ตอนที่ 6 ข้าวใหม่ปลามัน
Day 3
วันนี้สองคนสามีภรรยาวางแผนไปไหว้พระที่วัดร่องเสื้อเต้น ไม่ต้องให้บรรยายถึงความงามของสถานที่ วัดนี้จัดเป็นวัดขึ้นชื่อของเชียงรายก็ว่าได้ เพราะความโดดเด่นของวิหารนั้น สวยงามอลังการอย่างมาก ซึ่งถูกสร้างด้วยศิลปะแนวศาสนาศิลป์ร่วมสมัย สีน้ำเงินตัดกับสีทองเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนวัดไหนๆ เลยทีเดียว ทั้งคู่เข้าตรงเข้าไปภายในวิหาร ที่มีประดิษฐานพระประธานสีขาวองค์ใหญ่ นามว่า พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ ไว้เพื่อกราบไหว้สักการะ
กระทั่งสองสามีภรรยากราบไหว้สักการะเสร็จสิ้น ก็มุ่งไปยังจุดหมายต่อไปคือวัดร่องขุ่น ความงดงามไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นวัดที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลก โดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชื่อดังของไทย เป็นผู้ออกแบบและสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2540 เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและพุทธศิลป์เพื่อแผ่นดิน เน้นการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมและศิลปะแบบไทยร่วมสมัย ซึ่งจะเน้นสีขาวเป็นส่วนใหญ่และมีการตกแต่งด้วยกระจกเงิน เพื่อให้วัดดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
ขณะเดินชมความงามภายในวัด ทั้งสองแวะซื้อของทานบริเวณใกล้ๆ รองท้องอยู่เรื่อยๆ และเพียงสองวัดที่ได้ไปเยี่ยมชม ก็ทำให้คู่ข้าวใหม่ปลามันเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า กระทั่งตอนนี้จูนอยากกลับโรงแรมเพื่อไปนอนพักผ่อนกายา ทั้งสองจึงตกลงกันว่า...กลับไปนอนพักน่าจะดีกว่า การท่องเที่ยววันนี้จึงสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ทั้งคู่ต่างเข้านอนแต่หัวค่ำ เพราะพรุ่งนี้มีแพลนต้องไปชมพระอาทิตย์ขึ้นแต่รุ่งสาง
…
Day 4
เวลาตีสี่...ทั้งคู่รีบตรงมายังภูชี้ฟ้า เพื่อชื่นชมความงดงามของทะเลหมอก ซึ่งเป็นยอดเขาสูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น ติดชายแดนไทย-ลาว ด้วยความมีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติของลักษณะหน้าผาปลายยอดแหลม บรรยากาศรอบๆ ตัว บวกกับความหนาวเย็น ส่งผลให้สองสามีภรรยาสวมกอดกันไว้แนบแน่น แม้เสื้อโค้ทที่สวมใส่ก็มิอาจทำให้ร่างกายทั้งคู่อุ่นมากพอ สองมือใหญ่โอบกอดร่างภรรยาจนแทบจะกลายเป็นหนึ่งเดียว
เมื่อชื่นชมความงามของทะเลหมอกเรียบร้อย ต้นและจูนก็เดินทางท่องเที่ยวต่อที่สวนแม่ฟ้าหลวง ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าพระตำหนักดอยตุง ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปสวยๆ ในเชียงรายก็ว่าได้ ด้วยสถานที่เต็มไปด้วยสวนดอกไม้เมืองหนาว ที่พร้อมใจกันเบ่งบานอวดความสวยงาม ไม่ว่าจะเป็น กุหลาบ พิทูเนีย และบีโกเนีย อีกทั้งยังมีไม้มงคล ไม้ยืนต้น และซุ้มไม้เลื้อย ซึ่งปลูกไว้อีกหลายชนิดเลยทีเดียว
จูนได้เก็บภาพสวยๆ ไปหลายภาพ โดยมีตากล้องส่วนตัวคือสามีป้ายแดงตามติดถ่ายภาพให้ไม่ห่าง
“ต้น...ถ่ายจูนสวยๆ นะคะ”
“ครับ...นางแบบสวย ยังไงภาพก็ออกมาสวยแน่นอนครับ”
สิ้นเสียงเชยชมของสามี ทำเอาพวงแก้มภรรยาค่อยๆ แดงระเรื่อ ก็จะไม่ให้เธอเขินอายได้อย่างไร ในเมื่อคนเอ่ยปากชม พูดตะโกนเสียงดังจนคนบริเวณนั้นได้ยินกันไปทั่ว และทุกคนต่างก็ส่งยิ้มแบบเอ็นดูมาให้เขาและเธอ...เพราะทั้งคู่ก็สวยหล่อ เหมาะสมกันจริงๆ นั่นแหละ เมื่อได้รูปภาพสวยงามเยอะจนพอใจทั้งคู่แล้ว ทั้งสองก็หาข้าวทานกันต่อ กระทั่งเวลาดำเนินไปถึงช่วงเย็น จูนและต้นก็กลับเข้าโรงแรมและเตรียมจัดกระเป๋าเดินทางกลับกรุงเทพในวันถัดไป
…
Day 5
ทั้งคู่เตรียมเดินทางกลับกรุงเทพ โดยทานมื้อเช้าที่โรงแรมก่อนกลับ จากนั้นก็ตรงไปยังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ซึ่งเวลาที่เครื่องจะ take off ประมาณ 13.00 น.
