บท
ตั้งค่า

6. ตัวอิจฉาแน่ ๆ

ม่ายจือมัวแต่คิดเตลิดไปเรื่อยจนเหม่อ กระทั่งคนตัวโตขึ้นมานั่งอยู่ตรงหน้าแล้วก็ยังไม่ทักท้วงเขา

“อ๊ะ!” ร้องเสียงหลงเมื่อถูกนิ้วเรียวดีดเข้าที่หน้าผาก

“มองอะไรฮึ เมื่อครู่ได้ทั้งจับทั้งลูบยังไม่พออีกหรือ” คนตัวโตเย้าจนฮูหยินตัวน้อยอายแก้มแดง เสียงหัวเราะในลำคอจึงดังขึ้นอย่างเอ็นดู “นอนเถิด วันพรุ่งต้องตื่นไปยกน้ำชาท่านลุงกับท่านป้าอีก เจ้าคงยังไม่รู้ว่าพี่ไม่มีพ่อแม่ คนที่เห็นในงานคือญาติผู้ใหญ่ที่อยู่อีกจวน เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องแม่สามีหรอกนะ ไม่มีใครบังคับข่มเหงเจ้าได้ทั้งนั้น นอกจากพี่คนเดียว”

กล่าวจบก็ส่งสายตากรุ่มกริ่มให้ ก่อนจะเอนกายลง มือก็ยกขึ้นมาตบที่นอนข้างกายเรียกฮูหยินตัวน้อยที่มองเขาอยู่

“ไม่ต้องกลัว พี่ขอแค่นอนกอดเจ้าก็พอ” เอ่ยพร้อมกับรั้งเอาแขนเล็กลงมานอนข้างกัน ซึ่งเขาจัดแจงให้นางหนุนแขน โดยที่ม่ายจือนั้นหันหลังให้ เพราะกลัวสบตาแล้วจะเผลอไผลอีก

“ฝันดีฮูหยินข้า” เสียงทุ้มอ่อนดังขึ้นที่ข้างหู ทำเอาคนตัวเล็กขนลุกซู่เลยทีเดียว นางไม่ได้ตอบกลับอะไรเลย พยายามข่มตาให้หลับมากกว่า ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะมีลมหายใจอุ่นเป่ารดที่ต้นคออยู่ตลอด อ้อมแขนแกร่งก็กอดรัดเสียแน่นเชียว

ทว่าความเหนื่อยล้าที่มีก็ชักพาให้ทั้งคู่หลับไป

ยามเฉิน [07:00-08-59]

หลี่ม่ายจือตื่นมาก็ไม่เห็นสามีอยู่บนเตียงแล้ว นางจึงลุกมาชำระล้างใบหน้าให้เรียบร้อย มีเสี่ยวผิงเข้ามาช่วยแต่งตัวให้ และยังเอ่ยเย้าผู้เป็นนายถึงเรื่องเมื่อวานด้วย

“พอเลย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียหน่อยรีบแต่งตัวเถอะ”

รีบตัดบทคนขี้สงสัย เพราะขืนคุยต่อมีหวังสายแน่ เสี่ยวผิงจึงหันมาสวมใส่อาภรณ์แบบสวมทับผูกรอบอก ด้านในเป็นเสื้อบางสีขาว ตัวชุดเป็นสีฟ้าอ่อนทอด้วยลายดอกไม้สีเข้มเพื่อตัดให้เห็นลายผ้าชัดเจน ชายกระโปรงระบายยาวไปจนถึงพื้น พอสวมชุดนี้หลี่ม่ายจือยิ่งดูดีไม่ต่างจากชนชั้นสูงในวัง

แม้แต่คนที่เดินเข้ามายังต้องยืนนิ่งมองอยู่นาน

“เสร็จแล้วหรือ เช่นนั้นเราไปยกน้ำชากันเถอะ ท่านลุงท่านป้ามารอที่ห้องโถงแล้ว” หยวนจิ้งเดินเข้ามาหา เขายกมือขึ้นเกลี่ยแก้มเนียนแผ่วเบา “แต่งเช่นนี้ดูเหมาะกับเจ้านะ” เอ่ยจบเขาก็หันมาคว้ามือนางกุมไว้ ก่อนจะพาเดินออกจากห้องนอนตรงไปยังห้องโถงใหญ่หน้าเรือน ซึ่งเป็นสถานที่รับแขกของจวน

พิธียกน้ำชาจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ไม่ได้มีพิธีรีตองอันใดมาก แม้จะมีญาติผู้ใหญ่ฝ่ายสกุลเกามานับสิบก็เถอะ ทว่าจบพิธีพวกเขาก็ไม่ได้อยู่นาน เพราะเจ้าบ้านต้องเข้ากรมต่อ ทำให้ภายในจวนมีแค่ฮูหยินคนใหม่และบ่าวไพร่เท่านั้น

หลี่ม่ายจือใช้ชีวิตอยู่ในร่างใหม่ที่มีหน้าตาเหมือนกันมาได้ห้าวันแล้ว นางพยายามปรับตัวให้เข้ากับความเป็นไปของที่นี่ และสามีที่กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้านบ้าง เห็นว่าช่วงนี้มีคดีใหญ่ ทำให้แต่ละหน่วยต้องช่วยกันตรวจสอบ

บางคราท่านโหวก็กลับมาเกือบเช้า นอนแค่หนึ่งชั่วยามเขาก็ออกไปอีก แต่ละวันจึงแทบจะไม่เห็นหน้ากัน

“ฮูหยินเจ้าคะ มีแขกมาหาท่านโหวเจ้าค่ะ ยามนี้รออยู่ที่เรือนหน้า ท่านจะไปต้อนรับหรือไม่” แม่นมเฉิงเอ่ยกับผู้มาอยู่ใหม่ ซึ่งยามนี้ม่ายจือกำลังเดินชมสวนทางด้านหลังของจวน

“แม่นมแล้วข้าต้องออกไปต้อนรับหรือไม่” ถามอย่างพาซื่อ เพราะอีกฝ่ายก็บอกว่าแขกผู้นั้นมาหาใคร นางไปแล้วจะมีประโยชน์อันใดกับผู้มาเยือนกันเล่า

“ท่านเป็นนายหญิงของจวน สมควรต้องไปต้อนรับเจ้าค่ะ เราไม่ควรปล่อยแขกไว้ลำพัง มันดูไม่งาม” แม่นมเอ่ยบอกอย่างมีมารยาท แม้ในใจไม่ค่อยชอบฮูหยินเท่าใดนัก

“งั้นก็ไปกันเถอะ” ยิ้มหวานส่งให้ ก่อนจะเดินนำไปที่ห้องโถงของจวน มาถึงก็พบกับร่างอรชรของสตรีนางหนึ่งยืนอยู่

เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของอีกฝ่าย ม่ายจืออดคิดไม่ได้ว่านี่อาจเป็นตัวละครที่นางกำลังรออยู่ นางเอกของนิยายเรื่องนี้

“เอ่อ…คุณหนูท่านนี้มาหาท่านโหวหรือเจ้าคะ” เอ่ยถามอย่างนอบน้อมตามมารยาทเจ้าของเรือน

ผู้ที่ยืนชื่นชมแจกันหยกหันกลับมาหาต้นเสียงทันที แววตาที่อีกฝ่ายมองมาดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าใดนัก หน้าตาก็จัดว่างามมาก แต่เหตุไฉนมองผู้อื่นตั้งแต่หัวจรดเท้าเช่นนี้

“ใช่ ท่านคงเป็นฮูหยินที่ท่านโหวฝืนใจแต่งด้วยกระมัง” ประโยคตอบกลับที่อีกฝ่ายเอ่ยมามันไม่น่าฟังเลยสักนิด

‘คงไม่ใช่นางเอกแล้วมั้งแบบนี้ ตัวอิจฉาชัด ๆ’ นึกในใจถึงการกระทำของสตรีตรงหน้า ทว่าม่ายจือก็ยังส่งยิ้มให้ ราวกับตนไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองใจกับคำพูดของผู้มาเยือน ทว่าความจริงนางอยากกระโดดเข้าไปหยุมหัวแล้วเหวี่ยงไปกับพื้นมากกว่า

แต่ทำได้แค่คิดแหละ ขืนทำอย่างที่นึกจริง มีหวังได้ดังกระฉ่อนไปทั่วเมืองเป็นแน่ เจ้าต้องใจเย็นม่ายจือ

“เช่นนั้นท่านก็คงไม่มีธุระอันใดกับข้า หากจะรอท่านโหวก็รอไปนะเจ้าคะ คิดว่าอีกไม่นานคงกลับมา” ในเมื่อแขกผู้มาเยือนเอ่ยโดยไม่ให้เกียรติเจ้าของเรือน แล้วเหตุใดนางต้องทำดีด้วย ต่อให้หยุมหัวไม่ได้ ม่ายจือก็จะใช้วาจานี่แหละเชือดเฉือนกลับ

“เอ่อ ฮูหยิน พูดจาเช่นนี้กับแขกไม่ดีนะเจ้าคะ” แม่นมเฉิงเอ่ยตำหนิผู้เป็นนาย เพราะกิริยาที่ม่ายจือแสดงออกมันไม่น่าดูเลย น้ำเสียงก็ห้วนเหมือนไม่พอใจแขก

“ไร้มารยาท เห็นว่าเป็นถึงบุตรตรีแม่ทัพ ไยถึงไร้การอบรมเช่นนี้ ไม่สมกับตำแหน่งฮูหยินท่านโหวสักนิด” ผู้มาเยือนยังคงกล่าวด้วยวาจาหยามเหยียดตามนิสัยที่มี

คิ้วสวยผูกกันเป็นปม ดูท่าสาวงามผู้นี้คงไม่ยอมจบง่าย ๆ กระมัง คิดผิดแล้วที่มาหาเรื่องหลี่ม่ายจือ เพราะนางไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้ใครทั้งนั้น หนึ่งซัดสามก็ยังเคยมาแล้ว

ต่อให้เป็นหมอที่เคยช่วยชีวิตคน ทว่านางไม่จำเป็นต้องยอมให้ใครมาข่มเหง โดยเฉพาะคนที่ชอบดูถูกผู้อื่น ม่ายจือมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง ยกสองมือขึ้นเท้าสะเอวแล้วตอบกลับทันที

“แล้วเจ้าเป็นใครไม่ทราบ อาจหาญมาว่าคนอื่นไร้มารยาท ปากงาม ๆ นี้มันไม่ควรพ่นถ้อยคำหยาบคายดูถูกผู้อื่นออกมาด้วยซ้ำ บิดาข้าทำคุณต่อแผ่นดินปกป้องบ้านเมืองจนตัวตาย แต่เจ้ากลับเอาชื่อมาหยามหมิ่น เพื่อให้สาแก่ใจตน ใครกันแน่ที่ไร้การอบรม ตระกูลเจ้าสอนให้ทำเช่นนี้หรือ”

บ่าวไพร่ในจวนถึงกับมึนงง ตาโตเท่าไข่ห่าน มองฮูหยินท่านโหวด่าทอบุตรสาวท่านเจ้าเมืองชวาจนไม่เหลือชิ้นดี ทว่าบางคนก็นึกสาใจ เพราะสตรีนางนี้มาทีไรก็มักจะวางอำนาจตลอด ราวกับตนนั้นเป็นนายหญิงของจวน

“ฮะ…ฮูหยินเจ้าคะ” แม่นมเฉิงเข้ามารั้งแขนผู้เป็นนายไว้

“นี่เจ้า…รอท่านโหวกลับมาก่อนเถอะ ข้าจะบอกให้เขาโบยเจ้า” เมื่อโต้เถียงไม่ชนะ นางก็เริ่มขู่เพื่อให้คนตรงหน้ากลัว

“งั้นเจ้าก็รอไปนะ ข้าจะไปหาอะไรกินก่อน แล้วอย่าเดินเพ่นพ่านล่ะ ที่นี่ไม่ใช่บ้านเจ้า ประเดี๋ยวเป็นอันใดไปจะหาว่าข้าไม่เตือน” ขู่มาก็ขู่กลับ ก่อนจะยิ้มหยันใส่คนตรงหน้า ทำให้คุณหนูรองแห่งจวนสกุลชิวเกิดอาการโมโหจนคุมไม่ได้ ขว้างกาน้ำชาใส่เจ้าของเรือนอย่างถือดีทันที

“ว๊าย! ฮูหยินระวังเจ้าค่ะ” เสี่ยวผิงรีบเอาตัวมาขวาง

ทว่ากาน้ำชานั้นมันยังมาไม่ถึงร่างของทั้งคู่ เพราะมีบางสิ่งกระทบเข้าจนเกิดเสียงดัง และสองสิ่งก็ร่วงหล่นลงพื้นจนแตกกระจาย สร้างความแตกตื่นให้กับคนในห้องเป็นอย่างมาก

ทุกคนจึงหันกลับไปที่หน้าทางเข้าทันที

“ผู้ชายที่เก็บผ้าคลุมให้เราในวันนั้นนี่” ม่ายจือพึมพำเมื่อเห็นว่าใครกันที่มาช่วยตนเอาไว้

#น่าให้ลูกสาวเราจัดสักหมัดสองหมัด 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel