บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 การสอบในตอนบ่าย

นกสีดำที่มีขนาดใหญ่กว่านกส่งสาส์นเป็นเท่าตัวบินมาจากทางทิศที่ตั้งของแดนมืดพร้อมวัตถุแท่งยาวที่พันด้วยผ้าสีขาว ผู้รับยืนรออยู่ในป่าบริเวณชานเมืองซึ่งไม่ค่อยมีใครผ่านมา นกตัวนั้นทิ้งของลงไปก่อนที่ชายหนุ่มจะยื่นมือมารับอย่างง่ายดาย เซสเงยหน้ามองนกสีดำพลางฝืนยิ้ม ไม่นานมานี้เขาเพิ่งได้รับจดหมายจากพ่อเมื่อส่งจดหมายขออาวุธไปแล้ว เขาดูที่ขาของนกส่งของว่ามีม้วนกระดาษติดมาหรือไม่ แต่ปรากฏว่ามันไม่มี

'หรือท่านพ่อไม่ว่าง' คิดไปคิดมา ตอนนี้อีกฝ่ายอาจจะมีงานยุ่งก็ได้ เพราะอย่างนั้นจึงไม่ฝากข้อความอะไรมาอีก เซสรู้สึกผิดเพราะคิดว่าตัวเองรบกวนพ่อมากเกินไป

"อะไรของเจ้า อยู่ดี ๆ ก็ทำหน้าเหมือนเด็กถูกทิ้ง ส่งของมาให้แล้ว พอใจไหม" เสียงที่ดังออกมาจากปากนกตัวนั้นทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่นกส่งสาส์นธรรมดาแต่มันเป็นส่วนหนึ่งของใครบางคน!

“ท่านพ่อ?”

"เออ"

“ว่างเหรอครับ ถึงคุยกับข้าได้” เขาคิดว่าช่วงนี้อีกฝ่ายน่าจะมีงานยุ่ง และไม่น่ามีเวลาว่างพอมาคุยกับเขาผ่านนกส่งสาส์นตัวนี้ ตัวแทนคุณพ่อถอนหายใจก่อนจะบินไปเกาะกิ่งไม้ที่อยู่ต่ำ ๆ

"อีกสิบนาทีมีประชุม ตอนนี้ยังคุยได้อยู่ ว่าแต่เจ้าใกล้จะสอบภาคบ่ายแล้วใช่ไหม"

“อีกหนึ่งชั่วโมงครับ ข้านัดเจอสามคนนั้นที่หน้าโรงเรียน” เซเรียสมองอาวุธในมือแล้วแกะผ้าที่พันไว้ออก จากนั้นดาบสีดำเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือ เจ้าตัวลองเอานิ้วเคาะบนตัวดาบพลางใส่พลังของตัวเองลงไป ทว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเนื่องจากเป็นของแท้

"ขุดมาจากคลังแสงบ้านเรานั่นแหละ เป็นของแท้อยู่แล้ว แต่มันไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนดาบที่เจ้าใช้ประจำหรอก ทำอะไรก็ระวังด้วย ยิ่งเป็นถิ่นของศัตรูอยู่ด้วย เข้าใจที่พ่อบอกไหม"

“จะจำไว้ครับ” เซเรียสเก็บดาบเข้าฝักตามเดิมก่อนถามกลับ “ดาบเล่มนี้มีชื่อไหมครับ” เมื่อได้อาวุธมาสักอย่างก็ควรมีชื่อไว้ ตอนต้องการใช้จะได้เรียกมาถูก

"เจ้าตั้งชื่อเองละกัน การประชุมใกล้เริ่มแล้ว พ่อไปก่อนนะ จะได้รีบไปด่าไอ้พวกขุนนาง" กล่าวจบ นกสีดำตัวนั้นก็ชะงักพลางกะพริบตาปริบ ๆ เนื่องจากการเชื่อมจิตถูกตัดขาด มันมองหน้าชายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าส่งของเสร็จแล้วจึงกางปีกบินกลับแดนมืดทันที

“จะตั้งชื่ออะไรดีวะ” เซเรียสกำลังเดินออกจากป่าพลางสบถอย่างหงุดหงิด เขาควรนึกชื่อดี ๆ สักชื่อแต่จะใช้ชื่ออะไรนั่นก็อีกเรื่อง “โว้ย! นึกไม่ออก งั้นเรียกแกว่า ‘เซส’ เหมือนชื่อปลอมละกัน!” ในเมื่อคิดไม่ได้ก็ใช้ชื่อนี้เลย

ก็เขาคิดไม่ออกจริง ๆ นี่นา!

