ตอนที่5 เหมือนถูกขัง
“ก็ได้ แต่คุณต้องอยู่กับผมตลอดเวลาที่ยังไม่ได้เอาเด็กออก”
“ประเทศไทยใช่ไหม” อ้อมแอ้มถามชายหนุ่มอีกรอบ
“อืม” รับคำหญิงสาวขณะรูดซิบกระเป๋าหนังสีดำคว้าเสื้อเชิ้ตของเขาพร้อมกับผ้าขนหนูโยนให้กลิ่นชวา
“เอาไปเปลี่ยนก่อนจะหนาวตาย”
กลิ่นชวารวบเสื้อเชิ้ตกับผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามคำสั่งของมาเฟียหนุ่ม ทำมาเป็นว่าเธอจะหนาวตาย เขาสิจะเลือดออกหมดตัวตายก่อนล่ะไม่ว่า
“พอจะปิดอะไรได้หน่อย” กลิ่นชวาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกออกแล้วสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ของวาดิม พร้อมกับเอาผ้าขนหนูพันตัวเอาไว้อีกรอบ ก็พอจะมั่นใจที่จะเดินออกไปเผชิญหน้ากับคนข้างนอกหน่อย
เดินออกมาเธอก็เห็นวาดิมกำลังทำแผล ข้างตัวเต็มไปด้วยสำลีที่เปื้อนเลือด เธออยากจะเป็นลมเสียตอนนี้ให้ได้ แต่ก็ต้องทำใจสู้ทำคะแนนให้ชายหนุ่มได้เห็นความดีโดยการเดินไปนั่งข้างๆ แล้วช่วยเขาทำแผล
“ไม่กลัวเลือดหรือไง”
“ก็ กลัวบ้าง แต่เห็นท่าคุณทำแผลเองน่าจะไม่ถนัด ฉันก็เลยอยากช่วย ถ้าขึ้นฝั่งแล้วฉันว่าคุณน่าจะไปโรงพยาบาลดีกว่านะ”
“ผมไม่อยากถูกซักประวัติ แผลแค่นี้ไม่ทำให้ผมตายง่ายๆ หรอก”
กลิ่นชวากัดฟันข่มใจไม่ให้โต้ตอบอะไรกับอีกฝ่าย หากเขาอยากจะอวดว่าตัวเองแข็งแกร่งดั่งหินผาก็ช่างเขา แต่ถ้าแผลติดเชื้อขึ้นมาเธอจะหัวเราะให้
“แล้วคุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนมาทำร้ายคุณ”
“รู้”
“แจ้งความจับเลยสิ”
“แจ้งไปก็เท่านั้น”
“อ้าว ไม่อยากจับคนร้ายที่ทำร้ายตัวเองหรือไงคะ”
“พวกนี้หายไปก็มีพวกใหม่มา ชีวิตอย่างผมมันไม่มีความปลอดภัยอยู่ในชีวิตอยู่แล้ว” ชีวิตของเขาเกิดมาก็อยู่ท่ามกลางลูกกระสุนปืนมาตั้งแต่จำความได้แล้ว กฎหมายไม่เคยใช้ได้เลยในชีวิตของเขา เท่าที่เคยพิพากษาคนที่ทำร้ายเขาก็มีแต่ความตายเท่านั้นที่เขามอบให้ มือของเขามันเปื้อนเลือดมามาก แล้วเขาก็ไม่อยากทำให้ใครต้องตายอีก ถ้าไม่จำเป็น
“วิถีมาเฟียสินะ แล้วถ้าฉันอยู่ใกล้คุณฉันจะปลอดภัยใช่ไหม” สาวเจ้าชักเริ่มร้อนๆ หนาวๆ เสียแล้ว เพราะความตั้งใจของเธอไม่ได้อยู่กับวาดิมแค่ชั่วคราว แต่อาจจะเป็นทั้งชีวิตหากเธอต้องการที่จะเก็บลูกเอาไว้
“ถ้าทำทุกอย่างตามที่ผมสั่งคุณก็จะปลอดภัย” พูดจบก็เดินไปที่หัวเรือเพื่อบังคับเรือให้แล่นกลับเข้าฝั่ง
ส่วนกลิ่นชวาที่นั่งเก็บอุปกรณ์ทำแผลก็นั่งหน้ามุ่ยคิดไม่ตก ทำตามที่เขาสั่งจะปลอดภัย เธอไม่เชื่อคำนี้ของเขาเด็ดขาด เพราะแค่คำสั่งที่เขาให้เธอเอาลูกออกเธอก็ไม่สามารถทำตามได้แล้ว ชีวิตของเธอมันเหมือนหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ คิดแล้วก็อยากจะตะโกนด่าฟ้าดินสักวันละสามครั้งหลังอาหาร
ขับเรือมาเทียบท่าที่ฝั่งได้วาดิมและกลิ่นชวาก็มีรถตู้คันหรูสีดำขับมารับพวกเขาทั้งสองแล้วพาไปที่เซฟเฮ้าส์ทันที กลิ่นชวาไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ให้เดาก็รู้แค่ว่าไม่ไกลจากท่าเรือที่เธอเพิ่งขึ้นมานัก เพราะรถวิ่งไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เข้ามาจอดที่หน้าบ้านชั้นเดียวสีเทาขนาดใหญ่สไตล์โมเดิร์นที่มีรั้วรอบขอบชิด
นี่เธอกำลังจะถูกขังอยู่ที่นี่อย่างนั้นเหรอ “ฉันต้องอยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอคะ แล้วจะออกไปไหนได้บ้างไหม”
“ใช่ คุณจะต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะครบสองเดือน ถ้ามีเหตุจำเป็นจะต้องออกไปข้างนอกจริงๆ คุณก็จะต้องมีผมหรือไม่ก็คนของผมไปด้วยภายในเวลาที่จำกัด”
ได้ยินคำตอบของวาดิมกลิ่นชวาก็หน้าเจื่อนหมดอาลัยตายอยากขึ้นมาทันที แล้วถ้าอีกสองเดือนเธอยังทำให้เขารักเธอไม่ได้ไม่วายถูกรีดลูกในท้องโดยที่ขัดขืนอะไรไม่ได้แน่
“แล้วถ้าฉันอยากคุยกับเพื่อนบ้างล่ะคะ”
“ผมอนุญาตให้คุณคุยได้แค่พิริสา แต่คุยกันได้แค่เดือนละครั้งเท่านั้น การคุยในแต่ละครั้งจะไม่ผ่านโทรศัพท์ ผมจะให้คนไปรับพิริสาแล้วมาหาคุณที่นี่”
“ไม่มีข้อแม้อะไรแล้วใช่ไหมคะ”
“ข้อแม้ก็คือห้ามทำผิดกฎ ไม่อย่างงั้นผมก็จะไม่รักษาสัญญา”
“ค่ะ” หญิงสาวเดินคอตกตามวาดิมเข้ามาในบ้าน สภาพด้านในก็กว้างขวางมีเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างเป็นสีขาวสลับสีเทาสบายตา ทว่าในใจของเธอตอนนี้ไม่ได้สบายเหมือนที่อยู่เลย
“นี่ห้องนอนใหญ่ ผมจะนอนกับคุณทุกคืน ส่วนเสื้อผ้ากับข้าวของเครื่องใช้คนของผมเตรียมเอาไว้ให้คุณหมดแล้ว”
ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปยังห้องนอนใหญ่ที่ด้านในกว้างขวาง กลางห้องวางเตียงคิงไซส์สีเทา มีโคมไฟใหญ่ตั้งวางบนตู้ลิ้นชักสีขาวข้างหัวเตียง กำแพงหลังห้องเป็นกระจกทั้งหมด ปิดด้วยผ้าม่านสีเทา
จะว่าไปบ้านหลังนี้หากมีแจกันดอกไม้ตั้งวางไว้ตรงไหนสักที่ก็น่าจะเพิ่มความสดใสให้กับบ้านได้ไม่น้อย เธอต้องอยู่ที่นี่สองเดือน เดินไปเดินมาในอาณาเขตรอบบ้านซ้ำไปซ้ำมาคงน่าเบื่อมากแน่นอน
“มีมือถือให้เล่นไหมคะ”
“มี แต่ผมขอบอกเอาไว้ก่อนว่าไม่ว่าคุณจะทำอะไรในมือถือ ผมจะรู้ความเคลื่อนไหวของคุณทุกอย่าง”
“งั้นขอสมุดไดอารี่เล่มหนา แล้วก็สมุดภาพระบายสีแล้วก็หนังสือเอาไว้ให้ฉันอ่านหลายๆ เล่มด้วยค่ะ”
