ตอนที่ 7 กลับมาเจอกันอีกครั้ง
“ดูสิ ลูกแกหน้าเหมือนฉันมากเลย น่ารักที่สุด หลานป้า”
หลังจากวันแต่งงานของอลิษากับคิริวเพียงแค่วันเดียว มัสยาก็คลอดลูกชายตัวจ้ำม่ำ สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันจึงเลื่อนทริปฮันนีมูนไปก่อนเพื่อมาช่วยเลี้ยงหลาน
คุณป้ายังสาวจำต้องขี้ตู่ว่าหลานชายที่นอนตาแป๋วอยู่ในเตียงนอนเด็กนั้นหน้าเหมือนตัวเองด้วยกลัวว่าเพื่อนรักจะสะเทือนใจคิดถึงความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น เพราะใบหน้ากลมป้อมนั้นทุกสัดส่วนไม่มีส่วนใดเหมือนมัสยาเลย ดันกระเดียดไปทางสายฟ้าจนเหมือนกันราวกับฝาแฝด นี่สินะที่เขาเรียกว่า DNA อยู่บนใบหน้า
แต่เปล่าเลยสักนิด เมื่อคนเข้มแข็งยอมรับความจริงได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ
“จะไปเหมือนแกได้ไง แกเบ่งเจ้าอ้วนนี่ออกมาเหรอ ขนาดฉันเบ่งออกมาเจ็บแทบตาย ยังไม่มีอะไรเหมือนฉันสักนิด ไปเหมือนหมอนั่นหมดแม้กระทั่งเพศ ไม่ยุติธรรมเลย”
อลิษาหันไปส่งยิ้มแหยกับสามี พยายามแล้วที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของเพื่อนรัก แต่มันก็ไม่ได้ง่ายดายแบบนั้นเมื่อหลักฐานทุกอย่างก็เห็นกันอยู่ทนโท่
“เออน่า แต่ยังไงต้าวอ้วนนี่ก็เป็นของแกนะ ของแกคนเดียว ไม่ได้แบ่งใคร ยกเว้นฉันกับริว”
“ขอบใจแกมากนะลิซ นายด้วยนะริว ขอบคุณมาก ๆ ที่ช่วยเหลือฉันกับลูกทุกอย่าง”
“คิดมากน่าเมี่ยง เธอเป็นเพื่อนรักเมียฉัน ก็ต้องเป็นเพื่อนฉันเหมือนกัน ยังไงก็ต้องดูแลช่วยเหลือกันสิ”
มัสยาส่งยิ้มให้เพื่อนรักอย่างซึ้งใจ เพราะหลังจากวันที่เจ้าตัวอ้วนลืมตาออกมาดูโลก ความบันเทิงก็เกิดขึ้นกับคุณแม่มือใหม่ทันที
สองคนนี้สละเวลามาช่วยเลี้ยงเด็กผู้ชายซึ่งพยศออกฤทธิ์ออกเดชตั้งแต่อยู่ในท้องของเธอแล้ว และตอนนี้ก็แผดเสียงร้องไห้จ้าจนแสบแก้วหู ทำเอาสามีภรรยาป้ายแดงวิ่งวุ่น
“โอ๋ ๆ ๆ ลุงอยู่นี่แล้ว รอป้าอลิซเดี๋ยวสิครับ กำลังชงนมอยู่ ใจเย็น ๆ ลูก”
คนตัวอ้วนกลมร้องไห้จ้าด้วยความขัดใจ เมื่อตอนนี้ท้องหิวแล้ว อย่างไรก็ต้องได้กินทันที
เสียงแผดร้องทำเอาผู้เป็นแม่นั่งไม่ติด เธอถูกกักตัวอยู่ในห้องนอนห้ามเข้ามาใกล้เตียงของลูกชายเกินสามเมตรเพราะเป็นไข้หวัด สามีภรรยาป้ายแดงจึงอาสามาเลี้ยงคนตัวอ้วนให้ แต่แค่เพียงครึ่งวันเท่านั้นก็แทบเอาไม่อยู่แล้ว
“ที่รัก หลานร้องใหญ่แล้ว ทำไงดี”
“อีกนิดที่รัก ลิซตวงนมผิด ขอชงใหม่อีกรอบค่ะ ริวหาอะไรให้หลานดูดก่อนนะ”
วันนี้เด็กกินจุไม่ได้เข้าเต้า ด้วยกลัวว่าจะติดไข้จากคนเป็นแม่ ทั้งคิดถึงแม่ ทั้งหงุดหงิดที่ไม่ได้กินทันใจ จึงใช้มือปัดทุกอย่างทิ้ง
“ไหวไหม ริว ลิซ ให้ฉันออกไปให้นมลูกดีไหม ร้องแบบนี้เดี๋ยวข้างห้องด่าพอดี”
แม้อลิซและคิริวจะบังคับให้มัสยาย้ายออกมาอยู่ที่คอนโดมิเนียมซึ่งเป็นหนึ่งในสวัสดิการของพนักงานผู้ควบตำแหน่งเพื่อนรักภรรยา แต่เสียงแผดร้องดังลั่นอย่างเด็กเอาแต่ใจก็คงเล็ดลอดออกไปรบกวนเพื่อนบ้านไม่น้อย
“ไหว อีกนิด แกอดทนก่อนเมี่ยง ฉันชงนมใกล้เสร็จแล้ว”
ยิ่งรีบคุณป้าผู้กำลังเรียนรู้วิถีชีวิตแม่ยิ่งลนลาน หยิบจับอะไรก็หลุดมือ และล่าสุดน้ำต้มสุกซึ่งใส่กระติกน้ำเอาไว้ได้หกหมดแล้ว
“ว้าย น้ำหกหมดแล้ว ทำไงดี”
ความโกลาหลและเสียงแหกปากของเจ้าตัวเล็กทำเอาคิริวปวดหัว จะให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้จึงเลิกเสื้อตัวเองขึ้นแล้วจับเจ้าตัวอ้วนเข้าเต้าเลียนแบบมัสยา
และมันก็ได้ผลเมื่อคนตัวอ้วนจอมตะกละดูดนมเขาเสียงดังจ๊วบจ๊าบ ส่งผลให้เจ้าตัวหัวเราะออกมาอย่างจั๊กจี้สุดจะทน
“ริว ทำอะไรคะ”
“เด็กติดเต้า ฮ่า ๆ ๆ จั๊กจี้อะ”
มัสยาเปิดประตูออกมาทันได้เห็นภาพคุณลุงรูปหล่อเอาหลานเข้าเต้า แต่เพียงครู่เดียวเมื่อดูดอย่างไรก็ไม่มีน้ำนมออกมา ปากเล็ก ๆ นั่นก็ร้องไห้จ้าอีกครั้ง
“ฉันให้นมลูกเองดีกว่า ฉันดีขึ้นมากแล้ว ไม่งั้นเจ้าตะกละนี่ไม่หยุดร้องแน่ ๆ”
มัสยาเดินมารับลูกชายตัวอ้วนแล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอน ไม่นานเสียงร้องไห้จ้านั้นก็เงียบลงไป พร้อมกับการหันมามองหน้าแล้วถอนหายใจพร้อมกันของสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน
“ริว ลิซกินยาคุมทันไหมคะ”
“ไม่ทันแล้วที่รัก ผมใส่ลิซเต็มแม็กซ์ไปแล้ว”
ผัวเมียป้ายแดงมองหน้ากันด้วยความทดท้อ ก่อนจะถอนหายใจพร้อมกันอีกครั้ง การที่มีอีกหนึ่งชีวิตเกิดขึ้นมามันไม่ง่ายเลยตั้งแต่วันแรกที่เขาลืมตาดูโลก อิสระและความสบายก็หายไป แต่อย่างน้อย ชีวิตเล็ก ๆ นั้นก็ทำให้หัวใจทุกดวงอบอุ่นและมีความสุข คือโซ่ทองคล้องใจของทุกคนไว้ และเธอกับเขาก็อยากมีโซ่ทองที่เกิดจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง เพราะฉะนั้นความเหน็ดเหนื่อยเพียงแค่นี้ อย่างไรก็ต้องผ่านมันไปได้อยู่แล้ว
มัสยามองสบตากับลูกรัก เธอส่งยิ้มละมุนให้ ใบหน้ากลมป้อมขาวผ่อง ดวงตารีเล็กเหมือนคนเป็นพ่อทุกกระเบียดนิ้วมองหน้าแม่พร้อมส่งเสียงครางฮือในลำคออย่างอารมณ์ดีที่ได้กินของถูกใจ
แม้การเห็นหน้าลูกราวกับเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นทุกวัน แต่หัวใจที่เคยแห้งแล้งห่อเหี่ยวกลับอบอุ่นสุขใจ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอก็อยากให้มีเหตุการณ์ในคืนนั้นเกิดขึ้นอยู่ดี เพราะเธอได้ของขวัญปลอบใจที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตมาจากผู้ชายร้ายกาจคนนั้น และของขวัญชิ้นนี้ก็ช่วยปลอบประโลมให้เธอมีแรงหายใจในทุกวัน
“แม่รักลูกนะครับ”
หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว สายฟ้ายังคงมาดักรอมัสยาที่หน้าบริษัทอยู่บ่อยครั้ง แม้จะไม่มีโอกาสได้เจอเธอเลยก็ตาม สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ต้องไปถามประชาสัมพันธ์ทั้งที่ไม่อยากให้เธอรู้ตัวก่อนแท้ ๆ ว่าเขามาหา
“น้องเมี่ยงลาคลอดค่ะ”
“คลอดแล้วเหรอครับ”
ดวงตาวิบวับล้อแสงแสดงออกถึงความสุข อยากเห็นเหลือเกินว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาที่ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่ามีตัวตนอยู่บนโลกจะหน้าตาเป็นอย่างไร
เสียดายอย่างยิ่งที่ไม่ได้เห็นการเจริญเติบโตของลูกตั้งแต่ในครรภ์ เขาไม่ได้ทำหน้าที่พ่อหรือแม้แต่หน้าที่สามี ปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่เป็นกำพร้าต้องต่อสู้ดิ้นรนกับความยากลำบากตามลำพัง
ทั้งที่เขาเป็นต้นเหตุให้เธอต้องพบเจอกับความลำบากนั้นแท้ ๆ
“ค่ะ เกือบเดือนแล้วค่ะ”
เขาน่าจะเอะใจตั้งแต่แรก เพราะหลายครั้งที่โดดงานมานั่งรอจนพนักงานทุกคนกลับออกจากบริษัทจนหมด ก็ยังไม่เห็นเธอแม้เพียงเงา
ป่านนี้ลูกของเขาจะตัวโตแค่ไหนแล้วนะ แค่คิดถึงหัวใจก็อบอุ่นอย่างประหลาด
“เอ่อ แล้วอลิซล่ะครับ มาทำงานหรือเปล่า”
ในเมื่อไม่สามารถเจอเธอได้อย่างต่ำก็อีกสองเดือน ทางเดียวที่จะรู้ข้อมูลก็คงไม่พ้นอลิษา
“คุณอลิซกับคุณคิริวไปฮันนีมูนค่ะ เพิ่งไปเมื่อวันก่อนเอง เห็นว่าก่อนหน้านี้ช่วยน้องเมี่ยงเลี้ยงลูกค่ะ เลยเพิ่งได้ไป กว่าจะกลับก็คงอีกสองอาทิตย์ค่ะ”
ความหวังสุดท้ายริบหรี่ลง แต่จะให้เขารออีกสองอาทิตย์กว่าจะได้เจออลิษาคงไม่ไหว ในเมื่อตอนนี้หัวใจมันอยากจะบินไปหาสองแม่ลูกจนใจจะขาดแล้ว
“ผมขอที่อยู่ของเมี่ยงได้ไหมครับ ผมเป็นเพื่อนเขา”
สายตาไม่ไว้วางใจของประชาสัมพันธ์สาวทำให้เขาต้องส่งนามบัตรให้ ชื่อและนามสกุลของเขาที่เริ่มมีตามหน้าสื่อให้เห็นทำให้พนักงานสาวคนนั้นหาข้อมูลที่อยู่ของมัสยาให้อย่างรวดเร็ว
และในที่สุด เขาก็มายืนอยู่ที่หน้าห้องพักของมัสยาแล้ว
มือใหญ่สั่นเทายกขึ้นหลายครั้ง แต่ความลังเลก็ทำให้เขาลดมือลงทุกครั้งไป ก่อนจะกัดฟันรัวมือลงไปยังประตูบานนั้นสามครั้ง กลั้นใจรอไม่นาน แต่ความรู้สึกเหมือนมันยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์
มัสยาที่กำลังชงนมให้ลูกชายเพิ่มเพราะเธอมีน้ำนมให้ลูกไม่เพียงพอชะงักมือ หันมองบานประตูแล้วอมยิ้ม ห้องของเธอนอกจากอลิษากับคิริว ก็ไม่เคยมีใครได้มาเหยียบ เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัย ว่าหลังบานประตูจะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่เพื่อนรักที่คงจะเลื่อนทริปฮันนีมูนเพราะเป็นห่วงเธอกับลูกชายเกินไปอีกแล้ว
“ลิซ ไหนว่าไปฮันนีมูนแล้ว...ไง...”
ดวงตากลมรีราวเมล็ดอัลมอนด์เบิกกว้างตกใจ ไม่คิดฝันมาก่อนว่าผู้ชายที่ไม่อยากจะเห็นหน้าที่สุดในชีวิต คนที่เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะฝังกลบความทรงจำอันเลวร้ายให้จมดินแต่ก็ไม่อาจทำได้เลยสักครั้ง บัดนี้ เขามายืนอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว
“นะ นาย...”
กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอก็นานหลายอึดใจ เธอยังคงอยู่ในสภาพช็อก เบิกตาค้าง น้ำตามากมายเอ่อรื้นคลอหน่วย แววตาระริกไหว ตัวสั่นสะท้านจนน่าสงสาร
“เมี่ยง...”
ไม่ต่างจากเขาเช่นกัน นานเหลือเกินที่เขาต้องจมอยู่กับความโหยหา การเจอหน้าเธอครั้งแรกหลังจากเรื่องราวคืนนั้นผ่านพ้นมาทำให้หัวใจที่เคยเหี่ยวเฉาราวกับต้นไม้ขาดน้ำมันเต้นกระหน่ำสะท้อนในอกจนปวดหนึบ
ดวงตาเรียวกวาดมองเรือนร่างบอบบางในชุดเดรสสายเดี่ยวแบบใส่อยู่บ้าน ร่างกายของเธอแทบไม่หลงเหลือไขมันส่วนเกินเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด ถ้าไม่เห็นกับตาว่าเธอท้อง เขาไม่มีทางเชื่อแน่นอน
มือเล็กผลักประตูปิดทันทีที่ได้สติ แต่เขากลับยกมือขึ้นขวางได้ทันแล้วใช้ความว่องไวแทรกตัวเข้าไปในห้อง ก่อนจะปิดประตูล็อกกลอนท่ามกลางความตกตะลึงจนตัวชาวาบของอีกคน
“นายเข้ามาทำไม ออกไปนะ”
“เธอไม่คิดจะบอกกันสักนิดเลยเหรอเมี่ยง”
เขาไม่ตอบ แต่สวนคำถามกลับไปทันควัน
“ระ เรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
มือเล็กกำแน่น พยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ทั้งที่หอบกระชั้นจนตัวโยนด้วยความกลัว
“ไม่เข้าใจงั้นเหรอ เรื่องลูก เธอคิดจะปิดบังฉันไปถึงไหน”
“ลูกอะไร นายเอาอะไรมาพูด ฉันไม่เคยมีลูก”
ดวงตากลมรีฉายแววตื่นกลัวจนเห็นได้ชัด แต่ถึงกระนั้นสัญชาตญาณของคนเป็นแม่ก็ต้องปกป้องลูกรักเท่าชีวิต
“ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว เธอท้องทำไมไม่บอกฉัน ลูกทั้งคนทำไมไม่ให้ฉันรับผิดชอบ”
“ก็บอกว่าไม่รู้เรื่องไง ออกไปเดี๋ยวนี้”
มัสยาตวาดเสียงดังอย่างเหลืออด ความกดดันที่อัดอั้นมานานมันระเบิดออกพร้อมน้ำตาอาบแก้ม