บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ครั้งแรกที่เข้ามาในแดนมนุษย์

แดนมนุษย์ตั้งอยู่บนทวีปวาลเทร่าแบ่งออกเป็นสี่ประเทศย่อย ได้แก่ ซิลวา เทเอียน โรซาน และเอลด้า ทุกประเทศมีราชาปกครอง ซิลวาเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดและเป็นจุดหมายที่ชายหนุ่มตั้งใจจะมา ที่นี่มีเมืองหลวงชื่อครีออน ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังครีออนอันเป็นที่พำนักของราชา มีเมืองรองชื่อซินเทลล่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนซินเทลล่า ในบรรดาโรงเรียนทั้งหมดในแดนมนุษย์ ที่นี่คือสถาบันอันดับหนึ่งซึ่งวัดจากผลการแข่งขันการประลองระหว่างโรงเรียน

เซเรียส เพนเดลรอน ชายหนุ่มจากแดนมืด ดินแดนอันเป็นบ้านเกิดของเหล่าปีศาจ เจ้าตัวเข้ามาหาข่าวของแม่และอยากลองเรียนหนังสือกับคนอื่น ๆ ดูบ้างหลังจากที่เมื่อก่อนเรียนกับอาจารย์ตัวต่อตัวมาโดยตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาในแดนมนุษย์ มีสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเห็นเต็มไปหมด แต่บางอย่างที่บ้านเขาก็มี

“ถ้าสามดินแดนเป็นมิตรกันก็ดี จะได้ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ” ร่างสูงพึมพำพลางกระชับฮู้ดคลุมศีรษะ บนแผ่นหลังก็สะพายกระเป๋าเป้ใบหนึ่ง เจ้าตัวตรงไปที่รถม้าโดยสาร ใกล้ ๆ กันมีชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขากลุ่มหนึ่งกำลังจ้างรถม้าให้เดินทางไปยังเมืองซินเทลล่าอยู่พอดี

“พ่อหนุ่ม จะไปที่โรงเรียนซินเทลล่าใช่ไหม ขึ้นมาสิ”

“ค่าโดยสารเท่าไหร่ครับ” เซเรียสถามก่อนเพราะจะได้คำนวณค่าใช้จ่ายในวันนี้ได้ถูกต้อง

“แค่แปดสิบเหรียญเอง ปกติเดินทางไกล ราคาไม่ต่ำกว่าสามร้อยเหรียญ แต่ช่วงนี้เขาประกาศลดค่าโดยสารน่ะ ใกล้เปิดเทอมก็แบบนี้แหละ” ชายสูงวัยยิ้มให้คนที่กำลังหายานพาหนะ คนเดินทางจึงตัดสินใจจ่ายค่าโดยสารแล้วเดินทางไปกับชายคนนั้นแทน

ภายในรถม้าไม่ได้ใหม่เอี่ยมหรือเลิศหรูเหมือนพวกราชวงศ์ แต่เซเรียสก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะมันกว้างพอและนั่งสบายด้วย ปกติคนอื่นจะเดินทางมากับเพื่อน แต่เขามาคนเดียว ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครแย่งที่นั่ง ระหว่างเดินทางออกจากเมืองเขตชายแดน สารถีผู้บังคับรถม้าก็ชวนคุย

“มาจากไหนล่ะ พ่อหนุ่ม”

“...”

'จะตอบว่าอะไรดีวะ ขืนบอกว่ามาจากแดนมืด มีหวังลุงแกแหกปากเรียกทหารกันพอดี' สิ่งหนึ่งที่เซเรียสจำได้ขึ้นใจคืออย่าให้ใครรู้ว่าเขาเป็นปีศาจและมาจากแดนมืด ไม่อย่างนั้นอันตรายแน่!

“บอกเรื่องท่านแม่หน่อยสิครับ”

“แม่เจ้าเป็นชาวโรซาน...”

