บทที่2 มองหน้าผมสิ.
♤♡♧?︎?︎?︎?︎?︎♧♡♤
บทที่2 มองหน้าผมสิ
บ้านคุณน้าสาวิตรี [ หรือน้าสาว ]
ครืดด~~
รถตู้ถูกจอดเทียบหน้าบ้านหลังใหญ่ สองหนุ่มหล่อกำลังเดินลงมาจากรถพร้อมกัน .. ต่างคนต่างดูดีคนละสไตล์ คีย์จะออกแนวสบาย ๆ เคลื่อนไหวคล่องตัวได้ง่าย ส่วนปาร์คนั้นจะเป็นคน แต่งตัวเนี๊ยบมากกว่าหน่อยเพราะสานต่อธุระกิจของพ่อแม่ตั้งแต่อายุ20ต้น ๆ จนตอนนี้กลายเป็นผู้บริหารไปแล้ว .. เลยต้องแต่งตัวให้มันดูมีภูมิฐาน
" เป้ยเดี๋ยวช่วยยกกระเป๋าคุณคีย์หลังรถให้ที "
ปาร์คออกคำสั่งให้แม่บ้านสาวที่ตรงนั้นขนกระเป๋าหลังรถของน้องชายขึ้นไปบนห้องที่จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว .. อัคคีได้แต่มองตามหลังแม่บ้าน2-3คนที่กำลังขนกระเป๋าของตนขึ้นไปเก็บบนห้อง
" คีย์ ... มาทานข้าวสิเดี๋ยวทานเสร็จพี่จะพาเข้าบริษัท "
" วันนี้ให้เริ่มเลยหรอครับ? "
คีย์เริ่มคิ้วขึ้นถามย้ำพี่ชายอีกครั้งเขาคิดว่ามาถึงจะได้พักก่อนเสียอีก
" ก็ใช่น่ะสิ ... แกคิดว่าจะได้พักงั้นหรอ ? "
" ( พยักหน้า )** อื้อ "
" พอเลย .. พักมา10กว่าปีแล้วไม่พอหรือไง เอาหลักสูตรที่เรียนมาทั้งหมดควักเอามาใช้ได้แล้ว "
" โอ้ว ~~ yes yse! Stop your mouth! ชู่ว~ "
อัคคีฉีกยิ้มกว้างก่อนจะทำท่าทางให้พี่ชายนั้นหยุดบ่นสักที ตั้งแต่เล็กจนโตที่ปาร์คเป็นคนที่พูดเก่งมาบางครั้งเขาเคยคิดนักว่าพี่ชายควรไปเป็นนัก ปรัชญามากกว่าผู้บริหารสะอีก ...ทั้งคู่พากันเดินมายังโต๊ะอาหารมากมายหลายอย่างที่ถูกจัดเรียงรอไว้อยู่แล้ว
" ทำอะไรเยอะแยะครับเนี่ย "
อัคคียกมือขึ้นไหว้น้าสาวกับอาผู้ชายก่อนจะเพ่งมองไปยังอาหารบนโต๊ะที่หน้าตาน่ารับประทานเหลือเกิน
" เตรียมไว้ให้คีย์ไงลูก ...หลานชายสุดที่รักของน้า "
ตั้งแต่อัคคีเหยียบเข้ามาให้บ้านสาวิตรีก็ชมหลานชายไม่ขาดจนไอ้เจ้าลูกชายตัวดีแสร้งทำเป็นน้อยใจ..
" แม่ไม่รักผมเลยนะ..ชอบแต่หลาน เช๊อะ! "
" หลานฉันก็น้องเธอไหมล่ะย่ะ !"
" เช๊อะ !! "
" นี่โตแล้วอย่ามาทำงอนนะเจ้านี่! "
จริง ๆ เลย..
ปาร์คทำเป็นไม่พอใจผู้เป็นแม่ แกล้งหูทวนลมกวนประสาทจน สาวิตรียกกำปั้นมือขึ้นมาหวังจะทุบลูกชายตัวดีแต่ผู้เป็นสามีห้ามไว้ได้ทัน
" พะ...พอแล้วคุณ ...เจ้านี่ก็ขี้ยั่ว! ให้แม่โมโหจริง ๆ เลย "
" หยอกไงผมหยอก "
" หึ .... "
เหตุการณ์ทำให้อัคคีหลุดคำออกมา สายตามองสบไปยังคุณน้าสาวและอาผู้ชาย .. สลับมองไปหาพี่ชายบ้างเป็นบางครั้ง ... ตัวเขาไม่อยากมีความคิดแบบนี้เลยทั้ง ๆ ที่ตอนนี้น้าสาวิตรีก็ให้ความสุขกับเขาทุกอย่าง แต่มันอาจจะสุขมากกว่านี้ ถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่
ทำไมเป็นคนคิดมากแบบนี้...
