00 บทนำ
00
บทนำ
“มิลล่า เบอเรล” เสียงทุ้มหนักแน่นของ ‘เวย์คิน’ ทวนคำตามตัวอักษรที่อ่านจากใบสมัครงานก่อนจะเปล่งคำออกมาเบา ๆ หากแต่มันกลับทำให้เจ้าของชื่อซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามได้ยินอย่างชัดเจน
“ค่ะ...ฉันชื่อมิลล่า เบอเรล”
สายตาคมขลับตวัดมองใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา จากเดิมที่สนใจกับแผ่นกระดาษก็เปลี่ยนการจับจดมาเป็นดวงหน้าหวาน ๆ ของหญิงสาวแทน
คิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อย หากแต่มันยังคงปรากฏความเรียบนิ่งเฉยเมยได้อย่างแนบเนียน ทั้งที่จริงแล้วภายในใจกลับเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
“ลูกคุณแมทธิว?” อีกหนึ่งคำพูดที่เอ่ยพลันทำให้คนตัวเล็กเบิกตาโพลง
เธอมีท่าทีตื่นตะลึง ตกใจเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะรู้จักพ่อของตัวเองซึ่งเป็นคนต่างชาติ หากแต่ธุรกิจมากมายที่เคยถือครองรวมถึงอำนาจยิ่งใหญ่ที่เคยพึงมีกลับทำให้เธอพอคาดเดาถึงการล่วงรู้ของเขาได้
“ใช่ค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่ว ยิ่งนึกถึงใบหน้าของผู้เป็นพ่อก็ยิ่งสะท้อนใจ
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกถาม แต่ก็ไม่บ่อยครั้งนักจากผู้รับสมัครงานที่จะรับรู้ถึงตัวตนของเธอ
“ฉันรู้จักพ่อของเธอดี เราเคยพูดคุยและสังสรรค์กันบ่อย ๆ” เวย์คินอธิบายเนื่องจากรู้ถึงคำถามที่ปรากฏเด่นหราบนใบหน้าของเธอ
ในฐานะที่เขาถึงลูกชายของมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลของฮ่องกง ทั้งยังหยิบจับทำธุรกิจมากมายในดินแดนไทย ไม่แปลกเลยที่เขาจะรู้จักพ่อของเธอซึ่งเคยเป็นคู่ค้าและผู้ร่วมลงทุนกันมาก่อน
หากแต่มันเป็นอดีตที่เพียรผ่านไปแล้ว...
“เสียใจด้วยนะ เรื่องพ่อของเธอ” เป็นอีกครั้งที่ใบหน้าหวานปรากฏถึงความสงสัยภายในใจ
เวย์คินรับรู้ว่าเธอกำลังรู้สึกเสียใจกับการจากไปอย่างไม่มีหวนกลับของคนเป็นพ่อ เขาเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นข่าว แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากกว่าการตายจากก็คือลูกสาวของคู่ค้ามายื่นใบสมัครงานที่ร้านสังสรรค์ของเขา
“ขอบคุณค่ะ ฉันทำใจได้แล้ว สรุปว่าคุณจะรับฉันเข้าทำงานไหมคะ” หญิงสาวเก็บกลั้นทุกความรู้สึกให้อยู่ในส่วนที่ลึกที่สุด ตอนนี้เธอสนใจเพียงอย่างเดียวก็คือการเป็นอยู่ของตัวเอง
การที่เธอเข้ามาเหยียบย่ำในพื้นที่แห่งนี้ก็เพื่อหางานทำประทังชีวิต ไม่ใช่การแสดงความเสียใจที่ไม่สามารถย้อนหวนมันกลับคืนมาได้
“ทำอะไรเป็นบ้าง” มือใหญ่วางกระดาษสมัครงานลงที่โต๊ะและเปลี่ยนมาเป็นการกอดอก และกดสายตามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอาคำตอบ
คุณหนูไฮโซผู้สูงส่ง ใช้ชีวิตอยู่บนกองเงินกองทองไม่เคยลำบาก แต่ในวันนี้เจ้าหล่อนกลับมาร่อนใบสมัครงาน ขีดเขียนบนกระดาษว่าสามารถทำงานหนักได้ ในฐานะที่เวย์คินเป็นเจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้ย่อมต้องเค้นถามประวัติก่อนรับเข้าทำงาน เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในภายภาคหน้า
อีกทั้งลึก ๆ เขายังอยากรู้สาเหตุว่าทำไมลูกคุณหนูอย่างเธอถึงต้องมาสมัครงานแบบนี้ด้วย
“จริง ๆ ฉันไม่เคยทำงานมาก่อนค่ะ แต่ถ้ามีคนสอนฉันว่า...”