อีกครึ่งชั่วโมงก็จะเริ่มการสอบภาคบ่ายแล้วจึงไม่แปลกที่จะมีผู้เข้าสอบเป็นร้อย ๆ คนทยอยกันเข้ามาในสนามประลองโดยมีนักเรียนรุ่นพี่คอยอำนวยความสะดวก เอวิส เมเทเลีย และเลน่ายืนรอคนไปหาอาวุธอยู่ข้างประตูโรงเรียนพลางกวาดสายตามองหา อีกไม่นานจะเริ่มการสอบภาคบ่ายแล้ว ทำไมเจ้าตัวยังไม่มาสักที

“เซสมันหลงทางอยู่ที่ไหนหรือเปล่าเนี่ย” หนุ่มผมสีทองไม่ได้ห่วงว่าตัวเองกับคู่หมั้นจะเข้าสอบช้า แต่ที่ห่วงคือเมเทเลียจะไม่มีคู่ลงสอบมากกว่า

“เซสมาแล้วค่ะ!” เลน่าชี้ไปหาร่างสูงที่กำลังวิ่งสี่คูณร้อยฝ่าฝูงชนมาทางนี้ เจ้าตัวถือดาบสีดำมาด้วยเล่มหนึ่ง ท่าทางจะได้อาวุธมาแล้ว

“ขอโทษที่ช้านะครับ เมย์ ขอโทษที่ทำให้รอนะครับ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ” หญิงสาวผมสีขาวยิ้มสดใส

“เข้าไปข้างในกันเถอะ เราต้องไปรวมตัวกันที่สนาม” เอวิสเดินนำไปก่อนจากนั้นเลน่าจึงค่อยตามไปบ้าง เซสกับเมเทเลียเดินตามรั้งท้าย ร่างบางมองอาวุธของอีกฝ่ายอย่างสนใจแล้วถาม

“ได้ดาบมาแล้วเหรอ”

“ของแท้จากแดนมืดครับ เป็นของสะสมที่บ้าน ตกทอดมาหลายร้อยปีแล้ว” เรื่องนี้เขาไม่ได้โกหก แค่มองปราดเดียวเขาก็รู้แล้วว่ามันอยู่ในคลังแสงมานาน แต่ที่สภาพมันยังดีเพราะมีคนคอยดูแลตลอด ดาบเล่มไหนใช้การไม่ได้ก็จะนำไปให้ช่างตีดาบจัดการทันที

ทั้งสี่เดินคุยกันเรื่องสัพเพเหระจนมาถึงสนามประลองของโรงเรียนซึ่งมีลักษณะเป็นวงกลมขนาดมหึมาคล้ายสนามประลองการต่อสู้จริง ๆ บนอัฒจันทร์บรรจุคนได้เป็นหมื่น ลานกว้างตรงกลางสนามก็ใหญ่มากจนเห็นชัดกันทั้งสนาม มีวงเวทฉายไฟแสดงภาพสามมิติอยู่สี่มุม ไฟทั้งหมดฉายมารวมกันกลางอากาศเพื่อรอแสดงภาพการแข่งขันให้ผู้ชมที่อยู่ที่สูงได้เห็นชัด ๆ

‘ขอให้ผู้เข้าสอบทุกคน กรุณานั่งที่บนอัฒจันทร์ด้วยค่ะ’

เสียงประกาศนั้นทำให้พวกเซสรีบไปหาที่นั่งทันที ตอนแรกพวกเขานึกว่ามันจะวุ่นวายกว่านี้แต่เพราะมีนักเรียนประจำโรงเรียนมาคุมสถานการณ์ทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยดี

‘เมื่อผู้เข้าสอบนั่งประจำที่แล้ว จะมีสายรัดข้อมือปรากฏขึ้นตรงหน้า กรุณานำมาสวมที่ข้อมือ เมื่อการสอบเริ่มขึ้น ทางเราจะใช้เวทเคลื่อนย้ายข้ามมิติพาผู้เข้าสอบไปยังสนามสอบครั้งละหนึ่งร้อยคู่ ขอให้ผู้เข้าสอบทุกคนโชคดีค่ะ’

ที่นี่ยังไม่ใช่สนามสอบเหรอ หลาย ๆ คนคิดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทว่าก็ไม่มีใครพูดออกมานอกจากนำสายรัดข้อมือมาสวม เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สัญญาณเริ่มการสอบก็ดังขึ้น

กริ๊ง! แวบ!

