8 จูบ
5 วันผ่านไป
เวลาในการเรียนผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมาถึงคาบสุดท้าย ฉันและเพื่อนๆ ก็เตรียมตัวเก็บของเพื่อจะกลับบ้านกัน
“ยัยมิน วันนี้แกจะไปทำรายงานดาราศาตร์ที่บ้านฉันหรือป่าว” ในขณะที่ฉันกำลังเก็บของใส่กระเป๋านักเรียน ฉันก็หันไปถามยัยมินที่บ่นๆ อยู่ว่ารายงานยังไม่เสร็จ
“ไม่อ่ะ วันนี้เอาไว้ก่อนฉันมีนัดกับผู้ชาย” ยัยมินเอ่ยด้วยอาการกระดี๊กระด๊า ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “ไปล่ะ กลับกันดีๆ นะ อย่าตีกันล่ะ” พูดจบนางก็รีบแจ้นออกจากห้องไปทันที
“ยัยเพื่อนบ้า เห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน ว่าจะให้ช่วยสอนสักหน่อย” ฉันบ่นอุบอิบ พลางเก็บของใส่กระเป๋าต่อ
“เดี๋ยวฉันช่วย” อยู่ดีๆ ซันก็พูดขึ้น ฉันจึงเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเขากำลังมองฉันอยู่แล้ว
ฉันลืมเล่าไปว่าในเวลาที่ผ่านมา 5 วันนี้ ฉันเปลื่อนชื่อให้เขาด้วยแหละ ฉันมองว่าตะวันมันเรียกยากไปจึงเรียกเขาว่าซันแทน เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรฉัน แต่ยัยมินหรือคนอื่นเรียกเขาไม่หันอ่ะ มีแค่ฉันที่เรียกชื่อนี้แล้วเขาหันมา ปรื้มปริ่ม~
“จริงหรอ?” ฉันทำตาเป็นประกายใส่เขาทันที
“อืม ของฉันเสร็จแล้ว”
“เย้ๆ งั้นไปทำที่ไหนกันดีล่ะ อืม..ห้องสมุดดีมั้ย หรือว่า…"
“บ้านฉัน” ขณะที่ฉันกำลังคิดหาสถานที่ที่เราสามารถใช้ในการทำรายงานได้อยู่นั้น ซันก็พูดขัดขึ้นมา
“บ้านนาย? มันจะดีหรอ ฉันเกรงใจน่ะ” ฉันทำหน้าเกรงใจเล็กน้อย ให้เขาสอนแล้วยังจะไปรบกวนบ้านเขาอีก
“ฉันสะดวกแบบนี้” พูดจบซันก็หยิบกระเป๋านักเรียนฉันไปถือก่อนจะเดินนำออกจากห้องทันที ฉันจึงเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย
“แล้ววันนี้นายไม่ไปนั่งที่สวนสาธารณะแล้วหรอ?” ขณะที่เรากำลังเดินจะถึงหน้าโรงเรียน ฉันก็เอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าปกติทุกวันเขาจะไปนั่งอยู่ที่สวนสาธารณะก่อนกลับบ้าน
“ไม่อ่ะ วันนี้ไม่ไป” เขาตอบก่อนจะหยุดเดินเมื่อมาถึงหน้าประตูโรงเรียนพอดี ซันมองซ้ายมองขวาเล็กน้อยก่อนจะดูนาฬิกาที่ข้อมือเหมือนรออะไรสักอย่าง
“อ่อ อืม” ฉันตอบรับพลางมองตามสายตาเขาที่มองไปมองมา ไม่นานนักรถยนต์คันหรูที่คุ้นตาก็เคลื่อนตัวเข้ามาจอดตรงหน้าเรา ประตูฝั่งคนขับถูกเปิดออกพร้อมร่างสูงกำยำของผู้ชายคนหนึ่งที่มีอายุไม่มากนักเดินลงมาจากรถ ก่อนที่เขาจะวิ่งเหยาะๆ มาเปิดประตูด้านหลังให้
“เข้าไปก่อน” ซันหันมาบอกฉัน ฉันจึงหันไปก้มหัวขอบคุณพี่คนขับรถเล็กน้อยก่อนจะยอมเข้าไปนั่งด้านในอย่างว่าง่าย โดยที่เขานำมือของตัวเองมาบังไม่ให้หัวฉันกระแทกเข้ากับประตูด้วยแหละ หลังจากที่ฉันเข้ามานั่งด้านในเรียบร้อยแล้วซันก็ตามเข้ามาติดๆ หลังจากนั้นประตูรถก็ถูกปิดลงพร้อมกับที่พี่คนขับรถรีบวิ่งไปประจำตำแหน่งของตนเองและออกรถทันที
ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวอยู่บนถนน ซันก็นำไอแพดออกมาเลื่อนๆ ดูอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่แอปพลิเคชั่นทางโซเชียลที่เราเล่นกัน ท่าทางของเขาดูสุขุมและสง่างามชะมัด เหมือนนักธุรกิจยังไงยังงั้นทั้งที่ยังอยู่ในชุดยูนิฟอร์มโรงเรียนด้วยซ้ำ ฉันแอบมองท่าทางน่ามองนั่นอย่างเงียบๆ จนในที่สุดซันก็พูดขึ้นทำลายจินตนาการของฉันลง
“ฉันหล่อมากมั้ย?” เขาละสายตาจากไอแพดในมือก่อนจะหันมามองฉันด้วยสายตากรุ่มกริ่ม
“ละ หล่อบ้าอะไร งั้นๆ แหละ” ฉันตอบเขาอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบหันหน้าหลบสายตานั่นพลางเอามือทัดผมด้วยความประหม่า เขาหยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะหันไปคุยกับพี่คนขับรถ
“ทำไมนายมาช้า” ซันว่าพลางกลับมาสนใจไอแพดในมือต่อ
“ขอโทษครับคุณหนู ผมไม่ทราบว่าวันนี้คุณหนูจะกลับเร็วเลยไม่ได้เปิดอ่านข้อความ” พี่คนขับรถเอ่ยตอบ แต่ยังคงให้ความสนใจกับการขับรถดั่งเดิม
“งั้นต่อไปฉันจะกลับเวลาประมาณนี้แหละ ถ้าเปลี่ยนแปลงจะโทรไปบอก”
“ครับ”
บทสนทนาของทั้งคู่จบลงพร้อมกับที่รถเคลื่อนตัวเข้ามาจอดในบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีขนาดที่ใหญ่มากกกกกก ไม่ใช่แค่บ้านนะที่ใหญ่ สวนหน้าบ้านก็ใหญ่ สระว่ายน้ำข้างบ้านนั่นอีก โอ้แม่เจ้านี่บ้านหรือวัง
ในขณะที่ฉันมัวนั่งตกตะลึงกับความอลังการของบ้านนั้น ประตูรถฝั่งซันก็ถูกเปิดขึ้นโดยฝีมือของพี่คนขับรถ ซันเห็นว่าฉันยังนั่งเอ๋ออยู่จึงสะกิดให้ฉันรู้ตัวว่าต้องลงจากรถได้แล้ว ฉันจึงละความสนใจกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าและเดินลงรถตามเขาไป
ซันพาฉันเดินขึ้นบันไดโถงหน้าบ้านเข้ามาภายในตัวบ้าน ฉันก็ลอบสังเกตสิ่งละลานตาตรงหน้าอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่ได้ทิ้งระยะห่างจากเขามากนัก เมื่อเดินเข้ามาถึงห้องรับแขกก็พบผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูแล้วมีความสง่ามากๆ ไม่แพ้ซันเลย ซึ่งฉันเดาได้เลยว่าน่าจะเป็นคุณน้าของเขาแน่นอน เธอนั่งจิบน้ำชาอยู่บนโซฟาหรูตัวใหญ่ยาว และมองมาที่เราด้วยสายตาที่ให้ความสนอกสนใจเป็นอย่างมาก
“หืม? เด็กสาวคนนี้คือใครจ๊ะ แนะนำหน่อยสิหลานชาย” เมื่อเราเดินเข้ามาใกล้ คุณน้าของซันก็เปิดฉากถามทันที
“เพื่อนผมเอง” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่สีหน้าของคุณน้าดูตื่นเต้นมากอย่างบอกไม่ถูก
“เพื่อนตะวันหรอจ๊ะ หนูชื่ออะไรเอ่ย” คุณน้าถามฉันด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
“ชื่อรินค่ะ” ฉันยิ้มตอบเธออย่างสุภาพ รู้สึกเกร็งๆ อย่างบอกไม่ถูก ทำไมเธอต้องดูตื่นเต้นและสนอกสนใจฉันขนาดนั้นด้วยนะ
“ผมจะทำรายงานกัน อย่าให้ใครขึ้นไปกวนนะครับ” พูดจบซันก็เดินนำขึ้นไปบนชั้น 2 ทันที ฉันที่เง๊อะๆ ง๊ะๆ ทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่มองซันกับน้าของเขาสลับกันไปมา ซันที่เดินไปได้ไม่ไกลนักเห็นฉันไม่ยอมตามเขาขึ้นไปสักทีจึงหันมาเร่งฉัน “เธอจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย?”
“หนูขอตัวก่อนนะคะ” ฉันหันไปก้มหัวให้คุณน้าของซันเล็กน้อย เธอยิ้มอย่างพึงพอใจอะไรสักอย่างให้ฉันพร้อมกับพยักหน้าตอบรับ ฉันจึงรีบวิ่งตามซันขึ้นไปชั้น 2 ทันที
ซันเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องๆ หนึ่งตรงมุมสุดของทางเดิน ซึ่งห้องนี้มีประตูที่ใหญ่กว่าประตูห้องอื่นๆ ที่เดินผ่านมา และเมื่อเขาเปิดประตูออกก็ทำให้รู้ว่านี่คือห้องหนังสือ ซันเดินนำฉันเข้าไปด้านใน และเมื่อเดินตามเขาเข้าไปแล้วฉันจึงได้เห็นถึงความอลังการของห้องหนังสือห้องนี้ ยัง ยังไม่พอ นอกจากมันจะเป็นห้องที่เอาไว้เก็บหนังสือมหาศาลแล้ว มันยังมีชุดโซฟาราคาแพงอยู่ตรงกลางห้อง โซนเตียงนอนขนาดบิ๊กเบิ้มที่มาพร้อมกับตู้เสื้อผ้าบิ้วอินขนาดมหึมา และโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่ดูแล้วราคาน่าจะแพงหูดับตับไหม้วางอยู่ด้วย แถมของประดับตกแต่งที่วางอยู่ตามมุมห้องก็ดูรู้ได้เลยว่าเขารวยขนาดไหน
โอ๊ยยยย ความรวยมันระยิบระยับจนทำให้ฉันรู้สึกตาลายเหมือนจะเป็นลม