“ฉันว่าฉันมั่นใจนะว่าตอนที่ประกาศรับสมัครพนักงานแจ้งไว้ชัดเจนว่าต้องการคนมีประสบการณ์” ชายหนุ่มแทรกขึ้นพลันทำให้หญิงสาวสะดุ้งโหยง
นึกขุ่นในใจนิด ๆ ที่ผู้จัดการของร้านเรียกให้เธอเข้ามาสัมภาษณ์ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์ทำงานอะไรเลยสักอย่าง
“ผมเรียกน้องเขามาแล้วนะคุณเวย์ คุณเวย์จะสัมภาษณ์เองหรือจะให้ผมจัดการ”
“หาคนมาแทนป่านได้แล้วเหรอวะ เออไวดี...เดี๋ยวจัดการเองแล้วกัน มีอะไรทำก็ไปทำเถอะ”
“ได้ครับ ส่วนนี่ใบสมัครของน้องเขานะ เอาไปอ่านดูก่อนก็ได้ครับ”
“มึงเรียกเขามาสัมภาษณ์แล้วกูต้องอ่านอะไรอีกวะ ขอแค่ทำงานเก่งเหมือนคนเก่าก็พอ แม่งเอ๊ย...ยังเสียดายไม่หาย นี่ยังกลัวอยู่ทุกวันว่าพนักงานของเราจะมาขอลาออก คนที่ไว้ใจได้ยิ่งหายากอยู่ด้วย”
ชายหนุ่มหวนนึกไปถึงบทสนทนาก่อนหน้า แปลกใจเป็นอย่างมากที่ผู้จัดการของร้านเลือกเธอมา ทั้ง ๆ ที่เธอไม่มีคุณสมบัติอะไรให้น่ารับเข้าทำงานแม้แต่น้อย มีแต่จะทำให้เขาสงสัยและข้องใจเสียมากกว่า
เธอหลบสายตาลงต่ำ เม้มปากแน่นจนกลัวว่าจะเลือดออก มือสองข้างก็กำบีบเข้าหากันจนเกิดรอยแดง การกระทำเหล่านั้นเกิดขึ้นจากความประหม่า หากแต่อีกหนึ่งส่วนก็คือความอดสูของตัวเองที่ไม่มีความสามารถพอที่จะหางานทำเลี้ยงชีพได้
“คนเก่าเพิ่งลาออกไป รายนั้นทำงานเก่งมาก หัวไว เรียนรู้ไว ทำงานในร้านได้ทุกอย่าง แล้วถ้าฉันรับเธอเข้ามาก็แปลว่าต้องมาเริ่มฝึกเริ่มสอนกันใหม่ แบบนี้มันเสียเวลาเธอเองก็น่าจะรู้”
“ละ...แล้วมีตำแหน่งอื่นเปิดรับอยู่ไหมคะ ล้างจานก็ได้ค่ะ ฉันล้างจานเป็น” มองเห็นราง ๆ แล้วว่าเธอไม่ได้งานนี้แน่นอน แต่อย่างไรแล้วหากไม่ได้กลับบ้านมือเปล่าก็ถือว่าเธอยังพอมีโชคอยู่บ้าง
“เต็มแล้ว”
“ยกของ เก็บร้าน หรืองานใช้กำลังฉันก็ทำได้นะคะ อันนี้ไม่ต้องให้คนสอนอะไรเลยค่ะ ไม่เสียเวลาแน่นอน” เสียงเล็กเอ่ยต่อ ประสานมองสายตาคมเข้มอย่างเปล่งประกายรอความหวัง คล้ายกับว่ามันมีเวทมนตร์บางอย่างที่อยู่ในนั้น
แน่นอนว่าดวงตากลมโตของเธอทำให้เวย์คินชะงักกึกไปชั่วขณะ เห็นสายตาอ้อนวอนของเธอก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ตั้งใจจะออกปากไล่ปฏิเสธไปแล้วแต่ก็เหมือนกับถูกบางอย่างเปลี่ยนความคิดให้เขาเงียบงันไปโดยปริยาย
“เธอทำไม่ได้หรอก คนไม่เคยทำงานอย่างเธอคงยังไม่รู้ว่าการทำงานจริง ๆ มันมีอะไรมากกว่านั้น” ชายหนุ่มสะบัดไล่ความคิดไปมา ก่อนจะปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด
“...”
“อ้อ...มีหนึ่งตำแหน่งที่ว่างอยู่นะ”
ทว่าคำพูดนั้นทำให้สีหน้าหมอง ๆ ผิดหวังของหญิงสาวสดใสขึ้นทันที ดวงตาพราวประกาย ไม่ต่างจากแสงเพชรระยิบระยับที่สะท้อนออกมา
“อะไรเหรอคะ ฉันทำได้ค่ะ ฉันทำได้จริง ๆ”
รอยยิ้มหยัดที่มุมปาก มันแฝงซ่อนด้วยความรู้สึกมากมายทั้งความท้าทายและการหยั่งเชิง ตำแหน่งที่เขาจะบอกกับเธอต่อไปนี้นั้นไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรมาก เขารู้ว่าเธอทำได้ แต่ลึก ๆ กลับมั่นใจและกล้าวางเงินลงพนันว่าอย่างไรแล้วเธอก็ต้องปฏิเสธมันแน่นอน
“โฮสต์หน้าร้าน ตำแหน่งนี้เปิดรับตลอด เงินดี ไม่เหนื่อยเท่างานอื่น ทิปหนักถึงหลักหมื่น”
“โฮสต์เหรอ...” คนที่ได้ยินทวนคำพูดซ้ำ ๆ พลางหลุบตาลง
ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าตำแหน่งนี้มีลักษณะงานยังไง ถึงจะไม่เคยทำงาน แต่ก็ออกเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนอยู่บ่อยครั้ง โฮสต์เป็นคนที่อยู่หน้าร้านคอยต้อนรับลูกค้า ทั้งยังต้องคอยดูแลและบริการลูกค้าอย่างใกล้ชิด แต่แน่นอนว่าการใกล้ชิดจะต้องมีเรื่องเปลืองตัวเข้ามาด้วย อาจจะไม่ได้หนักถึงขั้นไปต่อกับลูกค้า แต่คนที่หยิ่งทะนงและเคยอยู่ในจุดที่สูงสุดมาก่อนอย่างเธอย่อมไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน
“สนใจไหมล่ะ” เวย์คินถามย้ำอีกครั้ง มุมปากหยัดยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นอาการตกใจและประหม่าของเธอหลังจากที่เขาเสนอตำแหน่งงานนี้ไป
“เอ่อ...”
“ถ้าสนใจก็ทดลองงานก่อนเลย”
“ทดลองงาน?” เธอขมวดคิ้วและถามในระดับน้ำเสียงที่ดังขึ้น ไม่ได้สนใจกับตำแหน่งที่ว่า แต่แปลกใจกับคำว่าทดลองงานของเขามากกว่า
เวย์คินหยัดตัวขึ้นจากเก้าอี้ ค้ำมือสองข้างลงบนโต๊ะพร้อมกับโน้มตัวเข้ามาใกล้จนคนตัวเล็กเอนหนีไปทางด้านหลัง ครั้นเห็นแบบนั้นก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะให้ดังออกมาจากลำคอของเขา
“ทดลองงานกับฉันก่อนที่จะเริ่มงานจริง เธอต้องต้อนรับฉัน ดูแลฉัน บริการฉัน ทำให้เหมือนว่าฉันเป็นลูกค้าของเธอ!”
