Sr1. EP2 แค่คิดก็รู้สึกผิด
Broken รักนี้ฉันจะไม่ขอเอาคืน
ตอน แค่คิดก็รู้สึกผิด
จุดเริ่มต้นของฉันคือคืนนั้น คืนที่ฉันกับคิมูระซังทะเลาะกันจนฉันพาตัวเองมานั่งห่อเหี่ยวอยู่ย่านบาร์โฮสต์และเห็นสามหนุ่มเดินเข้ามาก่อนจะเริ่มคิดนอกลู่นอกทาง แต่เพราะความซื่อสัตย์ฉันจึงไม่เคยทำให้มันเกิดขึ้นจริงสักที
แล้วคืนนี้มันก็เป็นอีกครั้งที่เราทะเลาะกันรุนแรงจากเรื่องไร้สาระและดูไร้เหตุผลจนฉันสับสนไปหมดสามีคนนั้นของฉันคงตายไปแล้วจริงๆ
“ว้าวพวกเขาหล่อดีนะหุ่นดีกว่าตาแก่ที่บ้านอีกสูงยาวดูดีทั้งสามคนเลย” ฉันนั่งพึมพำเหมือนคนบ้าต่อด้วยความคิดพิเรนทร์
‘ตรงนั้นจะยาวหรือเปล่านะ’
“บ้า ไม่ได้สิฉันต้องซื่อสัตย์กับสามี”
สามหนุ่มเดินผ่านหน้าไปขณะที่ฉันแสร้งมองทางอื่น ดูท่าทางพวกเขาจะเป็นเด็กมหาลัยที่มาหางานพิเศษทำ การแต่งตัวดูสะอาดสะอ้าน
‘เห็นแล้วก็รู้สึกดีคงไม่ผิดถ้าแค่มองหรือจินตนาการ’
ฉันสะบัดหน้าไล่ความคิดนั้นทันทีบอกตัวเองว่า แม้แต่จินตนาการก็ไม่ได้เด็ดขาดแต่ก็ไม่วายที่ความคิดบ้าๆ นั้นแล่นเข้ามา
‘มาหาเงินสินะ จะเป็นยังไงถ้าหากว่าฉันมีเซ็กซ์กับชายหนุ่มสามคนนั้นในเวลาเดียวกัน เขาจะคิดยังไงแล้วจะรู้สึกตัวไหมว่าตนไม่มีน้ำยาเอาแต่นอนอ้างว่าเหนื่อยจากการทำงานหนักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูภรรยาแบบฉัน บ้า บ้าสิ้นดีภรรยาแบบฉันมันเป็นยังไงนะ หน้าที่ฉันไม่เคยบกพร่อง’
“ไม่สิถึงเราจะโกรธเขาแค่ไหนเราก็คิดกับคนอื่นแบบนั้นไม่ได้มันผิดนะริกะ”
ฉันพึมพำถกเถียงบอกกับตัวเองว่าแต่งงานแล้วให้เลิกคิดเรื่องแบบนั้น ความคิดผิดบาปบ้าๆ นั่นไม่ควรเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่แต่งงานมีครอบครัวเป็นหลักเป็นฐาน
“อ้าวรุ่นพี่ซากุราอิ มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะครับ”
เสียงที่คุ้นหูเรียกฉันจากด้านหลังจนต้องหันไปมอง เขาคนนั้นเป็นรุ่นน้องสมัยเรียนมหาลัยอายุเราห่างกันสองปี รุ่นน้องผู้ที่สาวๆ หลายคณะกรี๊ดกันสุดใจ อาสึกะ เคียวยะ
“อาสึกะ นายมาทำอะไรที่นี่เหรอ”
“ผมสิต้องถามรุ่นพี่มานั่งทำอะไรหน้าบาร์โฮสต์นี่ล่ะครับ”
“คือ..ฉัน..”
ฉันไม่รู้จะตอบเขาไปยังไงดีเพื่อไม่ให้รุ่นน้องสงสัยและเพื่อให้เกียรติสามี
“นายยังไม่บอกฉันเลยนะ”
ฉันรีบเฉไฉหลีกเลี่ยงการตอบเรื่องของตัวเองและไม่ต้องการให้รุ่นน้องรู้ถึงปัญหาครอบครัวกับชายที่ฉันเลือก กลัวว่าเขาจะแอบหัวเราะเยาะและสมน้ำหน้าเพราะหนึ่งในชายที่ฉันปฏิเสธตอนนั้นก็มีเขาด้วย
“โธ่รุ่นพี่ลืมแล้วเหรอว่าผมเป็นดีเจคอยเปิดเพลงในบาร์โฮสต์นี่ให้หนุ่มสาวได้แสดงกัน”
“จริงสิฉันลืมเรื่องนั้นไปเลย อะไรกันงานพิเศษตั้งแต่สมัยเรียนกลายเป็นงานประจำไปแล้วเหรอ”
“ช่วยไม่ได้นี่ครับเงินมันดีบางทีผมก็ไปรับบทเป็นโฮสต์เอง แต่มันก็ยังคงเป็นงานพิเศษของผมนะ”
“แล้วงานประจำของนายคืออะไรล่ะ”
“ไม่มีเลย”
“อ้าว”
“ฮ่าๆๆ ผมไม่ชอบตอกบัตรตอนง่วงนอนน่ะเลยเลือกงานนี้ พอบาร์ปิดผมก็ไปสตรีมเกมก็ได้เงินค่าขนมนิดหน่อยครับ ผมชอบงานสบายน่ะ รุ่นพี่อยากเข้าไปข้างในไหมครับ”
“คือฉัน...”
“ไปเถอะไปนั่งหลังบูธดีเจผมเลี้ยงเองถ้ารุ่นพี่อยากดื่มอยู่ข้างนอกเดี๋ยวเป็นหวัดหรือใครมาลากไปผมคงช่วยอะไรไม่ได้นะ ผมไม่อยากเจอรุ่นพี่ลงข่าวหน้าหนึ่งด้วยภาพที่ถูกเซนเซอร์หรอก”
“ตาบ้า ปากเสียจริง”
“ฮ่าๆๆ ไปกันเถอะครับ”
“ก็ได้” ทันทีที่รับคำเขาก็ยื่นมือมา ฉันมองใบหน้ายิ้มแย้มของเขาแล้วก็ลดสายตาลงมามองมือ กรอกสายตามองด้านข้างก่อนตัดสินใจจับมือเขาลุกขึ้นตามแรงดึงแล้วเดินตามเขาเข้าด้านใน
แสงสีและเสียงเพลงคลอเบาๆ เด็กบริกรและหนุ่มบาร์โฮสต์เดินกันให้ขวักไขว่ไฟวูบวาบหลากสีสลับกันเปล่งแสงแต่ละจุดตรงนั้นทีตรงนี้ที สปอตไลต์สีน้ำเงินและสีม่วงช่างทำให้เกิดกลิ่นอายคลุกกรุ่นไปด้วยกามารมณ์ โต๊ะแต่ละโต๊ะยั้วเยี้ยไปด้วยแมงดาตัวเมียที่เข้ามาหาความรื่นเริงและอาจได้สมสู่กับแมงดาตัวผู้ หญิงสาวหลายคนหันมามองฉันที่ถูกจูงมือเข้าด้านใน
