หวามสวาทเมียเชลย บทที่ 4
“ผมว่าไอ้ยอดมันคงมีอะไรอยากคุยกับน้องสาวของมันแน่ ๆ”
ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างเมื่อชายหนุ่มยื่นโทรศัพท์ให้แต่ไม่ยอมปล่อยมืออีกข้างของเธอ ยิหวารีบดึงสมาร์ทโฟนจากมือของเขาแล้วเอาไปแนบหู เสียงที่ดังมาจากอีกฝั่งทำเอาหญิงสาวตาโต
“พี่ยอด!...พี่อยู่ที่ไหน ทำไมปล่อยฉันไว้ที่นี่คนเดียวล่ะ กลับมารับฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ”
“ใจเย็น ๆ ก่อนยิหวา” เสียงยอดชายดังมาตามสาย
“ให้ใจเย็นอะไรกัน! นี่เพื่อนพี่บอกว่าเพชรที่พี่เอามาให้เขาเป็นของปลอม มันไม่เป็นความจริงใช่มั้ย”
“ยิหวา...พี่ยอมรับกับยิหวานะว่าพี่หลอกคีรินทร์จริง ๆ”
“อะ...อะไรนะ!” ยิหวาเสียงแหลม เธอแทบจะเป็นลมล้มพับไปในวินาทีนั้น
“นี่พี่หลอกเขาจริง ๆ...โอ...ไม่นะ...แต่พี่ไม่น่าทิ้งฉันไว้ที่นี่ พี่ต้องกลับมารับฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ยิหวาใจเย็นนะน้อง...พี่จำเป็นต้องทำ และถ้าจะให้พี่กลับไปที่นั่นตอนนี้คีรินทร์มันต้องเอาพี่ตายแน่ พี่ขอร้องให้เธออยู่ที่นั่นก่อน ทำดีกับมันไปก่อนแล้วพี่จะกลับไปรับ”
“พี่จะบ้ารึไง!”
ยิหวาพูดไม่ทันจบโทรศัพท์ก็ถูกคนตัวโตกระชากกลับไป คีรินทร์เอามันไปแนบหูตัวเองก่อนพูด
“ไอ้ยอด นี่แกจะเอายังไงกับฉันกันแน่ แกคิดว่าฉันไม่รู้รึไงว่าของที่แกเอามาให้มันเป็นของเก๊! ไอ้สารเลวเอ๊ย นี่ถ้าฉันไม่ได้เงินคืนภายในอาทิตย์นี้ฉันตามล่าเด็ดหัวแกแน่!”
คนพูดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ยิหวาเห็นคีรินทร์เงียบไป เขากำลังฟังเสียงจากอีกฝั่งและเหมือนกำลังครุ่นคิดตามไปด้วย หญิงสาวหัวใจเต้นแรง เธอไม่รู้ว่ายอดชายพูดอะไรกับคีรินทร์ สักพักเขาก็พูดขึ้นว่า
“เออ! ถ้าแกไม่ทำตามที่สัญญากับฉันล่ะก็ เตรียมตัวเป็นผีไปเฝ้ายมบาลได้เลยไอ้ยอดชาย!”
“อย่าพึ่งวางสายซี...โธ่เอ๊ย!”
ยิหวาร้องออกมาอย่างเสียดายเมื่อคีรินทร์กดวางสายและเก็บโทรศัพท์ไว้ แต่เขาหันมาเหยียดยิ้มกับเธอก่อนจะดึงร่างเล็กมากอดรัดในอ้อมแขน
“ไอ้บ้า! นี่พี่ชายฉันพูดอะไรกับนายฮะ คีรินทร์!”
“เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่บอกให้คุณช่วยทำตัวเป็นเชลยของผมก่อนที่เขาจะเอาหนี้มาชดใช้ให้”
“กรี๊ด!!!!”
ยิหวาร้องลั่นเหมือนคนเสียสติ พยายามสะบัดหน้าขืนตัวแต่ถูกคีรินทร์ล็อคไว้ด้วยอ้อมแขนของเขา
“นี่!...เลิกคลั่งซะทีจะได้มั้ย เป็นเชลยต้องทำตัวดี ๆ ไม่รู้รึไง”
“ฉันไม่เป็นเชลยของใครทั้งนั้น! ฉันจะกลับบ้าน...จะกลับบ้าน”
“โธ่เอ๊ย...พูดดี ๆ ด้วยไม่ยอมฟัง ถ้างั้นมันก็ต้องอย่างงี้”
“กรี๊ด!!!...นี่นายจะทำอะไร!”
ร่างเล็กตะบี้ตะบันจิกข่วนคนตัวโตเป็นพัลวันเมื่อเขาช้อนร่างของเธอไว้ในอ้อมแขนแล้วอุ้มพาเดินไปด้านหลังของบ้านไม้สักหลังใหญ่ คีรินทร์สาวเท้ายาว ๆ ลัดเลาะเข้าไปในบริเวณที่เต็มไปด้วยสุมทุมพุ่มไม้โดยไม่สนใจปลายเล็บที่ข่วนไปมาบนต้นแขนและคำผรุสวาสด่าทอจากแม่ไฮโซสาว
“ไอ้บ้า!...ไอ้คนโรคจิต!...ไอ้คนบ้า! ปล่อยฉันนะ ฉันจะแจ้งตำรวจ...ฉันจะ...อ๊าย...ว๊าย...กรี๊ด!!!”
เสียงกรีดร้องนั้นดังขึ้นพร้อม ๆ กับเสียงดังตูมของน้ำเมื่อคีรินทร์โยนร่างบางที่ด่าว่าเขาสารพัดลงไปในสระบัวเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ด้านหลังของเรือนไม้สักหลังใหญ่
“นี่แนะ! ร้องโหวกเหวกโวยวายดีนัก ฤทธิ์มากก็ต้องเจอแบบนี้ล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ”
คีรินทร์หัวเราะลั่นด้วยความสะใจขณะที่ร่างเล็กตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ หญิงสาวใช้แขนพุ้ยน้ำและถีบตัวเต็มกำลัง สระบัวขนาดเล็กก็จริงแต่เท้าของเธอกลับยันไม่ถึงพื้นข้างล่าง
“ช่วยด้วย!...ช่วยด้วย!...ฉันว่ายน้ำไม่เป็น...ช่วยด้วย!”
ร่างเล็กร้องตะโกนลั่นและกลืนน้ำเข้าไปหลายอึก ท่าทางของเธอเหมือนกำลังจะดิ่งลงไปก้นสระจริง ๆ แต่คีรินทร์กลับมองดูว่ามันเป็นมารยาของไฮโซสาว
“เอ้า! ร้องเข้าไป ไม่ต้องมาแกล้งกันหรอกนะว่าว่ายน้ำไม่เป็น ผมไม่เชื่อน้ำหน้าผู้หญิงจอมมารยาอย่างคุณหรอก”
“ช่วยด้วย!...ช่วยด้วย...ชะ...ช่วยด้วย”