สมัยเด็ก เขาเคยถามพ่อเกี่ยวกับเรื่องของแม่มาแล้ว การที่เขาไปเซ้าซี้ถามทำให้อีกฝ่ายรู้สึกรำคาญ วันนั้นก็เลยบอกว่าแม่เป็นคนที่ไหน ซึ่งนั่นทำให้เขารู้ว่าตัวเองเป็นพวกเลือดผสมระหว่างปีศาจกับมนุษย์ ทั้งที่ในช่วงเวลานั้นมันคือเรื่องต้องห้าม

“ข้ามาจากโรซานครับ” ในที่สุดชายหนุ่มก็เลือกที่จะโกหกโดยการบอกประเทศบ้านเกิดของแม่ไปแทน ชายสูงวัยที่บังคับรถม้าอยู่มีท่าทีตกใจแล้วถามกลับ

“บ้านอยู่ประเทศลำดับที่สามเชียวเหรอ มาไกลนะเรา ได้ยินว่าคนที่นั่นเข้มงวดเรื่องปีศาจมาก”

“ราชาเกลียดปีศาจน่ะครับ ก็เลยส่งทหารไปตรวจตราตามเมืองต่าง ๆ ตลอด” เรื่องนี้คนในแดนมืดก็รู้ ประเทศโรซานเป็นสถานที่ที่ปีศาจไม่อยากเข้าไปนักเพราะเสี่ยงต่อการถูกจับตัวมากที่สุด

“อย่างที่เจ้าพูด ราชาของที่นั่นเกลียดปีศาจมาก ห้าปีก่อน ตอนที่แดนมืดส่งกองทัพมาแย่งชิงพื้นที่ดินแดนจากประเทศซิลวา โรซานก็ส่งทหารมาช่วยมากกว่าใคร เห็นว่าอยากได้หัวของเจ้าชายแห่งแดนมืดน่ะ”

“โรซานมีความแค้นอะไรกับเขาเหรอครับ” เซเรียสไม่ค่อยแปลกใจนักแต่ก็ทำเป็นอยากรู้เมื่อได้ยินว่าประเทศลำดับที่สามต้องการอะไร คนขับรถม้าเงียบไปชั่วขณะเพราะกำลังครุ่นคิด

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันนะพ่อหนุ่ม แต่ได้ยินข่าวลือว่าเมื่อยี่สิบปีก่อน เจ้าหญิงแห่งโรซานจะหายตัวไป ต่อมานางถูกพบอีกทีที่ชายแดน อีกอย่างมีข่าวลือว่านางมีลูกกับปีศาจจึงถูกลงโทษให้ขังไว้ในคุกใต้ดินอย่างไม่มีกำหนด”

“แล้วเจ้าหญิงชื่ออะไรครับ”

“ถ้าจำไม่ผิด น่าจะชื่อเซซาเนีย...เซซาเนีย แอมโบเรีย”

“...”

“แต่ราชาแห่งโรซานต้องการหัวของหมอนั่น ไม่แน่นะพ่อหนุ่ม เจ้าชายอาจเป็นลูกของเจ้าหญิงจริง ๆ ก็ได้ แต่ไม่น่าเชื่อ ว่ากันว่าเจ้าหญิงแห่งโรซานน่ะอ่อนโยน แต่เซเรียสน่ะโหดเหี้ยม เมื่อห้าปีก่อนเขายกทัพมาโจมตีชายแดนจนประเทศซิลวาสูญเสียดินแดนส่วนหนึ่งไปให้แดนมืด พวกทหารลือกันว่าเจ้านั่นสังหารชาวมนุษย์กับชาวเทวาอย่างโหดร้าย ก็สมเป็นปีศาจล่ะนะ ชั่วช้าสามานย์ได้โล่เลย”

“อ้อ...เหรอครับ”

'นี่ก็ด่าตูจัง! ด่ามันเข้าไป!' เซเรียสถึงกับบีบมือตัวเองแน่น ๆ เพื่อสะกดอารมณ์เดือดดาล ที่นี่ไม่ใช่แดนมืด เขาต้องควบคุมตัวเองไว้ อย่าเพิ่งระเบิดมันออกมา

