ชอบอยู่คนเดียว และทำงานดึกเป็นประจำ

ไม่มีศัตรู ไม่มีคนรัก ไม่มีเรื่องอื้อฉาว

ยกเว้น...

“เขาเคยมีปัญหากับอาจารย์พิมพ์ชญาค่ะ” เจ้าหน้าที่ธุรการคนหนึ่งกล่าว “เรื่องการให้พักการเรียนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ อารยา อาจารย์เมธัสไม่เห็นด้วยเพราะเด็กนั่นโดนกลั่นแกล้ง เขาบอกว่าเราควรปกป้องเธอแทนที่จะลงโทษ”

นั่นคือเบาะแสแรกที่สะกิดใจ

ในคืนนั้น กานต์ตัดสินใจโทรหาอาจารย์พิมพ์ชญาอีกครั้ง เชิญมาสอบถามเพิ่มเติม

ในห้องสอบสวน พิมพ์ชญานั่งนิ่งเหมือนหิน ดวงตานั้นไม่มีร่องรอยของความตกใจ

“เรื่องอารยา...” กานต์เริ่ม “คุณคิดว่าเธอเกี่ยวข้องกับคดีนี้ไหม?”

เธอไม่ตอบทันที ดวงตาเคลื่อนจากโต๊ะมาสบตาเขาช้า ๆ

“คุณเคยสอนเด็กที่โกหกเก่งกว่าอาชญากรไหมคะ?”

เธอถามกลับ ไม่ใช่การปฏิเสธ แต่คือการเบี่ยงประเด็นอย่างชาญฉลาด

...

รายงานจากนิติเวชมาถึงในเช้าวันถัดมา

"ผู้เสียชีวิตมีสารกล่อมประสาทชนิดอ่อนในกระแสเลือด ปริมาณไม่ถึงกับทำให้เสียชีวิต

แต่พบสารยาระงับการเต้นของหัวใจในกระเพาะอาหาร

ไม่มีร่องรอยการขัดขืน ไม่พบการต่อสู้สันนิษฐานว่าเสียชีวิตขณะหมดสติ"

“ถูกฆ่าด้วยความเงียบ…” กานต์พึมพำ

เขากลับไปมหาวิทยาลัยอีกครั้ง ขอภาพจากกล้องวงจรปิด แต่กล้องชั้น 3 เสียมาเกือบสองอาทิตย์ ไม่มีภาพ ไม่มีเสียง

ทุกอย่างถูกกลบด้วยความเงียบอีกครั้ง

...

เมื่อกานต์เดินผ่านห้องพักอาจารย์ เขาสังเกตเห็นแก้วกาแฟวางอยู่หน้าห้องพิมพ์ชญา

“ของอาจารย์พิมพ์ค่ะ” เจ้าหน้าที่เวรประจำตึกบอก “เธอชอบวางไว้ให้ ดร.เมธัส ตอนเช้า ๆ เป็นแบบนี้มานานแล้ว”

กานต์ถามทันที “แสดงว่าเธอรู้เวลาเข้า-ออกของเขา รู้ว่าเขาจะมาถึงกี่โมง?”

“ค่ะ เธอเป็นคนเตรียมให้ทุกเช้า”

ความสงสัยในใจของกานต์เริ่มหนาขึ้นทีละชั้น

...

วันต่อมา เขาได้รับรายงานจากฝ่ายวิเคราะห์ลายนิ้วมือ

“เราพบลายนิ้วมือของพิมพ์ชญาบนแก้วกาแฟค่ะ แต่...ไม่พบสารพิษในแก้ว”

“เปลี่ยนแก้ว?” กานต์ถาม

“ไม่แน่ใจค่ะ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ...เราพบหลักฐานว่า ดร.เมธัส มีไฟล์เสียงชื่อ ‘อารยา’ บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ แต่ถูกลบไปช่วงเช้าวันที่เขาเสียชีวิต”

กานต์รีบตรงกลับไปที่ห้องพักของผู้ตาย ฝ่ายไอทีปลดล็อกคอมให้ แต่ไม่พบอะไรเพิ่มเติม ยกเว้นโน้ตแผ่นหนึ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ลิ้นชักโต๊ะ

“ความเงียบไม่ใช่ความยุติธรรม และเสียงของเหยื่อ...ไม่ควรถูกปิด”

...

เช้าวันถัดมา เขาเชิญอารยา เด็กสาวที่ถูกพูดถึงตลอดคดี มาพบ

เธอมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์ธรรมดา และไร้เครื่องสำอาง

“คุณตำรวจอยากรู้เรื่องอะไรคะ?”

“ความสัมพันธ์ของคุณกับ ดร.เมธัส และอาจารย์พิมพ์ชญา”

เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดเสียงแผ่ว

“อาจารย์เมธัสเป็นคนเดียวที่เชื่อหนู...ตอนที่ไม่มีใครเชื่อ หนูโดนกลั่นแกล้ง โดนผลัก โดนขู่ แต่ไม่มีใครสนใจ หนูเคยพยายามฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ”

“แล้วอาจารย์พิมพ์ชญา?”

อารยาเม้มปาก “เธอคิดว่าหนูโกหก เพราะหนูเคยรักษาโรคซึมเศร้า”

“คุณเคยไปห้อง 3/2 มาก่อนวันเกิดเหตุไหม?”

อารยาสบตาเขาแน่น “ไม่ค่ะ”

แต่กานต์รู้...เธอโกหก

และเสียงของคนตายก็ยังไม่หยุดพูดในความเงียบของเขา

---