บทนำ
บทนำ
คู่ปรับตลอดกาล
“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับนาย!” เสียงที่ดังขึ้นกลางวงเหล้าภายในผับประจำของ ‘ปวิน’ และเพื่อนๆ ร่วมคณะ ส่งผลให้ทุกสิ่งรอบกายพลันหยุดนิ่งไปเสียเฉยๆ กระทั่งเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น แล้วพบว่าเจ้าของเสียงหนวกหูเมื่อครู่นั้นไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนถึงได้ถามกลับไปด้วยท่าทีคร้านจะทะเลาะด้วยในค่ำคืนนี้
“เห็นไหมว่าฉันไม่ว่าง หรือถ้าจะมาโวยวายเรื่องที่พี่ชายฉันเพิ่งจะบอกเลิกพี่สาวของเธอก็ไปคุยกับมันเอาเอง” ถ้าเป็นเรื่องนั้นจริงอย่างเขาว่า เธอคงไม่สละเวลาอันมีค่ามาหาเขาถึงนี่หรอก แต่เพราะเรื่องที่เธออยากคุยกับเขา มันสำคัญกว่านั้นมาก มากชนิดที่ว่ามันอาจทำลายอนาคตนักศึกษาปีสี่ของเธอกับเขาให้พังทลายลงในชั่วข้ามวันก็ยังได้!
“ไม่ใช่เรื่องนั้น”
“แล้วมันเรื่องห่าเหว…”
“ฉันท้อง! และนายคือพ่อของลูกฉันไอ้เวร!”
หากจะให้ย้อนเรื่องราวระหว่างปวินกับเรืองฤดี ก็คงต้องย้อนกลับไปไกลในช่วงที่ย่าของอีกฝ่ายยังเป็นสาวๆ ซึ่งมีชายหนุ่มมากหน้าหลายตาต่อคิวเข้ามาจีบ แต่ท่านกลับไม่เคยชายตามองชายใดเลยนอกจากปู่ของเขา ทว่าสำหรับปู่แล้วนั้นคนเพียงคนเดียวที่ท่านอยากจะรักและสร้างครอบครัวด้วยมีแค่ย่าของเขาเท่านั้น และเมื่อเรื่องราวทั้งหมดมันกลายเป็นรักสามเศร้าขึ้นมา ความบาดหมางระหว่างสองบ้านที่อยู่ใกล้ ชนิดที่มีเพียงรั้วไม้เก่าๆ พาดผ่านก็ค่อยๆ เริ่มต้นขึ้น
เพราะคนที่ปู่เขาเลือกไม่ใช่ตัวเอง ยายแก่หนังเหี่ยวนั่นเลยประกาศตัดขาดความเป็นเพื่อนบ้านกันนับตั้งแต่นั้น และไม่ลืมสั่งลูกหลานของตัวเอง ว่าไม่ให้มาเกี่ยวข้องกับบ้านเขา
ซึ่งรุ่นลูกนั้นไม่เท่าไหร่เพราะแม่ของเธอไม่ค่อยแสดงท่าทีใดๆ ในเรื่องนี้นัก กระทั่งมาถึงคราวรุ่นหลาน พี่ชายของเขา กับพี่สาวของเรืองฤดีกลับเกิดชอบพอกันขึ้นมา พอเรื่องรู้ไปถึงหู ยายแก่นั่นก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาสองคนมีอันต้องเลิกกัน ซึ่งพี่ชายของเขาก็อดทนได้มาตลอดจนกระทั่งวันนี้ วันที่ได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองว่าฝ่ายหญิงยอมขึ้นรถไปกับผู้ชายที่ผู้เป็นย่าแนะนำให้รู้จัก ไอ้เปรมเลยส่งข้อความไปบอกเลิกฝ่ายหญิง ไม่รอฟังคำอธิบายอะไรจากฝ่ายนั้นเลยสักคำ
ในส่วนเรื่องของเขากับยัยเตี้ยนั่น
หากจะให้เล่าย้อนกลับไป ก็คงย้อนกลับไปไกลเลยทีเดียว และอาจเพราะเป็นหลานรักของย่า เด็กแก่แดดนั่นก็เลยตั้งป้อมไม่ชอบขี้หน้าครอบครัวเขาไปด้วย เจอหน้ากันทีไรถ้าไม่จิกกัดกันด้วยคำพูดแสบๆ คันๆ ก็ต้องมีเรื่องให้ปวดหัวไปเสียทุกที จนกระทั่งค่ำวันนั้น วันที่เขากับหล่อนจำต้องเดินทางไปงานศพพ่อเพื่อน
และหากถามต่อ ว่าทำไมเขากับหล่อนถึงมีเพื่อนคนเดียวกันนั้น ก็คงตอบให้เข้าใจได้ง่ายๆ ว่ามันเป็นความบังเอิญที่โคตรตลกร้ายเลยก็ว่าได้ เพราะเขากับวิมลเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะย้ายตามพ่อกับแม่ไปเรียนต่อที่กรุงเทพ กระทั่งเข้ามหาลัยปีหนึ่ง เธอก็ย้ายกลับมาเรียนที่เชียงใหม่บ้านเกิดเหมือนเดิม เพราะพ่อแม่เกิดแยกทางกันขึ้นมา และนั่นเองที่มันทำให้วิมลได้รู้จักเพื่อนร่วมคณะอย่างเรืองฤดีที่เข้าไปช่วยตอนอีกฝ่ายมีเรื่องกับรุ่นพี่ ก่อนที่จะมารู้ทีหลังว่ายัยนั่นกับเขาเป็นศัตรูกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครคิดจะให้เพื่อนเลือกว่าจะเลือกตัดใครออกไปจากชีวิต ด้วยกลัวว่าสุดท้ายแล้ว ตัวเองจะกลายเป็นคนไม่ถูกเลือกด้วยกันทั้งคู่