พริบตานั้นผู้เข้าสอบจำนวนหนึ่งร้อยคู่ก็หายไปจากอัฒจันทร์ ภาพสามมิติหนึ่งร้อยภาพปรากฏขึ้นกลางอากาศแล้วฉายภาพผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดทันที

“กรี๊ด!”

“ว้าก!”

เสียงร้องดังระงมแว่วมาไม่ขาดสายทำให้พวกที่นั่งอยู่ในสนามถึงกับหลุดสะดุ้ง ผู้เข้าสอบแต่ละคู่ถูกย้ายไปยังสถานที่แปลกตาก่อนจะถูกสัตว์ประหลาดหลายรูปแบบที่ปรากฏขึ้นตัวมาวิ่งไล่กวด บางคนหันไปเผชิญหน้ากับมัน ในขณะที่บางคนวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต

‘สิ่งที่ผู้เข้าสอบทุกคนเห็นคือสิ่งที่ตัวเองกลัวค่ะ จงระวังคู่ของเราให้ดี เพราะบางคนอาจมีสิ่งที่กลัว และสิ่งนั้นอาจทำให้ผู้เข้าสอบด้วยกันตกอยู่ในอันตรายด้วย’

เสียงประกาศนั้นดังขึ้นอีกทำให้แต่ละคู่ที่จะเข้าสอบถึงกับเหงื่อตก พลันเสียงหัวเราะฮาครืนก็แว่วมาเมื่อเห็นว่าหนึ่งในร้อยภาพสามมิตินั้นฉายภาพหญิงสาวสองคนกำลังวิ่งหนีกองทัพแมลงสาบ ไม่ใช่แค่พวกเธอคู่เดียวแต่ยังมีสาว ๆ คู่อื่นอีกที่เจอแบบนี้

บางทีสิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่กลัวอาจเป็นแมลงสาบ!

“ฉันกลัวแมลงสาบค่ะ” เลน่าหันมาบอกเอวิสไว้ก่อน เพราะตอนถูกย้ายเข้าไปอยู่ในนั้นจะได้หาทางรับมือทัน หนุ่มทองนั่งเงียบไปชั่วขณะแล้วค่อย ๆ ยิ้มกว้าง

“เดี๋ยวฉันจะเก็บกวาดให้เองนะ”

“เซส” เจ้าของเสียงหวานเรียกคู่ของตัวเองที่กำลังนั่งดูอย่างตั้งใจ เจ้าคนสวมแว่นตาหันมาสบกับนัยน์ตาสีฟ้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“เมย์กลัวอะไรครับ”

“สิ่งที่ฉันกลัวไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงทั่วไปกลัว” น้ำใส ๆ คลอเบ้าจนแทบจะเอ่อล้นออกมา มือของเธอสั่นอย่างเห็นได้ชัดจนเซสเริ่มสงสัย เธอกลัวอะไรกันแน่ถึงตัวสั่นขนาดนี้

“เมย์กลัวอะไรครับ” เขาถามย้ำอีกครั้ง

“เมื่อห้าปีก่อน แดนมืดกับประเทศซิลวาทำสงครามแย่งชิงพื้นที่ชายแดนกัน พี่ชายของฉันก็ไปที่นั่น ฉันอยากรู้ว่าสงครามเป็นยังไง ก็เลยตามไป” สิ่งที่เธอเล่าออกมาทำให้คนฟังชะงัก ในใจก็เริ่มคาดเดาในสิ่งที่เธอกลัว เมเทเลียสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ เพื่อคลายความตื่นเต้นก่อนจะเล่าต่อ

“เมย์เจอสิ่งที่ตัวเองกลัวที่นั่นเหรอครับ” เซสเริ่มเดาออกแล้วว่ามันคืออะไร ส่วนคนเล่าเริ่มตัวสั่นมากขึ้นไปอีก เมเทเลียก้มหน้าอยู่จึงไม่เห็นว่าคู่ของตัวเองมีสีหน้าแบบไหน