การเดินทางผ่านไปโดยสวัสดิภาพ ช่วงห้าวันของทริปฮันนีมูนได้สิ้นสุดลงอย่างมีความสุข ทั้งเขาและเธอต่างมีความสุขกับชีวิตคู่ที่ดำเนินผ่านไปทุกๆ วัน
…
ทั้งคู่เริ่มต้นกลับมาใช้ชีวิตการทำงานอีกครั้ง ชีวิตทั้งสองดำเนินไปอย่างปกติสุข ชีวิตคู่หวานไม่เคยแผ่ว กระทั่งวันเวลาผ่านเดินผ่านไป จวบจนศักราชใหม่ได้เข้ามาเยือน บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้นกับจูน และนั่นจะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ไปตลอดกาล
“โอ้ก...แหวะ” เสียงอาเจียนโอ้กอ้ากในห้องน้ำในช่วงเวลาเช้าแปดโมง
“จูน เป็นอย่างไงบ้างครับ” สามีหนุ่มหล่อเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาถามเธออย่างห่วงใย เมื่อภาพตรงหน้าที่เห็นคือภรรยาสาวสวยนั่งกอดชักโครก ก้มหน้าอาเจียนอย่างทรมาน เขาจึงต้องรีบยื่นมือไปลูบหลังให้เธอ
“จูนเวียนหัว อยากอาเจียนตลอดเวลาเลยค่ะ”
“เดินไหวไหม ถ้าไม่ไหว เดี๋ยวต้นอุ้มเองครับ”
จูนลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล สามีคอยประคองไม่ห่าง เธอเดินตรงไปยังอ่างล้างหน้า และจัดการล้างคราบเศษอาหารออกจากใบหน้าและริมฝีปากจนเกลี้ยง
“จูน ลางานเถอะครับ เดี๋ยวต้นพาไปหาหมอ”
“ก็ได้ค่ะ วันนี้ไม่น่ามีงานอะไรเร่งด่วนเท่าไหร่”
งานของเธอเป็นงานที่เกี่ยวกับการประสานงาน โดยเธอเป็นล่ามให้กับบริษัทของพ่อสามี เพราะเธอสามารถพูดได้ถึงสามภาษา ไทย จีน อังกฤษ เธอจึงต้องติดต่อลูกค้าชาวต่างชาติอยู่เกือบทุกวัน
“เดี๋ยวต้นโทรไปบอกพ่อเองครับ”
ณ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุงเทพมหานคร
“ยินดีด้วยนะคะคุณแม่ คุณพ่อ...คุณแม่ตั้งครรภ์อ่อนๆ ได้สามสัปดาห์แล้วค่ะ”
“อะไรนะคะ” จูนอุทานด้วยความตกใจออกมา เธอไม่คาดคิดว่าจะท้องได้รวดเร็ดขนาดนี้ ก็เพราะเธอกับสามีเพิ่งเข้าพิธีแต่งงานไปเมื่อเกือบสองเดือนที่แล้วเอง
“จูน...ฝากท้องเลยไหมครับ” สามีแสดงท่าทางดีใจออกมา ซึ่งตรงกันข้ามกับภรรยาที่รู้สึกไม่พร้อมจะมีลูกตอนนี้เลย
“เอ่อ...ฝากเลยก็ได้ค่ะ”
“เดี๋ยวหมอจะจ่ายยาโฟลิคไปให้ทานนะคะ ช่วงนี้คุณแม่ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ อย่ายกของหนัก อย่าวิ่งหรือเดินเร็วนะคะ”
“ค่ะๆ ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
ระหว่างทางที่ทั้งสอง On the way บนท้องถนน
“ต้นดีใจมากเลยนะจูน เราจะมีลูกกันแล้ว” เขาเอ่ยแสดงความดีใจออกมา และมือใหญ่ก็ยื่นมากอบกุมมือของภรรยาไว้ ขณะที่รถยังจอดติดไฟแดง
“ความจริง...จูนอยากใช้ชีวิตคู่ก่อนสองถึงสามปี ไม่คิดเลยว่าลูกจะมาเกิดเร็วขนาดนี้”
“อย่าคิดแบบนั้นสิครับ มีเร็วก็ดี พอลูกโต แม่ยังสาว ยังสวย อยู่เลย”
“จูนแค่กังวลว่า...เราสองคนอาจยังไม่พร้อมนะคะ”
“พร้อมสิครับ ต้นสัญญาว่า...จะดูแลจูนกับลูกให้ดีที่สุด เท่าที่สามีและพ่อคนนี้จะทำได้ครับ”
คำมั่นสัญญา บวกกับแววตาจริงใจ และมุ่งมั่นในทุกคำพูด แสดงออกมาให้ภรรยาเห็น ทำให้เธอรู้สึกวางใจในสิ่งที่สามีให้คำมั่นไว้
_________________________________
