CHAPTER 1 Rain and Midnight
ก่อนหน้านั้นหลายปีสกายได้พบพวกเขาทั้งสองคนในเวลาเที่ยงคืน
ขณะนั้นฝนตกหนัก
‘มาเสียดึกเลย ยินดีต้อนรับสู่บ้านหลังใหม่นะจ๊ะ’ ครูพี่เลี้ยงของบ้านเด็กกำพร้าขนาดเล็กซึ่งมีเด็กในความดูแลแค่หยิบมือเอ่ยบอกมิสะด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
มิสะเป็นเด็กหญิงอายุเพียงสี่ปี
‘ฝันดีมิสะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะจ๊ะ’
ภายในห้องนอนมืดมิด เด็กหญิงคนอื่นในห้องหลับสนิทหมดแล้ว มีเพียงมิสะที่ยังลืมตา
ไม่นานประตูห้องนอนเปิดออก ไฟฉุกเฉินที่วางบนพื้นนอกประตูเพราะไฟฟ้าดับสาดแสงผ่านสองร่างจนเงาทอดยาวเข้ามาในห้องราวกับการปรากฏตัวของยักษ์
ทว่าเจ้าของเงาเป็นเพียงเด็กชายตัวเล็กๆ สองคนเท่านั้น
‘นั่นใคร?’ เด็กหญิงถามออกไป
‘คาโอรุ’
‘ยูซึกิ’
นั่นคือคำตอบของเด็กชายสองคนนั้น
‘ชื่ออะไร?’ พวกเขาถามเด็กหญิงผู้มาใหม่กลับ
‘มิสะ’ เธอตอบแบบนั้น
นั่นคือคืนแรกที่เรน ไนท์ และสกายได้พบกัน
มิสะมักพบคาโอรุแฝดคนพี่ในเวลากลางคืน หลายครั้งเมื่อเที่ยงคืน
คืนที่สองของการพำนักในบ้านเด็กกำพร้าเด็กหญิงพบเขานอกหน้าต่างหลังจากปีนหนีออกมา
คืนนั้นดวงจันทร์สาดแสงสลัว สีออกน้ำตาลแกมแดง และคืนต่อมามีจันทรุปราคา ใต้เงามืดแห่งดวงจันทร์เธอพบคาโอรุ
...ในเวลาอันแปลกประหลาดและแปลกหน้าเช่นนั้น …
‘เราจะเรียกนายว่าไนท์’ มิสะบอกเขา
ส่วนยูซึกิแฝดคนน้อง...มิสะมักพบเขาในสายฝน
ยูซึกิมักไม่สวมใส่เสื้อกันฝนหรือกางร่ม เด็กชายดูเป็นหนึ่งเดียวกับสายฝน เวลาที่ครูพี่เลี้ยงร้องเรียกเด็กกำพร้าคนอื่นให้วิ่งหนีฝนเข้าบ้านยูซิกิจะไม่ทำตาม หากแต่อยู่กลางฝนราวกับชอบ
มันราวกับว่าเขามาพร้อมสายฝนที่โปรยปรายหรือเป็นสายฝนเสียเอง
‘ไม่กลัวเปียกเหรอ?’ มิสะถามยูซึกิ
‘ไม่’
‘เราจะเรียกนายว่าเรนก็แล้วกัน’
‘งั้นพวกเราจะเรียกเธอว่าสกาย’ พวกเขาบอก
‘อื้อ’ มิสะยิ้มกว้าง
แล้ววันเวลาผ่านไป
ปัจจุบัน
สนธยานี้สายฝนโปรยปรายลงมาโอบกอดพื้นโลก
เวลาที่หยาดฝนตกกระทบพื้นเปียก...มันจะกระดอนขึ้นมาเป็นเม็ดกลมแวววาวราวกับอัญมณีไร้สี โดยรายรอบหยดน้ำที่กระดอนขึ้นมานั้นก็จะกระดอนขึ้นด้วย
สุดท้ายจะดูราวกับมงกุฎน้ำที่รายล้อมหยาดน้ำที่กระดอนขึ้นมานั้น
ครั้งแล้วครั้งเล่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นับร้อยครั้ง...นับพันครั้งที่ในวัยเด็กได้เฝ้ามอง
นั่นคือความงดงามแห่งสายฝน เสียงอันไพเราะยิ่งกว่าดนตรีใดๆ
“หิวหรือยัง?” ดวงตาคมงดงามราวกับภาพวาดของสกายเคลื่อนกลับมาที่มีดหั่นปลาในมือเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนักแน่นเดินมาใกล้ ซึ่งพอคาดเดาได้ถึงความกำยำ ความสูง และรูปร่างหน้าตา “เรน”
“อือ” ชายผู้มาถึงครางตอบในลำคอ ดวงตาของร่างสูงครอบครองสีมืดหม่นเหมือนฤดูหนาวที่บางคราวดูเทาลึกลับ บางคราวดูแกมฟ้า
หรือบางทีก็สีเหมือนเที่ยงคืน
เขาเป็นชายที่สง่างามอย่างมากจนน่าเกรงขาม
“นั่นของนาย” โดยไม่หันมองสกายเอ่ยบอกถึงจานเสต็คแบบแรร์ (ดิบ) ให้กับเสียงฝีเท้าอีกคู่ที่เดินเข้ามา ความหนักและมั่นคงบ่งบอกถึงความกำยำและความสูงไล่เลี่ยกันกับคนแรกได้
เขามีความสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นต์...อาจเฉียดหนึ่งร้อยเก้าสิบเซ็นต์
เขาดูคล้ายชายคนแรก ไม่เหมือน แค่คล้าย
ร่างสูงแบบชายกำยำเต็มวัยของไนท์นั่งลงหน้าจานเสต็คเนื้อสีแดง แล้วทั้งสามนั่งกินอาหารเย็นด้วยกันในความเงียบที่สายฝนภายนอกโปรยปราย
“พวกเธอสามคนรู้จักกันได้อย่างไรเหรอ?” มีบางคนซึ่งเป็นคนนอกถามเมื่อเวลาผ่านไป
“ฉันมักพบคาโอรุในเวลากลางคืน และพบยูซึกิในเวลาที่ฝนตก” สกายมักตอบคนที่ถามแบบนั้น
เป็นแบบนี้มานานแล้ว พบกันในวัยเด็ก เมื่อเวลาผ่านไปก็...
กลายเป็นแบบนี้
เธอกับพวกเขาอยู่ด้วยกันตลอด
จะว่าไปทั้งสามคนมาถึงบ้านเด็กกำพร้าในคืนเดียวกัน แค่เวลาต่างกันไป ต่างย้ายมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าคนละที่ซึ่งปิดตัวลงในเวลาไล่เลี่ยกัน
วันนั้นยูซึกิหรือเรนยังมีขาสั้นและดวงตาที่กลมโตกว่านี้ คาโอรุหรือไนท์ก็เช่นกัน
พวกเขาสองคนเป็นแฝดคนละฝาแต่หน้าตาคล้ายกัน
“รสชาติน่าสะอิดสะเอียน” เรนหนึ่งในฝาแฝดเปรยโดยไร้ความเกลียดชังบนใบหน้า และนั่นเป็นหนึ่งในประโยคน้อยนิดระหว่างอาหารมื้อนั้น ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินขึ้นห้องนอนของตัวเองไป
หากทว่านั่นเป็นคำชม คนนอกอาจไม่รู้แต่คนในจะบอกได้
มันเหมือนกับว่าเป็นธรรมดาที่คนในบ้านนี้จะพูดสิ่งที่ตรงข้ามกับหัวใจ เหมือนการเล่นพูดอย่างทำอย่างที่เด็กชอบเล่นกัน
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปก็ยังพูดเล่นเรื่อยเปื่อยแบบนั้นมาจนตอนนี้แต่ละคนอายุ 19 ปีแล้ว
“ใส่ยาพิษด้วย” สกายต่อให้
คาโอรุหรือไนท์เป็นเหมือนกลางคืน เธอมักพบเขาในเวลาที่มืดสนิทตั้งแต่สมัยนั้นมาจนวันนี้ แม้แต่ตอนนี้เมื่อถึงกลางคืนไม่ว่าใครก็จะรู้สึกว่าเห็นเขาโดดเด่นและสะดุดตาขึ้น
เหมือนว่าความมืดเป็นเวลาของเขาอย่างไรอย่างนั้น
เช่นเดียวกับที่ยูซึกิที่สายเรียกว่าเรนซึ่งเป็นที่จับตา โดดเด่นและน่าหลงใหลมากขึ้นในเวลาที่ฝนตก ราวกับว่าเขามากับสายฝนหรือเป็นสายฝน
แต่ก่อนเป็นอย่างไรวันนี้ก็เป็นแบบนั้น
ระหว่างมื้ออาหารพวกเขาทั้งสามคนไม่ได้พูดอะไรกันมาก ก็เหมือนทุกครั้ง
รู้จักกันดี ทุกเรื่องก็พูดกันมาหมดแล้ว
เมื่อกินเสร็จสกายลุกขึ้นเก็บจานของตัวเอง ก่อนเคลื่อนมือเก็บจานเสต็คเปรอะคราบเลือดสองจานตรงหน้า
พวกผู้ชายชอบกินของดิบ ติดรสของเลือดและเนื้อ มันเป็นเรื่องธรรมดา
ไนท์ลุกเดินขึ้นมาช่วยสกายล้างจานในความเงียบ แขนกำยำของร่างสูงสง่างามเสียดสีกับแขนที่เรียวบางกว่าในซิ้งค์น้ำ
เส้นผมของไนท์ครอบครองสีดำสนิทราวกับเที่ยงคืน เรนมีเส้นผมสีเดียวกัน ดำเข้มจนกลางคืนริษยา
สันจมูกโด่งได้รูปของร่างสูงสูดดมเส้นผมของหญิงสาวโดยเธอไม่รู้ตัวหรือไม่ใส่ใจก็ไม่รู้เหมือนกัน
สกายเป็นคนที่ดูยาก
มันไม่ง่ายที่จะอ่านใจหรืออารมณ์ของสกายเวลาที่เขาอยู่เคียงข้าง
บ้านเช่าหลังนี้เป็นแบบสามห้องนอน สองห้องน้ำ มิสะซึ่งเป็นชื่อจริงของสกายแปลว่าดอกไม้ที่เบ่งบาน แต่เธอผู้เป็นเด็กกำพร้ากลับสูญเสียความทรงจำของตัวเองไปเสียงั้น
แต่ทว่าตอนนี้เธอคือท้องฟ้า
“ถามมา” ไนท์ชวนคุย สีหน้าเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกใดทั้งนั้น
มันเป็นหนึ่งในเกมสมัยเด็ก
“ดาวอะไรโคจรช้าที่สุด?” สกายถาม