เซเรียส เพนเดลรอน นั่นคือชื่อของเจ้าชายแห่งแดนมืด ทายาทเพียงคนเดียวของจ้าวปีศาจ อย่างที่ชายสูงวัยบอกเมื่อครู่ เมื่อห้าปีก่อนเขานำทัพแดนมืดมาโจมตีชายแดนประเทศซิลวาและแย่งชิงพื้นที่ไปบางส่วน ตอนนั้นใคร ๆ ต่างก็ประณามสาปแช่งเขาทั้งนั้น

แต่ขอโทษ เขาไม่สนใจ!

ช่วงบ่ายวันนั้น ปีศาจหนุ่มก็เดินทางมาถึงเมืองซินเทลล่าซึ่งเป็นเมืองรองของประเทศซิลวา แม้จะเคืองชายสูงวัยที่มาส่งอยู่แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็เป็นคนให้เซเรียสได้นั่งรถม้ามาที่นี่ ดังนั้นเจ้าตัวจึงไม่ทำอะไรนอกจากกล่าวขอบคุณตามมารยาทแล้วเดินตรงไปยังประตูรั้วของโรงเรียนซึ่งตอนนี้มีกระโจมรับสมัครนักเรียนใหม่ตั้งอยู่ ตรงนั้นมีชายหนุ่มผมสีทองกับหญิงสาวผมสีชมพูรวบเป็นทรงทวินเทลกำลังกรอกใบสมัครพอดี

“ขอทางด้วยค่ะ ขอทางด้วย!” เจ้าของเสียงหวานวิ่งผ่านมาทำให้เซเรียสหลีกทางให้เพราะท่าทางเธอกำลังรีบมาก

“เมย์! มาเร็ว ๆ สิ!” หนุ่มผมทองกวักมือเรียกเพื่อนสาว

“พวกเรากรอกใบสมัครเสร็จแล้วนะคะ” หญิงสาวอีกคนหลีกทางให้ผู้มาใหม่เข้ามากรอกข้อมูลทันที เจ้าของเรือนผมสีขาวรีบยื่นเอกสารเกี่ยวกับทางบ้านให้เจ้าหน้าที่ก่อนจะรีบเขียนใบสมัคร

“ขอโทษนะคะ เอกสารเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวอยู่ไหนคะ” เจ้าหน้าที่คนนั้นเงยหน้าขึ้นมาถามสาวผมสีขาว เธอขมวดคิ้วแล้วมองปึกกระดาษที่ส่งให้เจ้าหน้าที่

“ไม่ได้อยู่ในนั้นเหรอคะ ฉันจำได้ว่า ฉันรับมาจากไปรษณีย์แล้วนะคะ”

“ต้องขอโทษด้วยค่ะ เราไม่เห็นจริง ๆ น้องทำตกที่ไหนหรือเปล่าคะ”

“เอ่อ...” เมื่อกี้เธอนึกได้ว่าตัวเองวิ่งมา บางทีเธออาจจะทำหล่นระหว่างวิ่งก็ได้ และนั่นทำให้ร่างบางถึงกับคอตก เพื่อนสองคนที่มองอยู่จึงเข้ามาปลอบใจ

เซเรียสยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ห่าง ๆ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งตกอยู่บนพื้น เจ้าตัวหยิบขึ้นมาดู ในนั้นมีรูปแนบมาด้วย เมื่อมองแล้วก็พบว่าเป็นรูปของหญิงสาวผมสีขาว มีนัยน์ตาสีฟ้าสวย แต่นั่นไม่สำคัญเท่าชื่อของเธอ

เมเทเลีย รินเซีย

“เมเทเลีย?” ภาพความทรงจำหนึ่งปรากฏขึ้นมาในสมองก่อนที่เขาจะส่ายหัวไล่มันออกไป เซเรียสหยิบแว่นตาจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาสวมแล้วใช้เวทพรางใบหูแบบปีศาจให้เป็นแบบมนุษย์ จากนั้นก็ดึงฮู้ดที่คลุมศีรษะออก ตามด้วยถุยน้ำลายใส่มือก่อนจะนำมาลูบผมให้เรียบ ปิดท้ายด้วยการตรงไปหากระโจมรับสมัครพร้อมปั้นหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

“ขอโทษนะครับ นี่ใช่ของที่หาหรือเปล่า”

“โอ๊ะ! ขอบคุณมากค่ะ” เมเทเลียรีบรับกระดาษมาแล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ ใบหน้าซีดเผือดในตอนแรกเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดี หญิงสาวรีบกรอกใบสมัครจากนั้นจึงหลีกทางให้ผู้มาใหม่เข้ามา

เซเรียสส่งเอกสารยืนยันตัวบุคคลซึ่งทั้งหมดเขาปลอมขึ้นมาเอง เป็นถึงเจ้าชายแห่งแดนมืด เรื่องสั่งให้คนทำเอกสารปลอม ๆ ขึ้นมาตบตาชาวบ้านย่อมทำได้อยู่แล้ว

“เซส โดโนเวน ขอบคุณที่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา ขอให้โชคดีในการสอบค่ะ” เจ้าหน้าที่ที่รับเอกสารส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม เซเรียสซึ่งตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ชื่อเซสก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม จากนี้ไปเขาคงต้องไปหาโรงแรมอยู่ระหว่างรอวันสอบเข้า

“นี่ ๆ นายน่ะ” เจ้าของเสียงหวานที่ทำเอกสารหล่นหายในตอนแรกเรียกไว้ก่อนจะวิ่งมาหา “มีที่พักหรือยัง ถ้ายัง ไปหาที่พักด้วยกันไหม” เซสนิ่งไปชั่วครู่เหมือนกำลังใช้ความคิดแล้วตอบกลับ

“ยังครับ”

“ไปหาที่พักกับพวกฉันไหม ฉันชื่อเมเทเลีย รินเซีย ยินดีที่ได้รู้จัก ส่วนสองคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของฉัน ผู้ชายผมทองชื่อเอวิส คาเวอร์ลอน ส่วนผู้หญิงผมชมพูชื่อเลน่า คัลเลนด้า”

“เซส โดโนเวน ครับ” เซสมองอีกฝ่ายยื่นมือมา จึงยื่นมือไปจับเป็นการทักทายตามมารยาท

'ยัยนี่หายป่วยแล้วสินะ' เมเทเลียจำได้หรือเปล่าเขาไม่รู้ แต่เขาจำเธอได้ และคงจะดีถ้าเขาอยากเริ่มต้นรู้จักใครสักคนในต่างแดน

“งั้นเอาอย่างนี้ ไปหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยไปหาโรงแรมดีไหม” เอวิสเสนอความเห็นเพราะตอนนี้ความหิวเริ่มครอบงำเขาแล้ว เมเทเลียหันมามองหน้าเซสเหมือนอยากรู้ว่าเขาคิดยังไง

“ก็ดีนะครับ ผมเองก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”

“ใกล้ ๆ แถวนี้มีร้านอาหาร ลองไปดูไหมคะ ท่าทางน่าอร่อยเลย” เลน่าจำได้เพราะตอนเดินมาทางนี้ เธอผ่านร้านอาหารตรงหัวมุมซึ่งตกแต่งด้วยบรรยากาศสบาย ๆ คล้ายคาเฟ่

“อ้อ ร้านเองเหรอ ฉันนึกออกแล้ว เซสไปที่ร้านนั้นกันไหม”

“น่าสนนะครับ” ดีเหมือนกัน เขาจะได้ลองชิมรสชาติของอาหารในแดนมนุษย์สักครั้ง “ว่าแต่มีของหวานไหมครับ” มีขนมชนิดหนึ่งที่เขาอยากกินและเป็นของโปรดของเขาด้วย

“น่าจะมีนะ ว่าแต่นายอยากกินขนมอะไรเหรอ”

“แพนเค้กครับ ผมชอบแพนเค้ก ผมอยากกิน” สีหน้าเหมือนคนอยากกินมากทำให้ทั้งสามอดขำไม่ได้ เมื่อมติจะว่าไปร้านอาหารร้านนั้น ทั้งสี่จึงเคลื่อนตัวไปจากหน้าโรงเรียน

ห้องกว้างที่ไร้เจ้าของทำให้ชายหนุ่มสี่คนถึงกับยกมือกุมหน้าด้วยความหนักใจ ตั้งแต่เช้า พวกเขาไม่เห็นวี่แววของเจ้าชายแห่งแดนมืดจึงพากันมาหา แต่สิ่งที่พบกลับไร้เงาของอีกฝ่ายนอกจากข้อความในกระดาษที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า ชายหนุ่มผมสีเขียวมรกตรวบยาวเป็นหางม้าหันไปมองเพื่อนร่วมงานทั้งสามและถามความเห็น

“เอายังไง ไปบอกท่านจ้าวว่าเจ้าชายหายไปดีไหม” เทมเพส วินเทอร์ หัวหน้าองครักษ์ของจ้าวปีศาจกล่าวเสียงเรียบ สามหนุ่มที่ยืนฟังอยู่ถอนหายใจก่อนที่ชายหนุ่มผมสีฟ้ายาวถึงกลางหลังจะพูดขึ้น

“ช่วยไม่ได้ ถึงเราไม่บอก ไม่ช้าก็เร็ว ท่านจ้าวก็คงทราบว่าเจ้าชายหายออกจากวัง ข้าว่าบอกให้ท่านจ้าวทราบตอนนี้เลยดีกว่า” อาเนฟ เคลลิน คิดว่าไม่ควรจะปิดเรื่องนี้ ในขณะที่ชายหนุ่มอีกสองคนมีสีหน้าเป็นกังวล ถ้าบอกไปแล้ว จ้าวปีศาจจะไม่ว่าอะไรหรือ

“คือ...ข้ากำลังจินตนาการว่าท่านจ้าวจะทำหน้าแบบไหนถ้ารู้ว่าเจ้าชายไปแดนมนุษย์” เจ้าของผมสีน้ำตาลยาวประบ่านามว่า โยริค โดเนลล่า คาดเดาอารมณ์ของผู้ปกครองดินแดนไม่ออกจึงกังวลแทน

“จะบอกท่านจ้าวจริง ๆ เหรอ” ชายหนุ่มผมตั้งสีเพลิงนามว่า เฟลม ไพลาริส ถามเทมเพสกับอาเนฟเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง พวกเขาคือสี่องครักษ์ของจ้าวปีศาจ ขณะเดียวกันก็สนิทสนมกับเจ้าชายแห่งแดนมืดเป็นอย่างดี และการที่เจ้าตัวหายไปทำให้พวกเขากังวลมาก

“ข้าเป็นหัวหน้าองครักษ์ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะบอกก็คือบอก ถ้ามีอะไร ข้ารับเอง อีกอย่างเราทุกคนไม่ได้ทำอะไรผิด เจ้าชายหายไปเอง ถ้าถูกจับไปคงไม่ทิ้งข้อความบอกพวกเราหรอก” เทมเพสเดินออกจากห้องไปอย่างมั่นใจและไม่เกรงกลัวสิ่งใด ส่วนอีกสามคนไม่พูดอะไรนอกจากเดินตามหลังมาเงียบ ๆ

ทว่าทั้งสี่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอใครบางคนยืนอยู่นอกห้อง ความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณนี้ทันทีเพราะท่าทางคนตรงหน้าจะได้ยินบทสนทนาของพวกเขาหมดแล้ว!

“เรื่องที่เซเรียสไปแดนมนุษย์ ข้ารู้แล้ว”

จ้าวปีศาจกล่าวเสียงเรียบซึ่งนั่นทำให้สี่หนุ่มถึงกับอึ้งไปเลย!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel