บทย่อ
จากลูกเจ้าของโรงงานกลายเป็นยามหน้าโรงงาน การต่อรองนี้เขาจะทำสำเร็จเพื่อเงินทุนได้หรือไม่...
ตอนที่ 1
มือซ้ายจับบุหรี่ไฟฟ้าสูบปล่อยควันออกจากปากนั่งอยู่ในห้องแอร์ของร้านหรืออู่ยานยนต์มองรถที่กำลังถูกแต่งอย่างไม่พอใจจนต้องลุกขึ้นโยนบุหรี่ไปด้านหลังให้ชายที่นั่งโซฟาเดี่ยวคว้าบุหรี่ไฟฟ้ารับไว้พลางกางแขนโอบกอดหญิงสาวแสนสวยสองคน สูบบุหรี่ไฟฟ้าพ่นควันอย่างสบายใจพร้อมเอ่ย
“เอาไงจะเปลี่ยนใหม่หรือล้างสี ระดับเจ้าของกาสิโนเปลี่ยนรถทุกเดือนอยู่แล้ว หมู่นี้ไม่เห็นเปลี่ยน” พีท เจ้าของร้านยานยนต์เลิกคิ้วมองแผ่นหลังคนที่ยืนกอดอกมองรถหรูของตัวเองกำลังถูกช่างรุมดูเครื่องยนต์
“กาสิโนโดนจวกขาดทุนยับตั้งแต่คู่แข่งขัดขา เอาที่ไหนซื้อ”
“กระทิงมันเดือด ถ้าเอาลงแข่งสปอร์นเซอร์ไม่ต่ำกว่าสิบล้าน กู้ทุนคืนได้สบาย ไม่รีบจองโดนตัดหน้าแน่”
“เออ จองเลย” ด้วยความพลีพลามตัดสินใจลั่นวาจาออกไปก่อนเดินออกมายกมือปัดให้เหล่าช่างยนต์ถอยออกจากรถหรูตกรุ่นก้าวขึ้นไปนั่งเปิดประทุนออกจากร้านขับสู่ท้องถนนเร่งเครื่องยนต์อย่างคิดหนักเลี้ยวเข้าบ้านหลังใหญ่เทียบเท่าคฤหาสน์เมื่อจอดสนิทบริเวณลานจอดของบ้าน สองเท้ารีบสาวเดินเข้าบ้านพลางกวาดสายตามองหาเจ้าบ้าน คิ้วเข้มขมวดผูกปมเงยหน้ามองไปยังชั้นบนแล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดไปยืนหน้าประตูห้องนอนใหญ่จนประตูเปิดเผยให้เห็นชายวัยกลางคนหุ่นเสี่ยลงพุงส่วนสูงต่ำกว่าลูกชายเล็กน้อยแต่หุ่นนำไปไกล เดินออกมานวดมือพร้อมลากถุงไม้กอล์ฟเหล่มองขุนเขา ทายาทคนเดียวเลี้ยงมาตั้งแต่หย่าขาดกับภรรยาแม้มีบ้านเล็กบ้านน้อยบ้างตามประสาคนมีเงินเหลือ
“คราวนี้อะไรอีก”
“ขอซื้อรถคันใหม่ไว้ต่อทุนได้ไหมป๊า”
“ลื้อทำธุรกิจยังไงไม่มีกำไร ไหนว่าธุรกิจดีนักหนา ไอ้ธุรกิจมืดของลื้อไม่เห็นได้เรื่อง”
“ดีซีไม่มีปัญหา หมุนได้สบาย”
“อั๊วหมายถึงกาสิโน คลับที่ลื้อเป็นหุ้นส่วนยังมีโอกาสไปได้ไกลกว่ากาสิโน ลงทุนไปเท่าไหร่เจ๊งไม่เป็นท่า อั๊วจะวางมือจากโรงงานลื้อก็ดื้อด้านไม่ยอมมาช่วยแถมยังมีหน้ามาขอเงินไปลงทุน เห็นทีคราวนี้คงให้ง่ายไม่ได้” ฮงหรือเฮียฮง เถ้าแก่เจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมรายใหญ่ครอบครองสมบัติมากมายบุตรชายคนที่สามของตระกูลจรัสโสภณเชื้อสายจีน
“ป๊าจะให้ทำอะไรก็ได้ ถ้าป๊าให้เงินครั้งนี้รับรองได้กลับมาเป็นกอบเป็นกำแน่นอน”
“อาตี๋ลื้อยังขาดประสบการณ์ เสี่ยงลงทุนไม่ลืมหูลืมตาแบบลื้อมีแต่ตายกับตาย ลื้อควรเริ่มจากศูนย์ลื้อจะได้รู้ว่าการทำงานที่แท้จริงไม่ใช่แค่ชี้นิ้วสั่งงานหรือเซ็นเอกสาร”
“ยอมเรียนรู้งานในโรงงานของป๊าก็ได้”
“นั่นคือสิ่งที่ลื้อต้องทำอยู่แล้ว แต่ก่อนที่ลื้อจะขึ้นไปจุดนั้น ลื้อต้องมีประสบการณ์มากกว่านี้ ตั้งแต่เด็กอั๊วเลี้ยงดูลื้ออย่างดี ไม่ได้เลี้ยงมาผลาญเงินแบบนี้ อั๊วให้เงินลื้อได้แต่ลื้อต้องมาเรียนรู้งานที่โรงงานนับตั้งแต่วันที่อั๊วให้เงิน”
“ได้ป๊า รับปาก”
“ลื้อแน่ใจนะ” มือหนักวางลงบนบ่าขุนเขาด้วยความนิ่ง
“แน่ใจ”
“ดี พรุ่งนี้ลื้อเริ่มงานที่แผนกช่างไฟ” บอกจบก็หยิบเช็คมาเซ็นชื่อตบเข้าที่อกขุนเขาให้ลูกชายใส่มูลค่าเงินตามใจ
“ช่างไฟ” ขุนเขารับเช็คมาถือไว้ทวนคำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าได้ยินไม่ผิด
“ใช่ ช่างไฟ หรือจะอยู่ฝ่ายผลิต พรุ่งนี้เข้าไปหาผู้จัดการอั๊วจะสั่งอีไว้และที่สำคัญห้ามบอกใครว่าเป็นลูกชายอั๊ว อย่าใช้สิทธิ์เหนือคนอื่น ลื้อแค่พนักงานคนหนึ่ง” บอกจบก็เดินลากถุงกอล์ฟลงบันไดไปขึ้นรถตู้ปล่อยให้ขุนเขายืนค้างอยู่กับเช็คอย่างกลืนไม่ได้คายไม่ออก
“งั้นขอเอาให้คุ้มเลยแล้วกัน ไม่รู้ต้องเจออะไรบ้าง” ขุนเขากัดฟันเดินไปเขียนมูลค่าหลักสิบล้านอย่างยียวนพร้อมยกเช็คขึ้นมาจุ๊บหนึ่งทีแล้วเดินเข้าห้องนอนโดยไม่รู้เลยว่าชะตากรรมพรุ่งนี้จะเป็นยังไง