" คีย์กลับมาคราวนี้หล่อขึ้นจริง ๆ "
อาผู้ชายพูดแบบนั้นก่อนจะหันหน้าไปมองภรรยา คำพูดของน้าชายที่เอ่ยชมทำให้อัคคีหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขอบคุณ
" ขอบคุณครับ.. ชมมากขนาดนี้ผมกินข้าวไม่ลงแล้วนะ "
อัคคีเป็นคนที่มีเสน่ห์ในตัวแต่จะติดนิสัยชอบนิ่งไม่ค่อยพูดสักเท่าไหร่ จะพูดก็ต่อเมื่อมีคำถามเท่านั้น
" หล่อเหมือนพี่เชาว์เลยนะ ... "
พ่องั้นหรอ....
" .... !! "
" เหมือนถอดแบบพ่อมาเลยไม่มีเค้าโครงเหมือนพี่พริ้งเลยสักนิด "
บรรยากาศบนโต๊ะ เงียบขรึมไม่มีใครพูดอะไรออกมาจะมีเพียงแต่อาผู้ชายที่ยังพูดไม่หยุด
" พ่อ..! "
ปาร์ควางช้อนลงบนจากก่อนจะช้อนตามองผู้เป็นพ่อให้หยุดพูด... ก่อนจะเหลือบมองไปดูท่าทีของน้องชาย ... ทว่ากับนิ่งไปดวงตาไร้ความรู้สึก ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานนับ 10 ปีอัคคีก็ยังไม่เคยลืมเหตุการณ์นั้นได้เลย
" พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลยนะคุณ ! "
สาวิตรี ตวัดสายตาใส่สามีอย่างไม่พอใจถึงภายนอกหลานชายจะดูเป็นคนเข้มแข็งแต่เชื่อเถอะว่าคนประเภทนี้แข็งนอกอ่อนใน.. เขารู้นิสัยหลานชายดี
" เอ่อ... อะ..อาขอโทษนะคีย์ "
เมื่อรู้ตัวว่าผิดจึงเอ่ยขอโทษอย่างไม่ถือตัวว่าเป็นผู้ใหญ่กว่า ...อัคคียิ้มรับก่อนจะขอตัวออกไปจากตรงนี้
" ไม่เป็นไรครับอาชาย ...ผมขอตัวก่อนนะพอดีว่าอิ่มแล้ว "
" อะไรกัน ..แกกินไปนิดเดียวเองนะ "
ปาร์คบอกแบบนั้นเพราะชำเรืองมองไปที่จานของน้องชายคีย์พึ่งทานไปได้นิดเดียวเอง
" นั่นสิลูก ทานอีกหน่อยสิกับข้าวเยอะแยะเลยนะ "
สายตาของสาวิตรีมองหลานชายอย่างเป็นห่วง
" หึ... ทานเถอะครับทุกคนพอดีผมกินแซนวิซบนเครื่องไปหลายอันเลยจุกท้องนิดหน่อย ... "
" ตามสบายเลยนะครับผมจะขึ้นไปไหว้พ่อกับแม่ท่านด้วย "
ชายหนุ่มบอกแบบนั้นพลางยิ้มออกมาทำว่าเหมือนไม่มีอะไร .. เขาไม่อยากให้ทุกคนคิดมากกันมันจะเสียบรรยากาศ.....สองเท้าก้าวเดินขึ้นบรรไดไปโดยที่ไม่หันมองกับมายังโต๊ะอาหารเลยไม่รู้ว่าอีก3คนที่นั่งทานข้าวอยู่มองอัคคีด้วยความเป็นห่วงขนาดไหน
" นานมากแล้วนะ ... เจ้าคีย์ยังไม่ลืมเหตุการณ์นั้นเลย "
อาผู้ชายเป็นคนเริ่มบทสนทนาขึ้นมาใหม่
" ลืมไม่ได้หรอกคุณ... "
สาวิตรีพูดออกมาด้วยสายตาที่ยังเป็นกังวลเธอค่อย ๆ วางช้อนลงไปบนจาน นั่งยืดหลังตรงมือประสานวางไว้ที่ตัก
" แผลของอัคคีมันยังสดใหม่อยู่ตลอด .. ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่สามารถสมานแผลในใจของอัคคีให้หายขาดได้ "
" ...การสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่อายุยังน้อยมันเป็นอะไรที่แย่ที่สุดเลยนะ ... มันขาดทั้งความรักความอบอุ่นถึงเราจะพยายามเติมเต็มให้อัคคีมากเท่าไหร่มันก็ไม่เท่ากับความรักที่พ่อแม่ของเขาให้หรอก ... "
บาดแผลมันลงลึกเกินกว่าจะหาย... เมื่อมีคนพูดถึงขึ้นมามันเหมือนเน้นย้ำให้แผลมันช้ำ เจ็บมากเหลือเกิน...
ชั้นบน
สองเท้าก้าวขึ้นมาจนถึงบรรไดขั้นสุดท้ายสายตาคมเหลือบมองรูปที่ถูกติดตรึงไว้ตรงผนัง .. ภาพของผู้ชายและผู้หญิงนั่งไปที่โซฟาตัวใหญ่และมีเด็กน้อยอยู่ตรงกลาง ... เด็กคนนั้นก็คือตัวเขา
" ...พ่อครับ..."
" แม่ครับ "
ทำไมลูกถึงเจ็บที่หัวใจจังเลย...
รูปภาพที่ไร้การเคลื่อนไหวมีรอยยิ้มของผู้เป็นแม่ที่ยังดูใจดีเหมือนเดิม ... และสายตาของผู้เป็นพ่อก็มองไปนัยต์ตาท่านกี่ครั้งก็ยังอบอุ่นเหมือนเดิม
" ผมกลับมาแล้วนะ ...พ่อกับแม่สบายดีไหม "
มือหนาค่อย ๆ เลื่อนไปแตะที่รูป... วางไปหยุดอยู่ตรงใบหน้าของคนที่รัก เคลื่อนสลับกันไปมาด้วยความคิดถึง...
" แต่คีย์ไม่มีความสุขเลย "
น้ำเสียงเรียบแต่ตอบออกมาด้วยความอัดอั้น
" ชะ...ใช้ชีวิตไกลบ้านอย่างโดดเดี่ยวมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ ฮึกก "
คีย์พยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอไปเพราะไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาของเขา
" ถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่...อึ่ก! ...คีย์คงไม่รู้สึก เคว้งคว้างขนาดนี้ ..."
ความรู้สึกต่างหากล่ะ...ที่เคว้งคว้าง ถึงจะมีผู้คนมากมายรายล้อมเอาใจแต่มันก็เหมือนอยู่คนเดียวอยู่ดี
" เพราะมัน....มันพรากพ่อกับแม่ของคีย์ไป "
สายตาหมองเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น
" คีย์จะเอาเลือดหัวมันมาทาป้ายชื่อหลุมศพ..ฮึกก พะ !! พ่อกับแม่ "
ร่างหนากัดฟันกรามแน่น เกร็งใบหน้าโกรธจนเส้นเลือดขึ้น... จุดประสงค์ที่กลับมาประเทศไทยไม่ใช่แค่มารับช่วงต่อดูแลงานอย่างเดียว แต่เขากลับมาเพื่อตามหาคน ๆ นึงที่เห็นแก่ตัวเอาตัวรอดอยู่คนเดียว อัคคีจำฝังใจถึงตอนนั้นจะอยู่ในช่วงรุ่นแต่ก็รู้ว่าพ่อกับแม่เสียและชายคนนั้นก็หนีไปปล่อยให้พ่อและแม่ตนนอนสิ้นลมหายใจอยู่ในที่เกิดเหตุ
" ไอ้คนทรยศ ! "
สัญญาเลยว่า....ถ้าเจอฉันจะฆ่า!....ฆ่าคนที่พรากความสุขหลาย ๆ อย่างของฉันไป
สายตาของอัคคีไม่เคยโกหกคิดอย่างไรก็จะทำอย่างนั้น.....