‘การทดสอบของหนึ่งร้อยคู่แรกเสร็จสิ้น เราจะทำการเคลื่อนย้ายหนึ่งร้อยคู่ต่อมาทันทีค่ะ’

เสียงประกาศดังขึ้นก่อนที่วงเวทเคลื่อนย้ายจะปรากฏใต้ที่นั่งของหนุ่มผมดำและสาวผมขาว นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้างแล้วภาพรอบกายก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่อยู่ในสนามประลอง ตอนนี้เธอมายืนอยู่ท่ามกลางพื้นที่โล่งซึ่งเต็มไปด้วยเสียงระเบิด เสียงคมดาบกระทบกัน พลันสายพลังหนึ่งก็พุ่งมาทำให้เมเทเลียหมอบลงกับพื้น มันเลยไประเบิดพื้นดินด้านหลังจนเกิดหลุมลึกหลายเมตร

“ไม่จริงน่า ที่นี่...” เธอจำได้ว่าที่นี่คือที่ไหน หญิงสาวต้องรีบไป นึกแล้วก็หันไปหาคู่ของตัวเอง “เซส? เซส! นายหายไปไหน!” เธอไม่เห็นหนุ่มสวมแว่นนั่นเท่ากับว่าเธออยู่ที่นี่คนเดียว

“เซสเหรอ ป่านนี้อาจจะตายไปแล้วก็ได้” เสียงเย็น ๆ ของใครบางคนดังมาจากทางด้านหลัง หญิงสาวถึงกับขนลุกซู่เพราะเธอจำเสียงนั้นได้ ร่างบางค่อย ๆ หันกลับไปแล้วก็เห็นเด็กหนุ่มสวมชุดเกราะสีทมิฬถือดาบสีดำ ร่างนั้นโชกไปด้วยเลือดของผู้คนที่ถูกสังหาร เขาสวมหน้ากากอยู่ เธอจึงไม่เห็นว่าเขาทำหน้าแบบไหนแต่การที่ได้เห็นภาพนี้อีกครั้งทำให้ความทรงจำที่ไม่อยากนึกถึงเด่นชัดขึ้นมาในสมอง

“กรี๊ด!!!!”

เมื่อห้าปีก่อนเกิดสงครามชิงพื้นที่ดินแดนระหว่างแดนมืดกับประเทศซิลวา คนที่นำทัพปีศาจในตอนนั้นคือเจ้าชายแห่งแดนมืด นี่เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เพราะต่างก็รู้กันทั้งสามดินแดน ภาพทหารชาวเทวาถูกบั่นคอจนศีรษะกระเด็นไปตกอยู่ที่ไกล ๆ จากนั้นก็กลิ้งมาหยุดอยู่ตรงปลายเท้าของใครบางคนซึ่งยืนมองอย่างไม่สะทกสะท้าน

ไม่นึกว่าจะได้เห็นภาพนี้อีกแฮะ เซสเดินผ่านศีรษะนั้นไปโดยไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น เสียงระเบิดดังแว่วมาไม่ขาดสาย เสียงโลหะกระทบดังตามมาเป็นระยะ ๆ ทว่าก็ไม่ทำให้เขาหวาดกลัวเลย

“กรี๊ด!!!!” เสียงผู้หญิงร้องดังแว่วมาแต่ไกลทำให้เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เซสวิ่งตามเสียงนั้นไปเพราะจำได้ว่าเป็นเสียงของเมเทเลีย เมื่อมาถึงที่หมาย เขาก็เห็นหญิงสาววิ่งหน้าตั้งมาทางนี้ก่อนสะดุดล้มหน้าทิ่มพื้นและกลิ้งไปอีกหลายตลบ

'ดูไม่ได้เลย ยัยหัวหงอก' เจ้าตัวส่ายหน้าเอือมระอาพลางตรงไปหา จังหวะนั้นอะไรบางอย่างก็ทิ้งตัวลงมาจากท้องฟ้าทำให้ชายหนุ่มดีดตัวหลบทันควัน

ตูม!

'อะไรวะ!' เจ้าตัวสบถในใจขณะตั้งท่าลงพื้น นัยน์ตาสีแดงหลังกรอบแว่นมองใครบางคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางหมอกควันแล้วก้าวออกมาพร้อมตวัดดาบส่งคลื่นลมไปสลายฝุ่นละอองรอบกาย

“เซส! นั่นคือเจ้าชายแห่งแดนมืด!” เมเทเลียวิ่งมาตะโกนบอกในสภาพมอมแมม “นั่นแหละ สิ่งที่ฉันกลัวที่สุด” ขาสองข้างของคนพูดสั่นพั่บ ๆ เลยทีเดียว ส่วนเด็กหนุ่มคนนั้นก็กำลังแสยะยิ้มเหี้ยมราวกับว่าเลือกทั้งสองเป็นเป้าหมายในการสังหารไว้แล้ว

“คิดว่ามีเพื่อนมาด้วยแล้วจะรอดจากข้าเหรอ เมเทเลีย รินเซีย” ทายาทจ้าวปีศาจกล่าวเสียงเย็นยิ่งทำให้ร่างบางตัวสั่นเข้าไปอีก ถ้าจะให้เธอวิ่งหนี เธอก็ก้าวขาไม่ออกแล้ว

“เมย์กลัวเขาเหรอครับ”

“ชะ...ใช่ ฉันกลัวเขา ไอ้เจ้าชายปีศาจชั่วช้าสามานย์ มันทำร้ายฉันเมื่อห้าปีก่อน ฉันเกลียดเขา ไอ้ปีศาจเลว! บัดซบ! หนีเถอะเซส เราสู้เขาไม่ได้หรอก” เมเทเลียกระตุกแขนเสื้อคนข้าง ๆ เพื่อเรียกสติเนื่องจากอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่ขยับเลย แต่เธอไม่สังเกตว่ามุมปากของเขากระตุก

“คิดว่าเพื่อนจะช่วยเจ้าได้เหรอ เจ้าสี่ตามันคงกลัวจนขยับไม่ได้ล่ะสิ เป็นแค่ไอ้แว่นสายตาสั้นก็เชิญเป็นพวกพิการทางสายตาต่อไปซะ เจ้าคนอ่อนแอปวกเปียก!” เด็กหนุ่มไม่รู้เลยว่าคำสบประมาทนั้นทำให้เซสถึงกับของขึ้น เมเทเลียชำเลืองมองมาเห็นเข้าก็ถึงกับหลุดสะดุ้ง

“ซะ...เซส”

“อ่อนแอปวกเปียกเหรอ” เจ้านั่นมันบังอาจพูดถึงคำที่เขาเกลียดที่สุดออกมา เซสกัดฟันกรอด มือสองข้างกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ เพราะคำพูดนั้นทำให้เขานึกถึงสมัยก่อนที่ไม่อยากจดจำ!

“ดูเจ้าชายน้อยสิ”

“...ได้ยินว่าไม่เคยจับอาวุธเลย”

“...โตขึ้นคงเป็นจ้าวปีศาจที่แข็งแกร่งไม่ได้แน่”

“เฮ้ย! ไอ้ลูกไม่มีแม่!”

“หวังว่าคงทำได้ดีไม่เสียหน้าท่านจ้าว พิสูจน์ให้เห็นสิว่าท่านไม่ได้อ่อนแอ ไม่อย่างนั้นท่านคงต้องพึ่งบารมีพ่อไปจนตาย”

“เจ้าชาย แสดงให้พวกข้าเห็นสิขอรับว่าท่านไม่ได้อ่อนแอ”

หากเป็นไปได้เขาก็อยากแสดงตัวออกมาว่าเป็นใครจะได้พุ่งเข้าไปฆ่าอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอดถ้าไม่ติดว่าสิ่งที่เคยคุยกับพ่อได้เตือนสติไว้ เขาจะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าตัวเองคือเจ้าชายแห่งแดนมืด เซเรียสพยายามควบคุมอารมณ์ให้ตัวเองใจเย็น เขาจึงกลับมาเป็น เซส โดโนเวน ผู้สุภาพเรียบร้อยอีกครั้ง

“ไอ้สี่ตาอ่อนแอกับยัยเจ้าหญิงอ่อนหัดอยู่ด้วยกัน ก็เหมาะสมดี” ท่าทางเจ้าตัวปลอมจะยังไม่หยุดหาเรื่อง “ต่อให้มีเพื่อนช่วย เจ้าก็หนีไม่รอดหรอก เมเทเลีย รินเซีย เจ้ามันอ่อนหัด ฝีมือไม่ได้เรื่องเหมือนพี่ชายไม่มีผิด ไม่สิ บางทีพ่อเจ้าก็อ่อนหัดเหมือนกัน เจ้ากับพวกพี่ ๆ ถึงไม่ได้เรื่อง สู้ข้าก็ไม่ได้”

“ว่าพี่ชายฉันก็เกินพอแล้ว นี่ลามปามพ่อฉันด้วยเหรอ มันจะมากไปแล้วนะ!” เจ้าหญิงแห่งแดนเทวาถึงกับของขึ้น ความรู้สึกกลัวหายเป็นปลิดทิ้งแล้วแทนที่ด้วยความโกรธ

“ทำไม! ร้อนตัวล่ะสิ! ก็สมควรแล้วล่ะ เจ้าพวกอ่อนหัด!”

“กรี๊ด!!!” เมเทเลียตะโกนใส่ฝ่ายตรงข้ามสุดเสียงจากนั้นก็พุ่งไปหาแบบลืมตาย เด็กหนุ่มสวมเกราะจึงซัดพลังใส่แต่หญิงสาวก็ดีดตัวหลบออกมาด้านข้างได้ทันควัน “เก่งตายแหละ ไอ้เจ้าชายปากเสีย! แบร่!” เจ้าของเสียงหวานแลบลิ้นใส่ก่อนจะวิ่งหนีไปที่อื่น

“นังนี่!” คนโดนล้อสบถเสียงดังจากนั้นก็สะบัดปีกสองคู่เหาะขึ้นฟ้าแล้วไล่ตามเป้าหมายไปทันที “วันนี้เจ้าจะต้องชดใช้ที่กล้าท้าทายข้า!”

“...” กลับมาที่เจ้าชายแห่งแดนมืดตัวจริงในคราบของหนุ่มแว่น ดูเหมือนว่าสภาพของเขาจะจืดจางมาก ทำให้ไม่มีใครสนใจเลยแม้แต่คนเดียว

'ปัญญาอ่อนจริง ๆ' เซเรียสสบถในใจแล้ววิ่งตามทั้งสองไปบ้าง

กลับมาที่เจ้าของเรือนผมสีขาว ด้วยความที่เป็นลูกครึ่งมนุษย์กับชาวเทวาทำให้พละกำลังมากกว่าคนทั่วไประดับหนึ่ง เมเทเลียจึงวิ่งเร็วแถมเธอยังกล้าหันมาแลบลิ้นใส่ศัตรูอีกรอบได้อย่างสบายใจเฉิบ

“ตายซะ!” เด็กหนุ่มขว้างดาบออกไป อาวุธคู่ใจพุ่งไปเสียบพื้นตรงหน้าหญิงสาวก่อนที่มันจะระเบิดพลังออกมาทำให้เศษหินเศษดินกระจายไปตามแรงระเบิด

เมเทเลียดีดตัวถอยออกมาทันควัน เธอสะบัดมือไปด้านหลัง พลันกำแพงน้ำแข็งก็พุ่งขึ้นมาแล้วเธอก็ขึ้นไปตั้งหลักบนนั้น เจ้าชายแห่งแดนมืดตัวปลอมร่อนลงไปเก็บอาวุธคู่ใจตามด้วยชูดาบขึ้นฟ้า วงเวทไม่ต่ำกว่ายี่สิบวงปรากฏขึ้นกลางอากาศ ทันทีที่เขาหันดาบชี้ไปทางเป้าหมาย กระสุนเวทก็ถูกยิงออกมาใส่เธอทันที

'วันนี้แหละ ฉันจะซัดแกให้ร่วงเลย!' เมเทเลียกล่าวในใจพลางพุ่งตัวไปหาลูกพลังมากมาย ดาบสีขาวปรากฏขึ้นในมือข้างหนึ่งจากนั้นเธอก็สะบัดดาบปัดป้องกระสุนเวท

เจ้าหญิงแห่งแดนเทวาฝ่าออกมาได้สำเร็จ เด็กหนุ่มจึงสะบัดดาบส่งรัศมีจันทร์เสี้ยวออกไปโจมตีแทน ทว่าหญิงสาวกลับเหยียบบนรัศมีพลังนั้นแล้วถีบตัวพุ่งลงมาบนพื้นด้วยความเร็วสูง

เคร้ง!

เมเทเลียตวัดดาบใส่ศัตรู คนสวมเกราะยกดาบตั้งรับทันควันขณะสไลด์ถอยหลังไปไกล เมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเอาจริง เซเรียสตัวปลอมจึงปักดาบลงพื้นส่งสายพลังนับสิบพุ่งแหวกผืนดินไปหาคู่ต่อสู้ เจ้าของเรือนผมสีขาววิ่งซิกแซกหลีกเลี่ยงก่อนจะกระโดดตีลังกาข้ามสายพลังที่พุ่งมาดักหน้า เธอตั้งท่าลงพื้นแล้ววิ่งตรงมาหาเป้าหมายอย่างเอาเรื่อง

“แกหยุดฉันไม่ได้หรอก!”

“หุบปาก!” เด็กหนุ่มพุ่งไปหาฝ่ายตรงข้ามตามด้วยฟาดดาบใส่

เมเทเลียตวัดดาบสีขาวปัดคมดาบสีดำได้ทันควัน จากนั้นก็ส่งพลังเวทไปยังมือข้างที่ว่างอยู่ เธอกำหมัดแล้วเหวี่ยงไปชกคนตรงหน้าสุดแรงเกิด ส่งผลให้เจ้าตัวปลอมปลิวไปกลิ้งหลุน ๆ บนพื้นอยู่ไกลลิบ เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด เขาไม่ยอมแพ้ผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด แต่พอลุกขึ้น เขาก็เห็นรองเท้าหนังสีดำก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้า พลันมือหนึ่งก็คว้าคอเสื้อแล้วเซเรียสตัวปลอมก็ถูกกระชากให้ยืนขึ้น

“เจ้า...” เขาผงะเล็กน้อยเมื่อสบกับนัยน์ตาสีแดงหลังกรอบแว่น ผู้มาใหม่เหยียดยิ้มชวนขนลุกก่อนจะกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“แกมันก็แค่ของก๊อปเกรดต่ำที่ดีแต่สบประมาทชาวบ้านไปวัน ๆ เจ้าชายแห่งแดนมืดเหรอ หึ! ใครเชื่อก็โง่เต็มทน น้ำหน้าอย่างแกมันก็แค่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้น ไอ้เตี้ยเอ๊ย! กาก! อ่อน! ดีแต่ด่าคนอื่น!”

“ไอ้แว่นนั่นมันด่าเป็นด้วยเหรอ”

“เห็นเงียบ ๆ แต่ปากจัดนี่หว่า”

ทางด้านผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ในสนามนั้นเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ตอนแรกพวกเขาฮือฮาที่เห็นเมเทเลียเข้าไปลุยกับทายาทจ้าวปีศาจ แต่คราวนี้อึ้งยิ่งกว่าเมื่อเห็นหนุ่มเรียบร้อยกำลังโมโห

“สามหาวนักเจ้ามนุษย์ รู้หรือเปล่าว่าพูดอยู่กับใคร!”

“แล้วแกรู้หรือเปล่าว่าพูดกับใครอยู่” ว่าแล้ว เซสก็ใช้ดาบแทงทะลุร่างคนตรงหน้าแล้วกระชากดาบออกก่อนจะปล่อยให้เด็กหนุ่มทรุดลงไปนั่งชันเข่ากับพื้น “ฟัคยู ไอ้ตัวปลอมไร้คุณภาพ”

พริบตานั้นชายหนุ่มก็ตวัดดาบบั่นคออีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล ศีรษะของเซเรียสตัวปลอมกระเด็นตกพื้นก่อนจะกลิ้งหลุน ๆ ไปหยุดอยู่แทบเท้าเจ้าหญิงแห่งแดนเทวา เมเทเลียผงะก่อนจะรีบถอยออกมาห่าง ๆ ทันที

“จบแล้วใช่ไหม” หญิงสาวทรุดนั่งลงกับพื้นเพราะเธอหายโกรธและนึกได้ว่าตัวเองเข้าไปลุยกับศัตรูจนเกิดความกลัวขึ้นมาอีก เซสจึงรีบวิ่งกลับมาหาคนตัวสั่น

