EP 4 : สนใจไหม
เรียนจบแล้วตกงานมันเคว้งคว้างแบบนี้นี่เองจูนเอ้ย เฮ้อ!
ฉันลากร่างกายกับใบสมัครไปสมัครงานตามบริษัทต่าง ๆ มากมายสุดท้ายก็ได้รับแค่คำพูดว่าจะติดต่อกลับ คือถ้าไม่เอาเด็กจบใหม่ช่วยใส่ดอกจันทร์สีแดงในเงื่อนไขเลยได้ไหม ไม่ใช่พอยื่นใบสมัครเเล้วเห็นประวัติการทำงานว่างเปล่าก็ทำหน้ายี้ใส่ อยากตะโกนใส่หน้าว่าไม่รับก็อย่าให้ความหวังสิวะโคตรเปลืองค่าถ่ายเอกสารเลย!
ยัยเจ้ฝ่ายบุคคลบริษัทนี้ก็อีกคน เห็นคนสวย ๆ มาสมัครหน่อยไม่ได้ต้องทำหน้าเชิดใส่เหมือนตัวเองเป็นเมียเจ้าของบริษัท
"เดี๋ยวติดต่อกลับ" ฮะ? ไม่รับไม่ว่าแต่วางเอกสารฉันลงที่กล่องเอกสารกรัง ๆ ที่มันเขียนข้างกล่องว่า “กล่องใส่เอกสารรีไซเคิล” แถมยังลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะแล้วถึงได้พูดประโยคเมื่อกี้ออกมาแบบนี้มันไม่ต่ำตมไปเหรอ พูดไม่มองหน้าอีกก่อนมึงจะได้เชิดหน้าใส่คนมาสมัครงานแบบนี้มึงก็เคยผ่านจุดนี้เหมือนกันรึเปล่าเจ้
"ถ้าไม่รับขอเอกสารคืนด้วยค่ะ เปลือง" ต่ำตมมาก็ต่ำตมกลับเลยค่ะจูน ทำตัวแบบนี้ใส่คนอย่างฉันฉันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปั้นหน้าให้เหมือนกัน ทั้งเอกสารทั้งรูปถ่ายเงินกูทั้งนั้นค่ะ ขอคืนดีกว่าให้อีเจ้คนนี้เอาไปขยำทิ้งลงถังขยะ
"ไร้มารยาท!" หือ~ หากระจกมาฟาดหน้าเจ้ซะดีไหม ใครกันแน่ไร้มารยาทก่อน
"ขอเอกสารคืนด้วยค่ะ" ฉันลุกไปยืนตรงหน้านางแล้วยื่นมือขอเอกสารเพราะดูออกว่ายังไงยัยเจ้คนนี้ก็ไม่เอาเอกสารฉันไปให้คนที่มีหน้าที่พิจารณาผู้สมัครงานได้พิจารณาแน่นอนร้อยเปอร์เซ็น
“ไม่อยากสมัครแล้วก็หยิบเองสิยะไม่ใช่หน้าที่ฉัน” ยัยเจ้ลอยหน้าลอยตาใส่จนฉันจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
“แล้วหน้าที่พี่คือเอาเอกสารของคนที่มาสมัครโยนลงกล่องใส่เอกสารรีไซเคิลเหรอคะ?” พูดให้ตายก็คงไม่มีใครได้ยินว่ายัยเจ้เอาเอกสารสมัครงานของคนอื่นไปวางไม่ถูกที่เพราะห้องนี้มีแค่ยัยเจ้คนนี้อยู่คนเดียว
“แล้วไง?”
“เหอะ! เป็นฝ่ายบุคคลก็คือลูกจ้างค่ะป้า เขาจ้างป้ามาดูแลจัดการเกี่ยวกับพนักงานคนอื่นที่มีสิทธิ์เท่าเทียมกับป้า แล้วก็ให้ป้าหาคนเข้าองค์กรเขา ป้าเป็นลูกจ้างไม่ใช่เจ้าของบริษัท”
“นี่หล่อนกล้าว่าฉันขนาดนี้เลยเหรอ!” นางตะคอกใส่หน้าฉันแล้วก็ชี้หน้าซะด้วย
“ถ้าทุกคนกล้าพูดเหมือนที่หนูกล้า ป้าเชื่อเถอะค่ะว่าป้าจะโดนทุกคนที่ป้าทำตัวแย่ ๆ ใส่เขาว่าแบบนี้เหมือนกัน”
ปึง!
“เอาไป เอาเอกสารของหล่อนกลับไป” ยัยเจ้ทำหน้าตารับความจริงไม่ได้แล้วก็รีบหยิบเอกสารของฉันมาจากกระแทกบนโต๊ะให้ ผัวไม่ทำการบ้านรึไงวะถึงได้เหวี่ยงเป็นหมาบ้าขนาดนี้
“ขอบคุณ!”
“เฮงซวย! บริษัทใหญ่โตแต่มีพนักงานห่วยแตกที่สุดเลยเพลง ถ้าไม่ติดว่าปวดท้องเมนส์ฉันคงวางมวยกับยัยเจ้นั่นไปแล้ว” หลังจากที่เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกมาจากตึกของบริษัทนั้นฉันก็เดินออกมานั่งที่ร้านกาแฟข้างตึกเพราะหงุดหงิดมากกลัวว่าขับรถออกไปเลยแล้วจะไปเกรี้ยวกราดบนท้องถนนจนเป็นภาระของเพื่อนร่วมถนนอีก
“อย่าให้พูดชื่อบริษัทเลยแก บริษัทก็ดีแหละแต่พนักงานห่วยพูดชื่อบริษัทไปแล้วสงสารองค์กรเขา”
“พูดแล้วอยากขึ้นไปยำยัยเจ้คนนั้น แกว่ามันเสียมารยาทเกินไปรึเปล่าเอาเอกสารสมัครงานของฉันไปโยนใส่กล่องรีไซเคิลต่อหน้าต่อตาฉันเนี่ย” ฉันนั่งระบายเรื่องเมื่อกี้ให้เพลงขวัญฟังด้วยความหงุดหงิดมาเกือบสิบนาทีแล้ว ดีนะที่เพื่อนว่างไม่งั้นอีจูนก็ไม่รู้จะไประบายให้ใครฟัง
“เออเพลงฉันไม่กวนแกแล้วเดี๋ยวพี่ฟรังซ์รอนาน ขอนั่งกินโกโก้แช่งยัยเจ้นั่นต่อสักพักดีกว่า ทำขนาดนี้นึกว่าเป็นเมียเจ้าของบริษัท ฮ่า ๆๆ บายจ้าเมียจ๋าของพี่ฟรังซ์~” พอดีว่าน้องจูนเพิ่งได้ยินเสียงพี่ฟรังซ์ดังแทรกมาว่า เมียจ๋าหยิบผ้าเช็ดตัวให้พี่หน่อย ดังแว่วมาค่ะ ได้ยินแล้วจั๊กจี้หูเลยต้องรีบวางปล่อยให้เพื่อนไปดูแลแฟนดีกว่า อิอิ
“เจ้าของบริษัทไม่มีเมีย สนใจมาเป็นไหมล่ะ” หือ? เสียงใครพูดอะไร กับใคร อย่างไร?
“คุยกับเรานั่นแหละ” ในระหว่างที่ฉันหันซ้ายหันขวาก็มีผู้ชายหน้าหล่อและขาวโอเวอร์ประดุจตอนอยู่ในท้องแม่บำรุงครรภ์ด้วยการชงโอโม่ดื่มแทนนมเอนตัวแหงนหน้าจากเก้าอี้ด้านหลังมาหาฉัน
“นาย!” ฉันผงะออกด้วยความตกใจเพราะดันเจอพ่อเจ้าชายสวิงกิ้ง บ้าจริงโลกมันกลมเหลือเกินไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะต้องมาเจอกันแถมนั่งหันหลังเก้าอี้เยื้องกันแค่นิดเดียวแบบนี้
“ไงครับน้องจูน”
“น้องบ้านนายสิ ฉันไม่มีพี่ชายรสนิยมทางเพศไม่เป็นเอกภาพแบบนี้หรอกนะยะ” ฉันยิ่งปากไวพอเขาทักมาฉันก็เลยซัดกลับรัวจนเขาทำหน้าอึ้ง แต่แป๊บเดียวก็ยิ้มออกมา
“เจอกันอีกแล้วเนอะ”
“อย่าทักทายไม่อยากรู้จัก” ฉันรีบขยับหนีไปนั่งอีกด้านแล้วตัดบทด้วยการยกโกโก้ร้อนขึ้นมาดื่ม ใจจริงอยากออกจากร้านตอนนี้เลยแต่ทำไม่ได้เพราะโกโก้ยังเต็มแก้วเสียดายเงิน ถ้ารู้ล่วงหน้าจะสั่ง Take a way ไม่มีทางมานั่งจิบอยู่ตรงนี้หรอก
“แต่เรารู้จักกันนี่” เขาลุกขึ้นแล้วก็หยิบแก้วของตัวเองเดินหล่อออร่าอ้อมโต๊ะมานั่งแทนที่เดิมของฉัน กวนประสาทเป็นบ้าเลย
“รู้จักแบบผิวเผินเขาไม่เรียกรู้จักค่ะ”
“ช่างมันเถอะเรื่องนั้นน่ะพี่ขี้เกียจเถียง เมื่อกี้เห็นกำลังด่าพนักงานให้เพลงขวัญฟัง” นอกจากรสนิยมทางเพศจะวิปริตแล้วยังไม่มีสปิริตของการเป็นสัตว์สังคมที่ดีด้วยสินะ เสียมารยาทมานั่งฟังฉันคุยโทรศัพท์แบบนี้ได้ยังไงกัน
“แล้ว?” ...เสือกไร
“ก็อยากรู้ว่าพนักงานคนไหนที่มากล้าทำกิริยาแย่ ๆ ใส่น้องจูนของพี่” อี๋~ น้องจูนของพี่แต่พี่เป็นของคนทั้งโลก ได้ยินเขาพูดแบบนี้จูนคนสวยถึงกับเบ้ปากกรอกตามองบนเลยค่ะ ส่วนอีตาคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยิ้มมุมปากและจิบกาแฟท่าทางสบายจนดูน่าหมั่นไส้เวอร์ ๆ
“รู้แล้วได้อะไรขึ้นมา จะไปต่อยปากยัยเจ้นั่นให้ฉันไหมล่ะ”
“หึ ๆๆ ไม่ไหวหรอกให้จูบง่ายกว่า แถมแบบนั้นพี่จะโคตรยินดีเลย” ฉันเกลียดความกล้าแสดงมั่วอย่างทั่วถึงของเขาจริง ๆ อย่าปรี๊ดที่ไอ้บ้าคนนี้พูดเรื่องจูบเชียวนะจูน จำไว้เรื่องจูบมันจิ๊บ ๆ มึงเคยโดนชวนไปสวิงกิ้งตั้งแต่วันแรกที่เจอยังหนักกว่าอีกนะ ผ่านเรื่องนั้นมาได้การกระทำอย่างอื่นคือโคตรเบาแล้วนะจูน
“...” ฉันได้แต่นั่งนิ่งดื่มโกโก้ก้มหน้ามองจอโทรศัพท์ อยากกลับแต่เสียดายโกโก้เลยต้องรีบกระดกให้หมดจะได้รีบไปจากตรงนี้สักที
“ตกลงว่าไงว่างไหมพาพี่ไปหาพนักงานคนนั้นหน่อย”
“ไปเพื่อ?”
“ก็ไปดูหน้าพนักงานที่กล้าเอาประวัติกับใบสมัครงานคนสวย ๆ อย่างจูนทิ้งไง พาพี่ไปหน่อย”
“เป็นเจ้าของบริษัทนี้รึไง ไปแล้วนายจะทำอะไรได้ยัยเจ้นั่นวางกล้ามอย่างกับเป็นเมียท่านประธาน” พูดถึงยัยเจ้คนนั้นแล้วเซ็งขึ้นมาทันทีเลยค่ะ
“หึ ๆ พี่ก็บอกตั้งแต่แรกแล้วไงว่าเจ้าของบริษัทไม่มีเมีย”
“นาย เป็น...” ฉันฟังสิ่งที่เขาตอบมาแถมหน้าตาเขาก็ไม่ได้โกหกสักนิด หน้าตามั่นใจสุด ๆ ก็อึ้งสิคะ บริษัทใหญ่โตขนาดนี้มีเจ้าของบริษัทชอบปี้หญิงเข้าแก๊งสวิงกิ้งเป็นชีวิตจิตใจนี่นะ!
“อื้ม พี่เป็นเจ้าของที่นี่ ที่แต่สำคัญเน้นกว่าการเป็นเจ้าของคือไม่มีเมีย สนใจมาเป็นไหม”
...ถุ้ย!
