ตอนที่2
“…..” เขาปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะกระดกเหล้าโดยไม่สนใจ
“เอ่อ คุณโกรธที่ฉันชนเหรอคะ?” ฉันกระซิบที่ข้างหูเขาเบา ๆ ให้มันรู้ไปสิจะทนได้กี่น้ำ
“หึ ก็เห็นอยู่ว่าตั้งใจชน จะอ่อยผมเหรอ? ยากหน่อยนะผมไม่ชอบดาวยั่ว!!”
เขาถอนหายใจหนึ่งทีก่อนจะลุกไปอย่างเบื่อหน่าย แต่ฉันนี่สิสตั้นเงิบไปหลายนาที ตั้งแต่เริ่มเป็นดีเจมาไม่เคยมีใครกล้าพูดแบบนี้มาก่อน เขาเป็นคนแรก!! ฉันรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง คือคำพูดของเขามันเจ็บจี๊ดด ผู้ชายปากกระโถนมันน่าเทขี้ลงไปนัก ฉันไม่ทันได้โต้ตอบใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะมัวแต่ยืนอึ้งทำให้เขาเดินหายต๋อมไปในความมืด โดยที่ฉันยังไม่รู้เลยว่า เขาคือใคร!!!
ตลอดทั้งคืนฉันนอนพลิกไปพลิกมานึกถึงคำพูดสะท้านทรวงของผู้ชายคนนั้น แน่ละฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีใครกล้าพูดกับฉันแบบนี้เลยไม่ได้เตรียมใจที่จะรับมือเอาไว้ สาวมั่นหน้าอย่างฉันบอกตรง ๆ ว่ารับไม่ได้อย่างแรง
มันเป็นสิ่งที่รบกวนใจฉันมาก!
ดังนั้นฉันเลยนอนไม่หลับเช้านี้เลยต้องโบ๊ะหน้าหนาเป็นพิเศษกลบรอยแพนด้าให้มิดชิด แต่ถึงยังไงก็ยังสวยอยู่ดีแหละ ได้มองหน้าตัวเองแบบนี้ค่อยทำให้ฉันอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย ในวันไหนที่ฉันนอยด์จะแต่งหน้าจัดเป็นพิเศษแบบว่า..มันเป็นการระบายความเครียดอะไรอย่างนี้
ภายใต้เบื้องหน้ากระจกเงา กำลังสะท้อนภาพหญิงสาวบอดี้เอสไลน์สุดเป๊ะที่สวมกระโปรงทรงเอสุดฟิตอวดเรียวขาเล็กสวย ท่อนบนเป็นเสื้อนักศึกษาขนาดพอดีตัวเผยให้เห็นสัดส่วนอย่างชัดเจน แว่นตา RayBan สีปรอทถูกหยิบขึ้นมาสวมใส่เพื่อปกปิดดวงตาที่แต่งแต้มด้วยสีโทนเอิร์ทน้ำตาลทองสโมกกี้อายส์ เรียกได้ว่าแน่นไปทั้งหน้าโดยเฉพาะริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มสุดเย้ายวน ไม่ว่าหนุ่มคนใดที่ได้เห็นเป็นต้องอยากจะดึงเธอเข้ามาจูบอย่างไม่ลังเล…
เอาละ เป๊ะเวอร์พร้อมลุยค่ะ!
เมื่อสำรวจความมั่นใจเรียบร้อยแล้วฉันจึงเดินไปสวมรองเท้าสีแดงคู่โปรดออกจากบ้านเพื่อไปเรียนในเช้านี้ รถหรูสุดคลาสสิค BMW Z4 Drive35is ถูกนำมาจอดยังที่จอดรถภายในคณะ แน่นอนว่าสายตาจากคนรอบข้างมองมาเป็นตาเดียวกันและฉันในฐานะคนขับก็เชิดหน้าขึ้นอย่างพอใจ!!