เพราะงานศพพ่อเพื่อนจัดขึ้นที่ดอยหลวงเชียงดาวบ้านเกิดของอีกฝ่าย และที่นั่นเองที่มันทำให้เขากับยัยตัวแสบต้องนอนค้างที่บังกะโลเดียวกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะที่พักที่อื่นเต็มหมดแล้ว อีกทั้งบ้านของเพื่อนก็เต็มไปด้วยกลุ่มญาตินับสิบๆ คนของเธอ เลยทำให้ไม่สะดวกที่จะยัดเขากับยัยนั่นเข้าไปเพิ่ม และจะด้วยความเมาหรือเพราะบรรยากาศเป็นใจก็สุดจะคาดเดา คืนนั้น เขากับเธอมีค่ำคืนที่ยากจะลืมด้วยกันจริงๆ
พอได้สติต่างฝ่ายต่างก็ใบ้แดกเป็นวันๆ ก่อนที่ฝายหญิงจะประกาศก้องใส่หน้ากัน ว่าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบห่าเหวอะไรจากเขาทั้งนั้นต่อให้เขาจะพูดยังไงเธอก็ยืนยันแบบนั้นกลับมาท่าเดียว ซึ่งในเมื่อเธอว่ามาแบบนั้น เขาก็ยอมตามใจ แต่ใครมันจะไปนึกละว่า ผลจากค่ำคืนนั้น มันจะทำให้เกิดชีวิตน้อยๆ ขึ้นโดยไม่มีใครได้ทันคาดคิด
ปัจจุบัน
“ทำไมไม่กินยาคุม / คืนนั้นนายเองก็ป้องกันไม่ใช่รึไง!” สองคำถามที่ดังสวนกันไปมานั้น ทำให้เกิดกลายเป็นความเงียบขึ้น เพราะหลังพ้นจากค่ำคืนในความทรงจำคืนนั้นแล้วต่างฝ่ายต่างเข้าใจไปคนละเรื่อง ผลที่ได้ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น
“สองรอบแรกฉันป้องกันจริง แต่รอบต่อๆ ไปถุงยางมันหมด ฉันนึกว่าเธอรู้!” รู้บ้ารู้บออะไรกัน นั่นมันครั้งแรกของเธอ
ใครมันจะไปช่ำชองเหมือนเขากัน! ดูก็รู้ว่าเขาคงจะมีประสบการณ์เรื่องอย่างว่ามามากพอตัวเลยทีเดียว ไม่อย่างนั้น สาวๆ ไม่พากันหลงไปทั่วมหาลัยแบบนั้นหรอก!
“ฉันไม่รู้! ถ้ารู้จะปล่อยให้ท้องทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบรึไง!” เอาเป็นว่าต่างก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ก็แล้วกัน ซึ่งในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว ก็คงมีแต่ต้องทำทุกอย่างให้มันถูกต้องก็เท่านั้น
“แล้วนี่…ที่บ้านเธอรู้เรื่องนี้ยัง”
และนี่ก็เป็นอีกเรื่อง ที่มันอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่เอาได้ง่ายๆ
ถ้าขืนยายแก่นั่นรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับหลานสาวสุดที่รักของตัวเอง เขานึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือบางทีเขาอาจไม่มีโอกาสจะได้ทันนึกอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะถูกย่าของเธอฆ่าก่อนที่จะได้ทันนึกออก! ซึ่งเชื่อเถอะว่ายายแก่นั่นทำได้ทุกอย่างจริงๆเพื่อปกป้องหลานสาวทั้งสองของตัวเอง
“นายคิดว่าฉันจะกล้าบอกเหรอ!” เพราะไม่กล้าไงเธอถึงต้องบากหน้ามาที่นี่มาให้เขาช่วยกันคิดว่าจะเอายังไงต่อ
ถ้าถามเธอซึ่งก็ไม่มีใครถาม เธออยากเก็บเด็กไว้ เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิด เธอทำลายชีวิตน้อยๆ ไม่ลง ซึ่งหากเขายืนยันว่าจะไม่ต้องการที่จะรับผิดชอบ เธอตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเลี้ยงเองคนเดียว แม้จะไม่รู้เลยว่าการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้โตขึ้นในสังคมทุกวันนี้ มันต้องเริ่มจากอะไรหรือตรงไหนดี
แต่คนเรามันเรียนรู้กันได้นี่ และหากพยายามมากพอ เธอเชื่อว่าตัวเอง จะเป็นแม่ที่ดีให้กับเขาได้อย่างที่ตั้งใจจะเป็น
“ถ้างั้นก็ไปบอกพร้อมกัน บอกคืนนี้เลยจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว ไป!” ยังไงเสียไม่ช้าก็เร็วเรื่องนี้ทุกคนก็ต้องได้รู้ ซึ่งเขาเองก็เป็นลูกผู้ชายพอ ที่จะรับผิดชอบความผิดที่ตัวเองเป็นคนก่อ
“แล้วแฟนนายล่ะ!” หนนี้กลับเป็นปวินเสียเองที่ชะงัก เขาลืมคิดถึงแฟนสาวที่กำลังคบหากันอยู่ไปได้ยังไงกัน ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ มีผลกับความสัมพันธ์ของเขากับเธอแน่นอน
“เรื่องของฉันฉันจัดการเอง จัดการเรื่องเธอให้รอดก่อนเถอะ” ก็แล้วแต่เขานะ ถ้าเขาคิดว่าการบอกทุกอย่างออกไปตรงๆ คือการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น
เธอก็ได้แต่หวัง ว่าหมอนี่จะคิดถูกที่ทำแบบนี้!
