ตอนที่2 รู้หรือเปล่าว่าพ่อของลูกเป็นใคร
‘ไม่ใช่ห้องนอนเรานี่’ เสียงในหัวดังขึ้นเมื่อดวงตากลมโตเปิดกว้างมองรอบตัวได้เต็มที่ คิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดเมื่อจำเหตุการณ์สุดท้ายก่อนที่ภาพจะมืดสนิทลงไป “ลูกน้องอีตานั่น”
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงของคนที่พูดภาษาไทยไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นักทำให้กลิ่นชวาหลุดจากภวังค์ความคิด
“คุณ!” เธอชันตัวถอยกรูดจนหลังไปแนบชิดติดกับหัวเตียงกว้าง ความมึนงงจากยาสลบหายไปปลิดทิ้งเมื่อเจอสายตาพิฆาตของชายหนุ่ม
“คืนนั้นทำไมไม่ป้องกัน ทั้งที่บอกกับผมว่าจะป้องกันเอง” วาดิมยืนกอดอกโพล่งถามหญิงสาวที่นั่งหน้าฉงนบนเตียงถึงประเด็นที่ตนอยากรู้
“อะไรของคุณ แล้วทำไมฉันมาอยู่ที่นี่” รู้ว่าอีกฝ่ายจะสื่อถึงอะไรแต่ก็ทำไขสือเพราะไม่อยากให้เขามายุ่งเกี่ยวอะไรกับลูกของเธอ ไหนเพื่อนเธอบอกว่าวาดิมไม่ค่อยมาที่ประเทศไทยบ่อยไง ผ่านไปไม่ถึงสองเดือนทำไมเขาโผล่หัวมาอยู่ตรงหน้าของเธอได้
“ผมคิดว่าคุณน่าจะฉลาดพอจะรู้ว่าผมต้องการคำตอบอะไร”
“คุณจะมายุ่งอะไรกับฉัน”
“ผมต้องยุ่งเพราะคุณกำลังจะทำให้ตัวปัญหาใหญ่เกิดมา และผมก็ยอมให้มันเกิดไม่ได้” เขาเอ่ยเสียงแข็งอย่างหัวเสีย เขาจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ไม่ได้ คนอย่างเขาไม่อยากมีครอบครัว หากอีกหนึ่งชีวิตที่เกิดมาแล้วทำให้เขาต้องมีปัญหาชีวิตเพิ่มขึ้นเขายอมให้มันเป็นเช่นนั้นไม่ได้
“ฉันรับผิดชอบลูกคนนี้เองได้ คุณแค่อย่ามายุ่งกับฉันก็พอ คิดซะว่าคืนนั้นมันเป็นเรื่องผิดพลาดก็แล้วกันนะ”
“ผิดพลาดงั้นเหรอ? เข้ามา” เขาหันหน้าไปที่ประตูก่อนจะตะโกนเสียงดังให้ใครบางคนเข้ามา
เป็นพิริสาเดินหน้าเจื่อนกล้าๆ กลัวๆ เข้ามาในห้องหลังสิ้นเสียงเรียกของวาดิม
“ริสา!!”
“เค้าเค้นฉันจนฉันบอกความจริงไปหมดแล้ว” ริสาเข้าไปนั่งกอดกับกลิ่นชวาแน่น หลังจากที่เธอแยกกับกลิ่นชวาก็ถูกเจ้านายเรียกให้ไปหาที่บริษัทแล้วก็ถูกเค้นเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
คราแรกเธอก็ปฏิเสธทุกอย่างแต่สุดท้ายก็ต้องจำนนด้วยหลักฐานกล้องวงจรปิดที่เธอแอบผสมยาปลุกเซ็กส์ในแก้วเครื่องดื่มของวาดิม เลยต้องสารภาพไปทั้งหมดว่ากลิ่นชวาต้องการจะมีลูกเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปแต่งงานกับเจ้าหนี้ของแม่เลี้ยง เธอก็เลยช่วยเพื่อนด้วยการจัดการให้วาดิมนอนกับกลิ่นชวา
“ความเห็นแก่ตัวของคุณมันทำให้ตัวผมกำลังเดือดร้อนรู้ไหม” วาดิมสาดเสียงแข็งใส่กลิ่นชวากับเพื่อนของเธอที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาเป็นพ่อคนโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
“ถ้าคุณไม่มานอนกับฉันทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นไหมล่ะ อย่ามาว่าฉันเห็นแก่ตัวอย่างเดียวเลย คุณมันก็เห็นแก่ได้เหมือนกันนั่นแหละ” กลิ่นชวายังไม่เลิกปากเก่ง เด็กคนนี้จะเกิดมาไม่ได้หากเขาไม่ร่วมกระทำกับเธอด้วย ทั้งหมดทั้งมวลมันก็ไม่ใช่ผลงานของเธอคนเดียวเสียเมื่อไหร่
“ถ้าพวกคุณไม่วางยาผมวันนั้นผมคงจะมีสติไม่หลงเชื่อคุณว่าไม่ต้องป้องกัน”
กลิ่นชวาหันไปถลึงตากับเพื่อนรัก ส่วนพิริสาก็ได้แต่พยักหน้าน้อยๆ รายละเอียดความจริงเป็นเช่นไรเธอถูกบังคับให้เล่าให้หมดไปแล้วจริงๆ
“ช่างเหอะน่า เด็กคนนี้ฉันรับผิดชอบเองได้คุณไม่ต้องห่วงว่าฉันจะให้ลูกไปยุ่งกับคุณหรอก พูดจริงสาบานเลย”
“ผมนัดหมอเอาไว้แล้ว ผมจะพาคุณไปเอาเด็กออก”
“ไม่นะ อย่าเห็นแก่ตัวสิ เด็กน้อยตาดำๆ คนนึงกำลังจะลืมตาดูโลกเลยนะ ถึงคุณไม่รักเค้าแต่ฉันรัก คนไม่มีหัวใจอย่างคุณไม่เข้าใจหรอก”
วาดิมยืนจ้องตากับกลิ่นชวาอย่างไม่มีใครยอมใคร ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นชายหนุ่มก็คว้าปืนออกมาจากเอวและจ่อปลายกระบอกปืนสั้นไปที่หน้าท้องของหญิงสาว
“อ๊าย/ว๊าย” สองสาวสวยตกใจกอดกันแน่นขึ้นกว่าเดิม แต่มิวายคนที่ไม่ค่อยจะยอมใครง่ายๆ อย่างกลิ่นชวาก็รีบตั้งสติและหันมาต่อว่าวาดิมอีกรอบ
“พ่อแม่คุณรู้ไหมเนี่ยว่าคุณเป็นคนแบบนี้ เกิดเป็นลูกผู้ชายซะเปล่าไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลย” แม้หัวใจจะเต้นจนแทบจะหลุดกระเด็นออกมาข้างนอกแต่กลิ่นชวาก็ยังทำใจดีสู้เสือ พูดไปจ้องตาชายหนุ่มไปไม่สะทกสะท้าน
“พอเถอะว่าน” พิริสาที่กลัวจนตัวสั่นรีบปรามให้เพื่อนรักสงบปากก่อนที่จะตายกันหมด
ตอนนี้พิริสารู้แล้วว่าวาดิมอยู่ระดับไหน เขาสามารถทำให้พวกเธอหายสาบสูญไปได้แค่ไม่กี่วินาที แถมใครก็เอาผิดคนอย่างเขาง่ายๆ ไม่ได้ด้วย หากย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่ล็อคเขาเป็นเป้าหมายให้กลิ่นชวาเลย
“จะไปไหนล่ะ ไม่ยิงฉัน...ล อื้อ” พิริสายกมือปิดปากกลิ่นชวาขณะที่เพื่อนเธอกำลังพูดตามหลังวาดิมที่กำลังเดินออกไปจากห้อง
“อยากตายมากหรือไงถึงได้พูดแบบนั้นน่ะ” พิริสาในตอนนี้สั่นไปทั้งตัว
“ไม่ตายหรอก อีตานั่นไม่กล้ามาทำผิดที่บ้านเมืองเราหรอก”
“ไม่กล้ากับผีอะไรล่ะ รู้ไหมว่าพ่อของลูกแกเค้าเป็นใคร”
“ก็แค่นักธุรกิจเพื่อนเจ้านายแกไม่ใช่หรือไง คงจะรวยพอๆ กับเจ้านายแกใช่ไหมล่ะ”
“หัวหน้ามาเฟียค้าอาวุธที่รัสเซียเลยโว้ย สามารถทำให้เราหายไปโดยที่ไม่มีใครเอาผิดได้ด้วย พูดแล้วฉันก็อยากจะร้องให้ เมื่อกี้ที่แกท้าทายเค้า ฉันฉี่จะราดอยู่แล้วรู้ไหม” พูดไปปาดน้ำตาไป ไอ้ที่บอกว่าพูดแล้วอยากจะร้องให้น้ำตามันไหลมาก่อนคำพูดแล้ว
“อ้าว แกหาใครมาให้ฉันเนี่ย? ไหนบอกแค่นักธุรกิจธรรมดาไง” ตัวของกลิ่นชวาชาวาบตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมายังใบหน้า ตอนนี้ก็กำลังรู้สึกขนหัวลุกกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ตอนนี้เหมือนเธอกำลังขึ้นหลังเสือไปแล้วเลย จะเอายังไงกับชีวิตต่อไปดีล่ะเนี่ย
ปั้ง ปั้ง ปั้ง “อ๊าย” เสียงกรีดร้องของพิริสาและเสียงปืนทำกลิ่นชวาสะดุ้งเฮือก และสองสาวก็ต้องตกใจทวีเป็นเท่าตัวเมื่อเห็นเดมามือซ้ายของวาดิมถือปืนวิ่งเข้ามาในห้องของพวกเธอขณะที่ข้างนอกก็ยังมีเสียงปืนดังไม่ขาด
“จะมาฆ่าพวกฉันเหรอ” พิริสามองไปยังเดมาด้วยสีหน้าตื่นกลัวสุดชีวิต เพราะยังใจจดใจจ่อปักใจเชื่อว่าตัวเองกำลังจะถูกยิงเป้า
“ตามผมมา ข้างนอกกำลังมีอันตรายครับ”
“ไม่ไปอะ หลอกฉันไปฆ่าหรือเปล่าก็ไม่รู้” กลิ่นชวาดึงมือพิริสาไปหลบที่มุมห้อง
“ตอนนี้มีคนร้ายลอบทำร้ายคุณวาดิม ผมต้องพาพวกคุณไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ถ้าพวกคุณอยากตายที่นี่ก็ไม่ต้องตามผมมา” เดมาส่ายหัวสองสามครั้งแล้ววิ่งออกจากห้องไป
สองสาวหันมามองหน้ากันเพียงเสี้ยววินาทีก็วิ่งตามเดมาออกไปพวกเธอไม่รู้หรอกว่าเดมาพูดจริงหรือพูดเล่น อย่างน้อยการออกไปจากห้องนี้ก็มีโอกาสให้เธอได้หนีมากกว่า
ปั้ง “อ๊าย/อ๊าย” ออกมาจากห้องได้ก็สองสาวกรีดร้องลั่นเมื่อเห็นเดมายิงชายชุดดำต่อหน้าต่อตา
“ตามมาทางนี้ครับ”
สิ้นเสียงเดมาตะโกนสองสาวก็วิ่งสับขาตามหลังเขาไปอย่างรวดเร็ว ด้วยไม่ได้อยากมาจบชีวิตอนาถอยู่ที่นี่