“ได้ ผมให้คนเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
“คะ?” อีตานี่จับคนมาขังเอาไว้บ่อยจนชำนาญแล้วใช่ไหมเนี่ย
“สงสัยอะไร”
“อ่อ เปล่าค่ะ เอ่อ...ฉันชอบทำอาหาร ฉันขอทำอาหารเองนะคะ”
“ดี จะได้ไม่ต้องรบกวนคนของผม อยากได้อะไรอีกก็บอกอีวานก็แล้วกัน ผมจะไปนั่งที่ห้องทำงาน กรุณาอย่ามารบกวนผมในห้องนั้น”
“คุณไม่คิดจะพักผ่อนหน่อยเหรอ” เอ่ยถามกับคนที่กำลังหันหลังให้
“ไม่”
“แล้วคุณชอบทานอะไรคะ เผื่อว่าฉันจะทำได้”
และแล้ววาดิมก็ไม่คิดจะให้คำตอบอะไรเธอ เขาเดินหายเข้าไปในห้องทำงานที่อยู่ติดกับห้องนั่งเล่นโดยไม่คิดที่จะหันกลับมาสนทนากับเธอแม้แต่คำเดียว
“ตอบมาสักคำไม่ได้รึไง ขอให้แผลติดเชื้อเป็นไข้นอนซมสักอาทิตย์ ชิ!” ถ้าไม่ติดว่าเขาอยู่เหนือกว่าเธออย่าหวังเลยว่าเธอจะมาคอยเอาใจ
กลิ่นชวาเดินเข้ามาในห้อง เธอปิดประตูล็อคกลอนแน่นหนาก่อนจะเดินตรงไปยังโซนแต่งตัวเพื่อหาเสื้อผ้าเปลี่ยน อยากจะรู้ว่าวาดิมจะให้คนเตรียมของทุกอย่างเอาไว้ให้เธอเรียบร้อยจริงหรือเปล่า
หญิงสาวเดินไล่ดูตามตู้เสื้อผ้าที่บิวท์อินที่เปิดเอาไว้โล่งในโซนห้องแต่งตัว เสื้อผ้าที่เขาเตรียมเอาไว้ให้มีทั้งชุดที่เป็นเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นขายาวสีพื้นธรรมดา แต่เป็นของแบรนด์เนมทั้งนั้น
เดินดูจนไปถึงอีกล็อกก็เห็นเป็นชุดเดรสหลากหลายหลายแบรนด์ เธอขมวดคิ้วมุ่นที่เห็นว่าเขาเตรียมของพวกนี้เอาไว้ให้ เพราะการที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้มีโอกาสแต่งตัวเฉิดฉายที่ไหนอยู่แล้ว
ถัดไปก็เป็นพวกชุดนอนเดรสตัวยาวธรรมดาๆ แต่ทำให้เธอตาค้างชะงักงันไปชั่วขณะก็เพราะเห็นตู้เคาท์เตอร์กระจกที่เต็มไปด้วยชุดชั้นในหลากหลายสีราวกับว่าที่นี่เป็นร้านขายชุดชั้นใน ไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มต้องซื้อมาเยอะจนเกินความจำเป็นด้วย
“ซื้อไม่ถูกก็น่าจะถามกันก่อน” ให้เดาที่เห็นเยอะเชื่อว่าวาดิมคงสั่งคนให้เลือกมาหลายไซส์เพราะไม่รู้ขนาดหน้าอกของเธอแน่นอน ทว่าเมื่อเลื่อนกระจกเปิดดูคร่าวๆ แล้วก็เห็นว่าทุกตัวเป็นขนาดของเธอทั้งนั้น เท่ากับว่าเขาก็รู้ว่าเธอสวมชุดชั้นในไซส์อะไร แล้วทำไมต้องซื้อมาเยอะแยะ
“เป็นพวกคลั่งชุดชั้นในหรือเปล่าเนี่ย”
“ทำอะไร”
“ว๊าย!!” ตกใจนโยนชุดชั้นในลายเสือในมือไปที่หน้าของชายหนุ่ม
วาดิมดึงบราที่หญิงสาวเพิ่งจะปาใส่หน้าของเขาออก จากนั้นก็ปามันลงไปที่ตู้เคาท์เตอร์เช่นเดิม
“ตกใจอะไร”
“ก็ฉันล็อคห้องแล้ว คุณเข้ามาได้ไง”
“นี่มันบ้านผม ถึงคุณจะมุดดินหนีผมก็ไปหาคุณได้”