“ยัยหัวหงอก เอ๊ย! เมย์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ดูจากสถานการณ์แล้ว เขาคงต้องทำทีเป็นห่วงเป็นใยอีกฝ่าย พอมีคนมาถามไถ่ ร่างบางก็เงยหน้ามองเขาทั้งที่ร่างกายยังไม่หยุดสั่น

“เมื่อกี้ฉันเป็นบ้าอะไรถึงเข้าไปลุยกับหมอนั่นได้”

“ผมไม่ทราบครับ ถามผมแล้วผมจะไปถามใครล่ะครับ”

“มันไม่ใช่ความจริง” เมเทเลียสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ เพื่อคลายความตื่นเต้น “เจ้าชายแห่งแดนมืดที่ฉันรู้จักไม่ได้ตามฆ่าฉันแบบนี้”

“ก็ดีแล้วนะครับที่ไม่ใช่เขาจริง ๆ อีกอย่างนั่นเป็นแค่ภาพสะท้อนความกลัวของเมย์ ผมคิดว่าทางโรงเรียนคงอยากทดสอบความแข็งแกร่งในจิตใจ ถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น”

'ยัยนี่จิตอ่อนกว่าเราสินะ มิตินี้ถึงรับรู้ความกลัวของยัยนี่ได้' ใช่ว่าเขาไม่มีสิ่งที่ตัวเองกลัว แต่ก็อย่างที่ว่า จิตของเขาแข็งแกร่งกว่าเมเทเลีย ความกลัวของเขาถึงไม่ปรากฏออกมา

พลันภาพรอบกายก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองรู้ตัวอีกทีก็กลับมานั่งที่เดิมบนอัฒจันทร์แล้ว เซสกับเมเทเลียมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย แต่ยังไม่มีใครได้พูดอะไร อยู่ ๆ ก็มีคนมาจากไหนไม่ทราบพุ่งมารุมล้อมทั้งสองเต็มไปหมด

“เธอนี่กล้าเนอะ ต่อยไอ้เจ้าชายนั่นด้วย”

“นายชื่อเซสใช่ไหม ฉันชอบมากเลย ตอนที่นายตัดคอเจ้านั่น”

“เฮ้ย ๆ หลีกไป ฉันจะคุย”

“แกนั่นแหละถอย ฉันมาก่อน!”

“...” ทั้งสองได้แต่นั่งเงียบท่ามกลางหนุ่มสาวมากหน้าหลายตาที่เข้ามารุมล้อม ท่าทางพวกเขาจะกลายเป็นคนดังในหมู่ผู้เข้าสอบแล้ว

“ถอย ๆ สองคนนั้นอยู่กับพวกฉัน!” เอวิสเดินแหวกฝูงชนเข้ามาช่วยพลางไล่คนอื่น ๆ ออกไปหมด บางคนกลับไปนั่งที่เดิมแล้วก็ถูกเวทเคลื่อนย้ายพาไปอยู่ในมิติที่สะท้อนความกลัวทันที ส่วนบางคนพอไปนั่งที่แล้วก็ยังแอบชำเลืองมองเซสอยู่

“ขอบคุณครับเอวิส”

“ไม่เป็นไร ว่าแต่นั่นคือเจ้าชายแห่งแดนมืดที่เมย์เจอเมื่อห้าปีก่อนเหรอ” ชายหนุ่มหันไปถามเพื่อนสาวที่ตอนนี้นั่งถอนหายใจยาว เมเทเลียเงยหน้ามองคนถามแล้วพยักหน้าให้

“คนนั้นแหละ แต่ฉันไม่เคยเห็นหน้าหรอก หมอนั่นใส่หน้ากากไว้ตลอด”

“ที่จริงก็ไม่เท่าไหร่นี่นา ทำไมใคร ๆ ถึงได้หวาดกลัวนักนะ” เอวิสไม่เข้าใจเลยว่าพวกแม่ทัพเก่ง ๆ ในสงครามเมื่อตอนนั้นเป็นอะไรไปถึงได้กลัวกันนัก ทางด้านเซสที่นั่งฟังอยู่ก็แอบกลอกตามองบน

“นั่นสิครับ ทำไมถึงกลัวนักนะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel