บท
ตั้งค่า

บทที่ 06 กาแฟเป็นเหตุ

- กรณ์ -

ลัคนัย วีรกิตธาดา - คิ้ม

ว/ด/ป เกิด 21 มิถุนายน 2538 มีนบุรี กรุงเทพมหานคร

ที่อยู่ 69/9 หมู่บ้านเมืองสิริ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร 10510

เบอร์โทรศัพท์ 069-959-6996

ข้อมูลธนาคาร ธนาคารสยามนิรมิต

ชื่อบัญชี นาย ลัคนัย วีรกิตธาดา

6969 สาขา มีนบุรี

เลขที่บัญชี 690-902969-9

จำนวนยอดเงินคงเหลือ 15069.69 บาท

อาชีพ เลขานุการ บริษัท ธาราทรัพย์ กรุป จำกัด (มหาชน)

เกรดเฉลี่ย 3.69

การศึกษา มหาวิทยาลัยโอลิม คณะบริหาร สาขาการจัดการ หลักสูตร 4 ปีจบ

บิดา ขุนพล วีรกิตธาดา

เกิด 18 กันยายน 2510

เสียชีวิต 6 เมษายน 2548

มารดา วรรณวิสา วีรกิตธาดา (บำรุงธรรม)

เกิด 14 ตุลาคม 2515

เสียชีวิต 15 มิถุนายน 2550

ผมนั่งทบทวนเรซูเม่ของเขาหลังจากออกมาจากห้องประชุม ผมให้ไอ้เขตไปเอามาที่ฝ่ายบุคคล ผมนั่งอ่านเป็นสิบรอบ เพื่อทำความเข้าใจในตัวเขา เขาทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจตั้งแต่แรกเห็นอาจเป็นเพราะบุคลิกที่ท้าทายและไม่เกรงกลัวใคร อีกทั้งยังไม่รับเงินจากผมอีก ถ้าเป็นคนอื่นคงโดดรับเงินไปแล้ว นี่อาจเป็นสาเหตุให้ผมรู้สึกสนใจเขาขึ้นมา

“ไอ้กรณ์ ไอ้กรณ์เว้ย” เสียงของเพื่อนของผมดังขึ้น ขณะที่มันเดินเข้ามาภายในห้อง เพราะกับผู้ชายอีกสองคนที่กำลังกอดคอกันเข้ามา

“เอะอะอะไรมึง” ผมถามไอ้บาสเพื่อนผมสมัยเรียนมัธยม จนจบปริญญาโทมาด้วยกัน ในสายบริหารธุรกิจ บ้านมันทำยานยนต์ขายรถนำเข้าจากยุโรป

“พวกกูก็เรียกมึงตั้งสามครั้ง มึงไม่สนใจพวกกูสามคนที่นั่งรอมึงเกือบครึ่งชั่วโมง” ไอ้โรมบอกผมแล้วนั่งลงบนโซฟา ไอ้โรมบ้านมันทำอสังหาริมทรัพย์พวกคอนโดและบ้านจัดสรรราคาหูฉีก มันเป็นเพื่อนผมตอนที่อยู่มัธยม มันไปเรียนต่างประเทศกับไอ้หนึ่ง นานๆ ทีจะได้เจอกัน

“มึงไปยุโรปแทนป๋าตั้งเกือบปี มึงไม่คิดถึงกูบ้างเหรอ” ไอ้หนึ่งเอ่ยถามผมแล้วนั่งลงโซฟาตัวยาวเดียวกับไอ้โรม ไอ้โรมมันยิ้มให้ไอ้หนึ่งคนงามของมัน ในสายตาของมันก็มีแต่ไอ้โรมคู่รักดูดดื่มของมัน

“กูก็กลับมาแล้วเนี่ยไง” ผมบอกพวกมันแล้วเซ็นเอกสารที่อยู่ตรงหน้า แล้วใช้มือกดเลยของโทรศัพท์ส่วนกลาง ไม่ช้าก็คนรับสาย

“สวัสดีครับ ผม นพพล มิ่งเจริญ แผนกเลขานุการรับสายครับ” เสียงของไอ้นพดังเข้ามา ผมจำเสียงของมันได้ดี เพราะมันเป็นหัวหน้าแผนก

“บอกให้ลัคนัยเอากาแฟขึ้นไปที่ห้องนั่งเล่นกูด้วย” ผมบอกเช่นนี้ แล้วกดวางสาย

“ใครวะ ลัคนัย มึงมีลูกน้องชื่อลัคนัยด้วยเหรอวะ” ไอ้โรมมันถาม

“ลูกน้องใหม่ มันอยู่มาหลายเดือนแล้ว แต่กูพึ่งเห็นมันครั้งแรก” ผมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย

“กูชักอยากจะเห็นลัคนัยเลขาคนใหม่ของมึงแล้ว” ไอ้บาสบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พวกมึงจะไปดื่มกาแฟ กินขนมกับกูไหม” ผมถามพวกมัน

“ไปกูอยากเห็นเลขาของมึง” ไอ้โรมบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

ผมก้าวเดินเข้ามาในห้องกว้าง ซึ่งเป็นห้องนั่งเล่น ส่วนเพื่อนๆ ผมมันโดนน้องชายตัวดีไปเล่นเกม มีเพียงไอ้หนึ่งที่กลับไปก่อน เห็นว่าที่โรงงานของมันมีปัญหานิดหน่อย ผมเดินไปที่ห้องน้ำทำธุระส่วนตัวแล้วก้าวเดินออกมา ผมเห็นว่าลัคนัยวางถาดกาแฟและขนมไว้บนโต๊ะ

“ทำไมต้องเป็นกูที่ต้องชงกาแฟมาให้มึงแดกด้วยวะ แม่บ้านก็มีทำไมไม่ใช้” ผมเห็นว่าคิ้มบ่นพึมพำผมเองก็ฟังออก ทำให้ผมเผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว จู่ๆ เขาก็นำถุงสีขาวออกมาจากเสื้อ ผมเห็นหน้าซองเขียนว่าเกลือ แล้วเขาก็เทเกลือในซองจนหมดซอง

ผมจึงก้าวเดินเข้ามานั่งที่โซฟา เปิดหนังสือเกี่ยวกับหุ้นดู ดูที่ผมใช้ที่คั่นหนังสือคั่นเอาไว้ ไม่นานนักผมเห็นเขาก้าวเดินเข้ามาภายในห้อง พร้อมกับแก้วกาแฟร้อนกรุ่นส่งให้ผม

“กาแฟได้แล้วครับคุณกรณ์” เขาเอ่ยบอกผมด้วยน้ำเสียงสุภาพหน้าเหวี่ยงๆ ผมยังอดขำในใจไม่ได้เลย

“มึงดื่มสิ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้ววางหนังสือลง ไขว้ขามองเขาด้วยสีหน้าเรียบ ผมรู้ตัวดีว่าถ้าสีหน้าผมเรียบ ถ้าหน้าผมเรียบเมื่อไหร่ใบหน้าของผมจะดุทันที

“คุณคิ้มให้ผมทำไม่ใช่หรือ” เขาบอกผมน้ำเสียงเก็บอารมณ์สุดๆ

“มึงมาช้า มึงดื่มแล้วกัน ดื่มเลย” ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังสุดๆ เขามีท่าทีที่ดูหวาดๆ อยู่บ้างอาจเป็นเพราะผมเป็นเจ้านายด้วยแหละ ผมมองเขาที่ดูลังเลใจอยู่

“ดื่ม” ผมเอ่ยบอกอีกครั้ง เขาจึงดื่มกาแฟแก้วนี้จนหมดแล้ว ทำให้เขาแทบจะสำลอกกาแฟออกมาแต่ต้องกลืน ยืนเก็บอารมณ์

“มึงกลับไปทำงานได้แล้ว ขอการประชุมไม่เกินวันศุกร์นี้” ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ครับนาย” เขาพูดเหมือนกัดฟันไม่พอใจผมอย่างแรง แล้วเดินออกไปจากตรงนี้ทันที ผมไม่เคยเจอคนที่ต่อต้านผมอย่างรุนแรงเช่นเขามาก่อน

เริ่มสนุกแล้วสิ

ผมออกจากบ้านตอนสี่โมงครึ่งเพื่อมาชั้นเก้าที่เป็นสำนักงาน ผมออกจากลิฟต์ผู้บริหาร เห็นว่าคนงานในบริษัทเริ่มทยอยกลับบ้านแล้ว ผมก้าวเดินเข้าไปในห้องกรรมการผู้จัดการ ผมไม่เข้าใจว่าจะมาทำไมอีกทั้งที่ขึ้นไปพักผ่อนแล้ว ส่วนมากแล้วผมถ้าออกจากออฟฟิศแล้วจะไม่กลับมาในวันเดียวกัน จะมาอีกทีคือวันต่อไป หรือไม่ก็ออกไปดูงานแล้วไม่ได้เข้าออฟฟิศ หรือว่าผมคิดถึงใบหน้าของเขาจนทำให้ผมต้องมาที่นี่ แต่ผมไม่มีอาการโหยหาใครมานานแล้ว อาจเป็นเพราะเขามีใบหน้าและรูปร่างที่ผมชอบก็ได้ ความจริงแล้วผมก็อยากจะกินเขาสักครั้ง แต่ดูท่าเขาจะเกลียดผมอย่างกับขี้ และดูว่าเขาจะชอบผู้หญิง แน่นอนผู้ชายต้องชอบผู้หญิงส่วนมาก แต่ผมกลับชอบผู้ชาย และผมรู้สึกชอบผู้ชายมานานตั้งแต่เรียนมัธยม

ผมเห็นว่าคิ้มและแผนกเลขายังทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน สลับกันพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเรื่องไปเที่ยวไนต์คลับที่เปิดใหม่ที่หัวถนน ซึ่งเป็นไนต์คลับของไอ้โรมพึ่งเปิดใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว วันนี้มันก็ชวนผมอยู่ ผมยังชั่งใจอยู่ว่าจะไปดีไหม

“ไอ้คิ้มไปเที่ยวหญิงกับกูปะ” ไอ้โจ้เอ่ยถามเขา

“มึงเลี้ยงกูไหมหละ” เขาเอ่ยถามไอ้โจ้ด้วยรอยยิ้มกวนตีนยักคิ้ว

“อย่ามาขูดเลือดกับปูสิวะ” ไอ้โจ้บอกด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง

“กูไม่ได้ขูดเลือดกับปู กูขูดเลือดกับมึง” เขาบอกไอ้โจ้ด้วยน้ำเสียงกวนตีน

“กูได้ข่าวว่าหญิงที่ร้านแจ่มๆ ทั้งนั้นเลยนะเว้ย มึงไปแล้วมึงจะตื่นตาตื่นใจ” เชนบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“เออกูไปก็ได้ กูไปเป็นเพื่อนพวกมึงหรอกนะ” เขาบอกเช่นนี้ ทำให้ผมคิดเรื่องสนุกขึ้นมาได้ทันที

ผมก้าวเดินกลับไปในห้องประธานกรรมการบริษัททันที แล้วเอามือถือรุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นมา กดเปิดหน้าจอแล้วเลื่อนหาเบอร์ไอ้โรม เมื่อเจอผมจึงกดโทรออกทันที ไม่ช้าไอ้โรมก็รับสายผม พร้อมกับเสียงเฮดังลั่นเพราะมันกำลังเล่นเกมกับน้องชายกันอย่างเมามัน

“มีอะไรวะ กูกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย” ไอ้โรมมันถามผมด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“ไอ้โรมคืนนี้เจอกันที่บาร์” ผมบอกจบแล้ววางสาย เดินออกจากห้องโดยมีไอ้พลกับไอ้เขตเดินไปกับผมทุกครั้งที่ผมออกนอกสถานที่ ผมเห็นว่าเขาเดินออกไปพร้อมเพื่อนๆ ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส่ ต่างกับอยู่กับผมเมื่อครู่

.........................................

เฮียกรณ์จะตามน้องทุกฝีก้าวไม่ได้น๊า

เฮียกรณ์ เฮียยังไม่ได้เป็นอะไรกับน้องเลยนะ

ขอย้ำอีกที เรื่องนี้ไม่เน้นเนื้อหา เน้นกระแทกนะสาววาย 555

ไรท์ชอบอ่านคอมเม้นท์ของทุกๆ ท่าน อย่าลืมคอมเม้นท์ด้วยนะคะและอย่าลืมกดหัวใจให้ด้วยนะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel