Episode-๐๙ แสดงความรับผิดชอบ
“อาทิตย์หน้าจะเดินทางแล้วนะ ตื่นเต้นไหมสายธาร”
“ไม่อ่ะ หนูห่วงแม่มากกว่า”
“ห่วงอะไรแม่อยู่ได้”
“แต่เราไม่เคยห่างกันเลย อีกอย่างขาดหนูไปแล้วใครจะเถียงแม่ล่ะ”
“ฮ่า ๆ ไว้แม่จะขึ้นไปเถียงกับแกที่โน่นเองโอเคนะ”
“แม่อ่า...” พลางเข้าไปสวมกอดไว้ เป็นอ้อมกอดที่ฉันไม่ค่อยได้กอดสักเท่าไหร่แต่กลับให้ความรู้สึกมากมายจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้เลยค่ะ
“หมอนัดเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้ค่ะ”
“สายธารน้อยดิ้นบ้างไหมเนี่ย” แม่เอ่ยพลางยื่นมือมาสัมผัสบริเวณหน้าท้องของฉัน
“ดิ้น... เป็นยังไงเหรอแม่”
“สายธาร!”
“ก็หนูไม่รู้นี่”
“โอเค! ฟังแม่นะ มันจะรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างดุ๊กดิ๊กอยู่ตรงนี้” แม่พยายามอธิบายให้ฉันเข้าใจอีกทั้งยังวางมือลงบริเวณท้องน้อยของฉันอีกด้วย “ตรงนี้ลูกต้องหมั่นสังเกตตัวเองนะ”
“แล้วจะเจ็บไหมอ่ะ”
“ฮ่า ๆ ไม่สิ จะรู้สึกมีความสุขอยากเห็นหน้า อยากอุ้มประมาณนี้”
“เหรอคะ” มองหน้าแม่อย่างไม่น่าเชื่อสักเท่าไหร่ เด็กทั้งคนเขาอยู่ในท้องเราได้ยังไงนะ?
“อย่าคิดมากสิ กลไกรธรรมชาติไม่เจ็บหรอกเชื่อแม่”
“ก็ได้”
“งั้นแม่ไปนอนก่อนนะคืนนี้ต้องทำงานอีก”
“โอเค ฝันดีตอนกลางวันค่ะ”
“เดินระวัง ๆ ด้วยล่ะ” กำชับเป็นรอบที่ล้านแล้วมั้งคะ
เช้าอีกวันฉันก็มาคนเดียวอีกเช่นเคยเนื่องจากแม่ทำโอที แต่ก็ไม่เป็นไรไปไหนมาไหนคนเดียวจนชินแล้วค่ะ มาถึงคลินิกก็ยื่นบัตรนั่งรอพบคุณหมอตามปกติ
ที่ไม่ปกติคือมีผู้ชายสามคนที่นั่งข้างฉันต่างหาก เขาสวมหน้ากากอนามัยใส่หมวกปิดหน้ามิดชิด ตอนแรกก็คิดว่าคงเป็นสามีใครในที่นี้แหละ แต่พอกวาดสายตาไปรอบบริเวณแล้วไม่ใช่เลยเพราะทุกคนมีคู่หมดยกเว้นฉันคนเดียว บอกตามตรงว่ากลัวค่ะรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก พวกเขานิ่งมาก... เป็นอยู่แบบนั้นจนกระทั่งถึงคิวฉัน
“ยี่สิบสี่สัปดาห์แล้วเดี๋ยววันนี้เราจะมาอัลตร้าซาวด์กันนะคะ ไม่ทราบว่าคุณพ่อมาด้วยไหมเอ่ย”
“ไม่...”
“มาครับ”
“...” ปากกำลังจะขยับบอกคุณหมอว่าไม่มีแต่ใครบางคนกลับเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน เขาหยุดยืนข้างฉันพวกเราสบตากันนิ่ง ๆ ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
“ถ้างั้นเชิญเข้าห้องตรวจเลยค่ะ”
ยังไม่ทันได้พูดอะไรแขนข้างหนึ่งก็ถูกคว้าไปจับอย่างถือวิสาสะ ฉันงุนงงและยังคงจ้องเขาไม่วางตาแต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้พูดเพราะคุณหมอตรวจหน้าท้องนูน ๆ ของฉันซะก่อน เขาก็ไม่ออกไปไหนนะคะยืนจ้องอยู่แบบนั้น หลังจากนั้นคุณหมอก็ทาเจลเย็น ๆ บนหน้าท้องฉัน ไม่นานสิ่งมีชีวิตตัวน้อยก็ปรากฏบนจอตรงหน้า
“เห็นที่กำลังเต้นตรงนี้ไหมคะ นี่คือหัวใจค่ะ แขนตรงนี้ ขาตรงนี้”
“ผู้หญิงหรือผู้ชายครับ” เขาเอ่ยถามอย่างถือวิสาสะ
“ผู้ชายค่ะคุณพ่อ”
“ครับ” ขานรับอย่างเข้าใจก่อนจะหันมาสบตากับฉันอีกครั้ง
“ยาบำรุงใกล้หมดหรือยังคะ”
“เหลืออยู่นิดหน่อยค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวหมอให้เพิ่มเนอะ จ่ายเงินและรอรับยาด้านนอกได้เลยค่ะ”
“ค่ะ”
ออกจากห้องตรวจฉันก็มานั่งรอที่เดิมแถมผู้ชายคนนั้นก็ยังนั่งลงข้างฉันอีกด้วย
“พี่เป็นใครคะ?” ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“...” แต่เขากลับเงียบและใช้สายตาเย็นชามองฉันแทนคำตอบ
“ถึงคิวคุณแล้วผมไปรับยาให้เอง” ผู้ชายที่นั่งข้างเขาเอ่ยขึ้นก่อนจะลุกไปจ่ายเงินและรับยามาให้ฉัน นี่มันบ้าบออะไรกัน
“พวกพี่เป็นใคร?” ฉันยังคงตั้งคำถามอีกครั้งแต่มันก็ยังไม่ได้คำตอบ
“ไม่ทำอะไรเธอหรอก” เขาพูดขึ้นมาห้วน ๆ ก่อนจะจับมือฉันให้เดินตามออกมาที่รถ
“นี่ปล่อยนะ!!”
“อยู่นิ่ง ๆ เดี๋ยวก็ล้มไปหรอก”
เมื่อบังคับขึ้นมาบนรถสำเร็จเขาจึงถอดหน้ากากอนามัยออกเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง ดวงตาคมกริบที่เขามองมามันคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
“ไปบ้านเธอ”
“ครับนาย”
เขาออกคำสั่งกับพี่สองคนนั้นแต่ที่หน้าแปลกคือรู้ด้วยว่าบ้านฉันอยู่ตรงไหน ระหว่างทางมันเงียบมากฉันเหมือนคนจิตตกเลยค่ะ หวาดระแวงตลอดเวลา เมื่อถึงบ้านฉันรีบลงจากรถทันทีโชคดีที่แม่กลับมาแล้ว
“นี่! ทำไมเธอไม่ระวังตัวเองเลยวะ” ไม่ได้สนใจว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“แม่!!”
“สายธาร! พวกเขาเป็นใครเหรอ” แม่เอ่ยถามเมื่อเห็นฉันมากับพวกเขา
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอก สำคัญตรงที่ผมเป็นพ่อของเด็กในท้อง” เขาตอบเสียงดังฟังชัดแถมยังยืนกรานอย่างหนักแน่นอีกด้วย
“พี่มั่วแล้ว! เราไม่เคยเจอกันสักหน่อย” ฉันค้านขึ้นมาบ้าง
“แน่ใจเหรอ? แล้วนี่ใช่ของเธอหรือเปล่ามันตกอยู่บนที่นอนฉัน” เขาพูดขึ้นอย่างใจเย็นก่อนจะยื่นสิ่งหนึ่งมาตรงหน้าฉัน มันคือบัตรประจำตัวนักเรียนค่ะและแน่นอนว่ามันเป็นของฉันจริง ๆ
“...”
“เป็นผู้หญิงภาษาอะไรนอนกับใครยังไม่รู้อีก เธอโตมาแบบไหนกัน”
“สายธาร!! ที่เขาพูดหมายความว่ายังไง?”
“แม่หนูเมาอ่ะ แล้วก็เลยเอ่อ ...”
“ฉันขอคุยกับคุณค่ะ” เมื่อไม่ได้คำตอบจากฉันแม่จึงหันไปสนใจเขาคนนั้นแทน เขาคุยกันอยู่ตรงมุมหนึ่งของบ้านส่วนฉันนั่งอยู่กับผู้ชายหน้านิ่งอีกสองคน บอกตามตรงว่าทำตัวไม่ถูกไม่ว่าสิ่งที่เขาพูดจะเป็นความจริงหรือไม่ ฉันก็ไม่ต้องการให้เขามาแสดงความรับผิดชอบอะไรทั้งนั้นแหละ ไม่นานแม่ก็เดินกลับมาหาฉันพร้อมกับประโยคที่ทำให้ฉันหูดับไปชั่วขณะ
“ลูกต้องไปอยู่กับเขา”
“แม่!! หนูไม่ไปนะ เขาเป็นใครก็ไม่รู้”
“ไม่ไปกับฉันก็ได้ แต่ถ้าคลอดเมื่อไหร่ฉันจะมารับลูกไปอยู่ด้วย” เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“แน่ใจเหรอว่าตัวเองเป็นพ่อน่ะ ขนาดตัวหนูเองหนูยังไม่รู้เลยว่านอนกับใคร” ฉันพูดออกไปตามความจริง ตัวฉันเองฉันยังไม่รู้เลยแล้วเขาเป็นใครถึงได้รู้ดีกว่าฉัน
“...”
“หรือต่อให้มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ พี่ก็ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้นแหละเพราะหนูไม่ต้องการ หนูเลี้ยงเขาได้”
“เอาแต่ใจตัวเอง!! คิดเอง!! เออเอง!! ไม่ถามลูกหน่อยเหรอว่าอยากมีพ่อหรือเปล่า”
“...” คำพูดนี้เหมือนมีมีดนับร้อยเล่มทิ่มแทงในใจฉัน เขากำลังบีบบังคับให้ฉันไม่มีทางเลือก
“ตรวจดีเอ็นเอไหมล่ะ?”
“...”
“ถ้าใช่ เธอต้องยกลูกให้ฉัน”
“ไม่มีทาง!!”
“ถ้างั้นก็ไปกับฉัน”
“แม่...” น้ำตาไหลลงมาแล้วเรียบร้อย เขาเป็นใคร ชื่ออะไร ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำ อยู่ ๆ ก็มาตามรับผิดชอบทั้งที่ไม่ได้ร้องขอสักนิด
“คิดถึงลูกไว้เยอะ ๆ นะสายธารให้เขาอยู่อย่างสุขสบายมีชีวิตที่ดี มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ” ฉันเข้าใจที่แม่พูดนะคะ แต่ฉันกลัวนี่...
“นายไม่ทำอะไรคุณหรอกสบายใจได้”
“พวกเราจะดูแลคุณเป็นอย่างดีครับ” สองคนนี้คงเป็นบอดี้การ์ดคู่ใจของเขาสินะ
“ไม่ไปไม่ได้เหรอคะ อึก... หนูอยากอยู่กับแม่” ฉันเริ่มต่อรองกับเขาอีกครั้งแต่เหมือนจะไม่ได้ผลเลยค่ะ
“อีกสามวันฉันจะมารับ” แทนที่จะสนใจคำพูดของฉันแต่เปล่าเลยเขากลับยื่นคำขาดกับฉันเสียดื้อ ๆ
“ไม่เป็นไรนะ แม่เชื่อว่าลูกจะสุขสบาย” คล้อยหลังพวกเขาแม่ก็กอดปลอบฉันทันที
“แต่หนูกลัว”
“คูณธีร์เขาไม่ปล่อยให้ลูกลำบากหรอก รู้ไหมว่าเขาเป็นถึงมาเฟียเชียวนะ แกไปทำอีท่าไหนถึงไปท้องกับเขาได้”
“นะ หนูไม่รู้ หนูเมา ตอนนั้นหนูแค่อยากประชดชีวิต”
“แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าอะไรที่มันผิดพลาดไปแล้วมันแก้ไขไม่ได้”
“ฮึก! จะทำยังไงดีคะ หนูไม่อยากไปอยู่กับเขา”
ฉันยังคงพร่ำร้องอยู่แบบนั้น ยิ่งได้รู้ว่าเขาเป็นผู้มีอิทธิพลกว้างขวางฉันยิ่งกลัวขึ้นไปอีกมันอาจจะเป็นเรื่องดีที่ลูกฉันมีพ่อ แต่มันไม่ดีก็ตรงที่ระหว่างเรามันเป็นแค่ความผิดพลาด เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ ฉันไม่ยังพร้อม...