11:45
" หงึก!!! "
หญิงสาวนั่งสัปหงกมาหลายชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าใครจะมาเรียกเธอเข้าไปในห้องสัมภาษณ์งานสักที
" โถ่เอ้ย! ..หิวจะแย่ "
สายน้ำบ่นอุ้บ เธอมารอตั้งแต่เช้าแล้วข้าวก็ยังไม่ตกถึงท้องสักเม็ด ไหนบอกว่า9โมงไงจนนี่11โมงจะเที่ยงแล้วเธอก็รีบแหกขี้ตาตื่นมาแต่เช้า
" เอ่อ ..คุณคะ... เมื่อไหร่คนสัมภาษณ์งานจะมาากทีอ่ะคะ "
ด้วยความที่ทนไม่ไหวเธอจึงถามพี่สาวที่เดินออกมาจากห้องถ่ายเอกสาร
[ " อ่อ...เดี๋ยวบอสก็คงมามั้งคะ " ]
" มะ! มั้งหรอ ? "
พูดแบบนี้งั้นก็ยังไม่มาง่าย ๆ นะสิ หิวจนไส้จะกกิ่วหมดแล้ว...
สายน้ำได้แต่คิดในใจไม่กล้าเอ่ยออกมาเสียงดัง ... หญิงสาวจ้องเข้าไปในจ้องนั้นตาละห้อยแต่ทว่า..สวรรค์ยังพอมีเมตตาไม่ให้เธอหิวตายไปมากกว่านี้
" คนที่นัดไว้ใช่ป้ะ? "
จู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มแต่ตัวดูดีมีภูมิฐาน เดินมาสะกิดที่หลังเธอ
" อ่าา...เอ่อ ๆ ใช่ค่ะ "
เงยหน้ามองชายหนุ่มที่ระบายยิ้มหวานให้เธอไม่รู้ว่าเธอเผลอทำหน้าเหวอ ออกไปมั้งหรือเปล่า สายน้ำรีบลุกขึ้นมาทักทายโดยการสวัสดีและก้มหัวเล็กน้อย ถึงแม้ว่าในใจอยากจะด่าแค่ไหนแต่ก็ต้องเงียบไว้ เพราะเขาคือว่าที่เจ้านาย
" ชะ..ใช่ค่ะ ฉันมาสัมภาษณ์งาน "
" ต้องขอโทษด้วยนะที่มาช้าไปหน่อย มานานหรือยังครับ "
" เอ่อ.... "
3ชั่วโมงแล้วย่ะ
มุมปากกระตุกยิ้มก่อนจะตอบออกไป
" ...ไม่นานค่ะ พึ่งมา "
ให้ตายเถอะ...ฉันจะโกหกทำไม
" งั้นดีเลย ... เข้าไปรอในห้องก่อนเดี๋ยวตามเข้าไป "
ชายตรงหน้าพูดจบก็เดินไปเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่งรอในห้องนั้น ... กว่าจะเริ่มสัมภาษณ์งานได้ก็ปานจะเที่ยง ....จะบ้าตาย
เธอนั่งกัดกระพุ้งแก้มด้วยความประหม่าเอาเข้าจริง ๆ ก็ตื่นเต้นเหมือนกันไม่รู้ว่าจะโดนถามอะไรบ้างเธอกลัวตอบไม่ถูกใจแล้วไม่ได้งานเหมือนกันนะ
" ฮึบ! เอาว่ะ !! ต้องได้งานนี้ "
เธอชูสองนิ้วนาบไปที่หน้าอกของตัวเองก่อนจะหายใจเข้าปอดลึก ๆ ... ไหนเอาเข้าจริงกับไม่มีความมั่นใจเอาสะเลย
แกร็ก~~
เสียงประตูถูกเปิดออกทำให้เธอไม่กล้าหันไปมอง ... ได้แต่นั่งปรับลมหายใจให้ผ่อนคลายเพราะตอนนี้เธอกำลังตื่นเต้นกับคำถามที่ต้องเจอ
กึ่ก... กึ่ก
" เอ้ะ? ... "
สายตาเลื่อนต่ำลงหยุดที่รองเท้าผ้าใบ ...? เธอเอ้ะใจเล็กน้อยเมื่อกี้ที่เธอสังเกตเป็นรองเท้าหนังไม่ใช่หรือไง ...
" เงยหน้าขึ้นสิ...ก้มหน้าทำไม "
ไม่ใช่แค่รองเท้าที่เปลี่ยนเสียงก็ยังเปลี่ยนด้วย
" ...!! "
เจ้าของเสียงเย็นเยือกนี้เป็นของใครกัน ... สายน้ำค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองช้า ๆ พบกับผู้ชายที่ไม่ใช่คนเดิมที่เจอนอกห้อง
หล่อจัง....
ทรงผมจัดแสกหน้าผมปัดไปด้านข้างนัตย์ตาสีน้ำตาลเข้มทรงคิ้วสวยได้รูปจมูกริ้วโด่งดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าไม่ได้ทำ ใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีคราม กางเกงสแล็คดำ คนอะไรดูดีเป็นบ้า
" เรซูเม่ "
" ..... "
" จะนั่งมองแบบนี้ทั้งคืนเลยเอาไหม ? "
ชายหนุ่ม ปรากฏยิ้มที่มุมปากเปรยตามองหญิงสาวตรงหน้าที่นั่งมองเขาตาค้างปากหวอ
" ...อ่ะ! อ๋อ..ค่ะ...ละ!! เรซูเม่นะคะ "
ดูท่าแล้วหญิงสาวคงดูประหม่าไม่น้อยจับอะไรก็ดูรนรานไปหมด ... เธอนึกว่าชายคนเมื่อครู่จะสัมภาษณ์เธอ...แล้วทำไมถึงเป็นผู้ชายคนนี้
" จะสั่นอีกนานไหม ? "
" รีบส่งมาสิ "
น้ำเสียงอาจจะดูเรียบนิ่งแต่นัยต์ตาสีน้ำตาลนั้นแอบเผยรังสีอำมหิตใส่เธออยู่...สายน้ำที่ถูกสัมภาษณ์งานนั่งมือไม้สั่นไปหมดไม่รู้ว่าตื่นเต้นหรือตื่นกลัวกันแน่ เพราะตั้งแต่คำถามแรกยันคำถามสุดท้ายแต่ละคำถามหิน ๆ ทั้งนั้นอีกทั้งชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประธานยังมองเธอ จ้องจะเอาคำตอบอย่างจะสูบเลือดเธอ
" ...มีเพียงเท่านี้ค่ะ "
ตอบคำถามข้อสุดท้ายเสร็จเธอจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะปล่อยออกมาด้วยความโล่งใจ
" รู้แล้วใช่ไหมว่าโต๊ะเลขาอยู่ตรงไหน "
" เอ้า...มะ..ไม่ฝึกก่อนหรอคะ ?? "
" เสียเวลา พรุ่งนี้เริ่มงานได้เลย "
" ห๊าา!!! ...คือ "
" ตามที่ฉันพูด พรุ่งนี้เริ่มงานว่าวันแรก "
" .... "
" หวังว่าพรุ่งนี้จะไม่สั่นแบบนี้นะ ฉันไม่ชอบทำงานกับคนประหม่า มันดูขี้ขลาด "
ถึงแม้จะงงเล็กน้อยแต่ก็ต้องก้มหน้ารับคำตามที่เจ้านายสั่ง
" ค่ะเข้าใจแล้ว "
" ไม่มีอะไรแล้วก็ออกไป "
หญิงสาวเดินออกไปจากห้องท่านประธานพร้อมกับความสงสัยนี่เธอต้องมาทำงานโดยที่ไม่ผ่านการฝึกเลยนี่นะ ... แล้วท่าพลาดขึ้นมาจะทำไง ....ลาออกทันไหม!!!
ในห้อง....
" หึ... น่าสนใจดีนะ "
อัคคีนั่งมองตามหลังหญิงสาวที่พึ่งเดินออกไปพร้อมกับพรึมพรำออกมาเล็กน้อยก่อนจะเผยยิ้มที่มุมปาก ให้กับความซื่อของว่าที่เลขาคนใหม่..เขาน่ะมัน Playboy
" หนูน้อย ขี้กลัว "
แมวหื่นอย่างเขาจะจับขย้ำสะให้ได้...คอยดู
♤♡ ♧?︎?︎?︎?︎?︎♧♡♤
#ลูกแม่หนีไป๊!!!!!ไม่ปลอดภัย