“เริ่ดเหมือนเดิมนะหล่อน แหมแอบเก๋นะจ๊ะใส่แว่นตาปิดอะไรไม่ทราบยะคุณนาย”
พอฉันหย่อนก้นนั่งลงปุ๊บ นังเนเน่เพื่อนสาวก็เปิดปากแซวปั๊บ
“นอนไม่หลับอ่ะแก”
“มีเรื่องอะไรยะทำไมนอนไม่หลับ เล่าเลย ๆ” มารีนเอื้อมมือมาเขย่าแขนฉันเป็นแกมคะยันคะยอให้รีบ ๆ เล่าสักที ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับทำหน้าหงุดหงิดแต่ดีที่มีแว่นกันแดดสวมทับไว้เลยทำให้พวกนางไม่เห็นริ้วรอยความไม่พอใจบนใบหน้า ไม่ใช่ว่ารำคาญเพื่อนหรอกนะ แต่คิดเรื่องนั้นแล้วหงุดหงิดใจมากกว่า
“ก็เมื่อคืนก่อนน่ะสิ ฉันเห็นผู้ชายไม่คุ้นหน้ามาที่ผับ เลยเข้าไปทักทายซะหน่อย…”
“แล้วไงคะ หญิงมั่นเหยื่อติดกับตามระเบียบ?” เนเน่ถามถึงด้วยหน้าตาอยากรู้อยากเห็นเสียเต็มประดา หรือภาษาวัยรุ่นเรียกว่า ‘ขอเผือก’
“ติดกับผีอะไรละ พูดแล้วโมโห! ก็ตานั่นรู้ทันว่าจงใจชนแถมหาว่าฉันอ่อยอีก” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แบบว่าของขึ้นอะไรแบบนี้นะคะ โกรธค่ะโกรธพูดเลย
“คุณพระ!!” เนเน่เอามือทาบอกในทันที ดวงตาหล่อนจ้องมาที่ฉันจนแทบจะทะลุออกจากเป้า “ต๊ายยย อะเมซิ่ง! กระทิงแตก ใครกันๆ กล้าหักหน้าเพื่อนสุดมั่นหน้าของฉัน!” ปากก็พูดไปแต่หน้าสีหน้านังเพื่อนตัวร้ายออกแนวสะใจจนปิดไม่มิด
“ยังไม่หมดค๊าพวกหล่อน ฮีพูดต่อว่าไงรู้มะ?”
“โอ้ยย รีบ ๆ เล่ามาเถอะค่ะ ลุ้นจนไส้ติ่งสั่นหมดแล้ว” เนเน่มองค้อนฉันเหมือนไม่พอใจที่เล่าขาดตอน
“ฮีบอกว่า…จะอ่อยผมเหรอ ยากหน่อยนะผมไม่ชอบดาวยั่ว” ฉันเน้นประโยคที่เขาพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำเพราะมันฝังลงไปในซิริบัมชั้นในสุด เพื่อนสองคนที่ได้ยินถึงทำทำตาโตอ้างปากค้าง โดยเฉพาะยัยเนเน่ที่เอฟเฟครุนแรงโอเวอร์สุด ๆ ไม่มีใครเกิน
“โดนเข้าแล้วไง ผู้กล้าคนนั้นเป็นใครนะ อยากรู้จัง?” มารีนหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ผู้ชะตาขาดมากกว่า!!”
“แล้วเขาเป็นใครอ่ะ เธอรู้จักมั้ย?”
“โถ่มารีน ถ้ารู้จักฉันคงตามไปด่าถึงที่เลยแหละ อารมณ์เสียบอกเลยไม่ปลื้ม!” แม้ฉันจะเจอคนเยอะแค่ไหน แต่ฉันก็จำได้หมดว่าใครเป็นใครและฉันมั่นใจว่าไม่เคยเห็นเขามาก่อนแน่ ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดพาลให้โมโหหิวแต่เช้า
“ฉันหิวละ ไปโรงอาหารกัน” ฉันเอ่ยปากชวนเพื่อนทั้งสองไปหาข้าวกิน
“ต๊ายย หล่อนไปทีไรโรงอาหารแตกทุกที”
“ไปเรียกความมั่นใจสักหน่อย อีกอย่างพวกเราก็ไม่ได้ไปโรงอาหารมานานแล้วด้วย”
ระหว่างทางที่เดินมีหนุ่ม ๆ เข้ามาทักทายมากมาย ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่ไปเที่ยว ZULIA ก็อย่างว่าแหละที่มหาวิทยาลัยนี้มีแต่ลูกคนรวยแทบทั้งนั้น กว่าจะเดินได้แต่ละก้าวทำเอาเพื่อนสนิททำหน้าเอือมกับความฮอตที่ฉุดไม่อยู่ของฉัน
“สวัสดีครับคนสวย มาเรียนแต่เช้าเลยนะ”
“สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเลยนะ ว่าง ๆ แวะมาที่ ZULIA คิดถึง“