“รอฉันตรงนี้ก่อน ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแปปนึง หรือเธอจะเดินดูรอบๆ ก็ได้แล้วแต่เธอ” ซันเอ่ยพลางวางกระเป๋านักเรียนของฉันกับตัวเองไว้ที่โซฟา ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องๆ หนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กับโซนเตียงนอนซึ่งฉันเดาว่าน่าจะเป็นห้องน้ำ ฉันจึงเดินสำรวจดูรอบๆ ไปเรื่อยจนมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ก๊อกๆๆ
ฉันเหลือบไปมองทางห้องน้ำแต่ก็ไม่เห็นแม้เงาของซันเดินออกมา จึงถือวิสาสะเดินไปเปิดประตูก็พบว่าเป็นคุณป้าหน้าตาใจดีคนหนึ่ง ยืนถือถาดที่มีจานผลไม้จานใหญ่กับแก้วน้ำส้ม 2 ใบ
“ป้าเอาผลไม้กับน้ำส้มมาให้ค่ะคุณหนู” เธอว่าพลางยื่นถาดที่อยู่ในมือให้ฉัน
“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับถาดนั้นมาถือไว้ ส่วนคุณป้าก็ทำหน้าที่ปิดประตูให้ก่อนที่ฉันจะเดินเอาถาดมาวางไว้บนโต๊ะใกล้กับโซฟา ฉันหยิบแอปเปิ้ลที่ถูกปลอกและหั่นด้วยความประณีตขึ้นมากัดชิมชิ้นหนึ่ง ก่อนจะเดินไปยังโซนหนังสือที่พึ่งละออกมาเมื่อกี๊อีกครั้ง
“โอ๊ะ! เล่มนี้น่าสนใจแฮะ” ฉันเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ดูแล้วน่าสนใจมากๆ จึงพยายามเขย่งเท้าและเอื้อมมือขึ้นไปหยิบมันด้วยความลำบาก เพราะว่ามันดันวางไว้อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าการยืนหยิบเฉยๆ ของฉันได้
ฟึ่บ!
ในขณะที่ฉันกำลังง่วนอยู่กับการพยายามหยิบหนังสือเล่มนั้นอยู่ ก็มีร่างใหญ่มายืนซ้อนอยู่ด้านหลังฉันพร้อมกับแขนยาวๆ ที่มีแต่กล้ามเนื้อแน่นยื่นมาหยิบหนังสือที่ฉันพยายามจะหยิบอยู่ เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นซัน เขาอยู่ในชุดนอนสบายๆ ที่กระดุมเสื้อถูกติดไม่ครบทุกเม็ด เผยให้เห็นกล้ามหน้าอกซึ่งโผล่พ้นคอเสื้อที่เผยออยู่ ผมของเขาผ่านการสระมาแต่ยังถูกเช็ดไม่แห้งสนิทนัก ทำให้ยังมีหยดน้ำเกาะอยู่เล็กน้อยมองดูแล้วเซ็กซี่บาดใจชะมัด ใบหน้าของเราอยู่ในระยะประชิดชนิดที่ว่าได้กลิ่นลมหายใจของกันละกัน กลิ่นอ่อนๆ ของครีมอาบน้ำเขามันทำให้ฉันฟุ้งซ่าน
ตอนนี้หัวใจของฉันถูกแรงกระตุ้นให้เต้นระรัวอีกครั้ง เลือดถูกสูบฉีดมาเลี้ยงบริเวณหน้าทำให้รู้สึกร้อนผ่าวไปหมด ฝ่ามือมีเหงื่อออกด้วยความประหม่ากับเหตุการณ์เบื้องหน้า ฉันกลืนน้ำลายแบบไม่รู้ตัวและเผลอกัดปากตัวเองเล็กน้อย โดยการกระทำและอาการทุกอย่างของฉันตกอยู่ภายใต้สายตาของเขา
ซันค่อยๆ เลื่อนมือข้างที่ปล่อยไว้อยู่ข้างตัวขึ้นมาเขี่ยปอยผมที่หลุดลงมาจากการมัด และระอยู่ข้างแก้มเอาไปทัดหูให้ฉัน โดยที่มืออีกข้างยังคงท้าวอยู่กับชั้นหนังสือ ฉันจ้องเขาไม่วางสายตาด้วยความตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก ร่างกายมันไม่ตอบสนองใดๆ เลย ไม่นานนัก…ริมฝีปากบางสวยสีชมพูระเรื่อนั่นก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ริมฝีปากฉันก่อนจะสัมผัสกันเบาๆ ฉันเผลอหลับตาพริ้มอย่างไม่รู้ตัว และไม่มีวี่แววว่าจะปฏิเสธหรือขัดขืนเขาแม้แต่น้อย ซันค่อยๆ ถอนจูบแบบเด็กๆ นั่นออกก่อนจะมองตาฉันสักพัก ไม่นานนักเขาก็ใช้มือข้างที่พึ่งเขี่ยปอยผมจับท้ายทอยของฉันให้แหงนขึ้น พร้อมกับมอบจูบที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าเดิมให้ฉัน
“อื้อ…” ฉันเผลอทำเสียงที่หน้าอายออกมาเมื่อเขารุกฉันมากขึ้น
ตอนนี้หัวสมองฉันขาวโพลนไปหมดไร้สติสัมปชัญญะใดๆ ทั้งสิ้น ฉันเผลอยกมือทั้งสองข้างเกาะเอวของเขาเอาไว้ ก่อนจะจูบตอบเขาไปแบบเง๊อะง๊ะโดยไม่รู้ตัว ไม่เคยคิดเลยว่าจูบมันจะหอมและหวานขนาดนี้ และในขณะที่ทุกอย่างกำลังดำเนินต่อไปอย่างไม่มีอะไรมากั้น ซันที่ตอนแรกอ่อนโยนและละมุนมากค่อยๆ ดุดันขึ้นจนฉันรับมือไม่ไหว เขาพยายามดันตัวฉันให้ติดไปกับชั้นวางหนังสือก่อนจะเลื่อนมือไปหยุดอยู่ที่ชายเสื้อนักเรียนของฉัน และเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นเขาพยายามจะดึงมันออกมาจากขอบกระโปรงนักเรียน ปากของเขาที่ตอนแรกจูบฉันอยู่อย่างเมามันส์ เปลี่ยนเป็นลงมาวุ่นวายกับคอและเนินเนื้อที่โผล่พ้นจากกระดุมเสื้อฉันแทน ตอนนั้นแหละที่สมองของฉันมันกลับมาทำงานตามปกติ ความรู้สึกว่าสมควรหรือไม่กลับมาทำงานอีกครั้ง
“หยุด! พอได้แล้ว…” ฉันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกระเส่า มือทั้งสองข้างเปลี่ยนจากการเกาะเอวเขาเป็นมาดันหน้าอกเขาแทน เหมือนสติซันเองก็จะกลับมาเหมือนกัน เขานิ่งงันไปสักพักก่อนจะค่อยๆ เอาหน้าออกจากซอกคอฉันและเงยขึ้นมามองฉันด้วยสายตาที่สั่นระริก ฉันรู้ว่าเขากำลังอดกลั้นความต้องการที่พลุ่งพล่านนั้นอยู่ ฉันแอบเห็นเขากลืนน้ำลายด้วยความยากลำบากด้วยแหละ เมื่อเห็นว่าเขามองฉันนิ่งอย่างนั้นและยังคงไม่ยอมปล่อยฉันออกจากการเกาะกุม ฉันจึงพูดขึ้นต่อ “ฉัน…ขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ” พูดจบฉันก็ดันตัวเขาออกเบาๆ ซันผละออกจากฉันอย่างว่าง่าย ก่อนที่ฉันจะรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าห้องน้ำไป
ปัง!
ประตูห้องน้ำถูกปิดลง ฉันยืนพิงประตูอยู่อย่างนั้นและทบทวนกับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ฉันยกมือขึ้นมาทาบที่หน้าอกก็พบว่าหัวใจยังเต้นแรงไม่ยอมหยุด ก่อนจะสลัดหัวไปมาและเดินไปที่หน้าอ่างล้างหน้า ฉันยืนมองสารรูปตัวเองที่สะท้อนออกมาผ่านเงาของกระจกบานใหญ่ ตอนนี้ปากฉันเห่อบวมเล็กน้อย เสื้อผ้าก็ยับยู่ยี่และชายเสื้อก็หลุดออกมา ฉันรีบตั้งสติและแต่งตัวใหม่ให้เรียบร้อยเหมือนตอนที่พึ่งมาถึงบ้านของซัน เมื่อตรวจสอบแล้วว่าทุกอย่างกลับมาปกติยกเว้นปากที่ยังบวมอยู่นิดๆ ฉันจึงเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ มือข้างหนึ่งจับลูกบิดไว้มั่นแต่ก็ยังไม่กล้าเปิดออกไป
“ฮู่วววววว” ฉันหายใจเข้าและออกยาวๆ ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูออกไป ก็พบว่าตอนนี้ซันกำลังนั่งทำหน้าตาเคร่งเครียดอยู่ที่โซฟากลางห้อง เมื่อเขารู้ว่าฉันออกมาจากห้องน้ำเขาจึงรีบหันมามองหน้าฉันทันที เราสองคนสบตากันอีกครั้ง ก่อนที่ฉันจะรีบเบือนหน้าหนีเพราะรู้สึกเขินอายมากๆ เขาลุกขึ้นยืนและทำท่าจะเดินเข้ามาหาฉัน ฉันจึงรีบเดินสวนเข้าไปหาเขาทันที
“เอ่อ…คือ…ฉัน…” ซันยืนอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนคนที่ไม่รู้จะเริ่มพูดอะไร
“เอ่อ…รายงานฉันว่าไว้ทำวันหลังดีกว่า วันนี้ฉันควรจะต้องกลับบ้านแล้วแหละ แหะๆ” พูดจบฉันก็คว้ากระเป๋านักเรียนขึ้นมาสะพายและทำท่าจะหันหลังเดินออกมาแต่ถูกเขาดักไว้ก่อน
“เดี๋ยวฉันไปส่ง” เขาว่าพลางเดินไปหยิบเสื้อคลุมที่แขวนอยู่ไม่ไกลนัก
“ไม่เป็นไร แค่นี้เองฉันกลับเองได้” ฉันพยายามปฏิเสธ นี่เขาบ้าไปแล้วหรอ เราพึ่งจะจูบกันอย่างดุเดือดเมื่อกี๊ ฉันคงมีกระจิตกระใจจะสู้หน้าเขาหรอก
“อย่าดื้อ” พูดจบซันก็คว้ามือฉันไปกุมไว้ ก่อนจะลากฉันให้เดินตามเขาออกจากห้องไป เราเดินลงบันไดและผ่านห้องรับแขกก็พบว่าคุณน้าของเขายังนั่งอ่านหนังสือนิตยาสารอยู่ที่เดิม
“อ้าว จะกลับแล้วหรอจ๊ะ” เธอลดนิตยาสารลงก่อนจะเอ่ยถามฉัน พลันสายตาเธอก็มาสะดุดอยู่ที่มือของซันที่กุมมือฉันไว้อยู่ ทำให้ดวงตาเธอดูเป็นประกายระยิบระยับอีกครั้ง
“ครับ ผมจะไปส่งรินนะ” พูดจบซันก็ฉุดให้ฉันเดินตามเขาต่อ โดยไม่รอฟังว่าน้าเขาจะพูดอะไรหรือไม่
เมื่อเราขึ้นรถมาแล้วโดยมีพี่คนขับรถคนเดิมเป็นคนขับรถให้ บรรยากาศอันน่าอึดอัดก็ก่อตัวขึ้นในรถ ฉันเงียบ เขาเงียบ ทุกอย่างเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงเครื่องยนต์ของรถดังเลยด้วยซ้ำ นี่รถกำลังวิ่งอยู่นะทำไมมันเงียบจัง
เวลาผ่านไปไม่นานนักรถก็เคลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าบ้านฉันโดยมีฉันเป็นคนบอกทางให้ ฉันรีบเปิดประตูลงจากรถทันทีเพราะคิดว่าถ้านั่งอยู่ต่อไปนานกว่านี้อกฉันคงจะแตกตายแน่ๆ ส่วนซันก็ไม่รอช้าที่จะเปิดประตูรถลงตามฉันมาติดๆ เขารีบเดินอ้อมมาดักหน้าฉันไว้ก่อนที่ฉันจะทันได้เดินเข้าประตูรั้วบ้าน
“…” ฉันเงยหน้ามองเขาที่กำลังยืนทำสีหน้าลำบากใจเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง
“เอ่อ..คือ…เราสองคน…”
“ไม่ต้องคิดมากนะ คิดซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นละกัน” ในขณะที่ซันกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ฉันก็โพล่งออกไปทันที เขาที่ตอนแรกมองฉันด้วยสายตาหวั่นไหวเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นว่างเปล่าทันที
ฉันพูดอะไรผิดหรือป่าวนะ?
“…”
“ก็แค่บรรยากาศพาไปน่ะ มันเป็นแค่เรื่องผิดพลาดที่เราสองคนไม่ได้ตั้งใจให้เกิด” เมื่อเห็นเขานิ่งเงียบฉันจึงพูดขึ้นต่อ
“…”
“อีกอย่างมันก็แค่จูบเอง ฉันไม่เสียหายอะไรนักหรอก เน๊อะ?” ใช่ มันก็แค่จูบเอง ถึงมันจะเป็นจูบแรกของฉันก็เถอะ
“เรื่องผิดพลาด? ไม่ตั้งใจ? แค่จูบ?” อยู่ดีๆ ซันก็ทวนคำของฉันซ้ำด้วยสายตาที่เลื่อนลอยแกมผิดหวัง
นี่ฉันคิดไปเองใช่มั้ยว่าเขากำลังรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่ฉันพูด แล้วทำไมเขาต้องผิดหวังด้วยล่ะ? ฉันงงนะ!
“อื้มม ฉันเข้าบ้านก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้ กลับบ้านดีๆ ล่ะ ถึงแล้วส่งข้อความมาบอกฉันด้วย” พูดจบฉันก็เดินผ่านเขาเข้าไปในบ้านทันที และเมื่อฉันเข้าบ้านมาแล้วฉันก็รีบวิ่งขึ้นห้องไปแง้มม่านเพื่อดูว่าเขาไปหรือยัง ปรากฏว่าเขาเดินขึ้นรถไปแล้ว และรถก็กำลังเคลื่อนตัวออกห่างจากบ้านฉันไปเรื่อยๆ ในใจฉันรู้สึกหวิวอย่างบอกไม่ถูก
นี่ฉันกำลังคาดหวังอะไรกันแน่นะ?
ฉันสลัดหัวไล่ความคิดไร้สาระออกก่อนจะรีบไปอาบน้ำและลงไปทานข้าวทันที แม่มีถามฉันว่าไปไหนมา แล้วใครมาส่ง ฉันก็เล่าแค่ว่าไปทำรายงานบ้านเพื่อน แล้วเพื่อนเห็นว่ามืดแล้วเลยมาส่งให้ฟัง เมื่อฉันกินข้าวและล้างจานเสร็จเรียบร้อยก็รีบขึ้นห้องเพื่อมาดูว่าซันส่งข้อความมาหรือยัง แต่ปรากฏว่าตั้งนานแล้วก็ยังไม่มีวี่แววของเขาเลย.
“เขายังไม่ถึงบ้านหรอ? ก็ไม่น่าใช่ หรือว่าเขาลืม ไม่หรอกมั้ง? เอ๊ะ หรือว่าเขาจะโกรธฉัน แล้วเขาโกรธฉันเรื่องอะไร? โอ๊ยยย หัวจะปวด” ฉันล้มตัวลงนอนชักดิ้นชักงออยู่บนเตียง ในใจก็คิดไปต่างๆ นาๆ จนสุดท้ายก็ผล็อยหลับไปแบบไม่รู้ตัว
