CHAPTER 2
ผมเดินถอยหลังมานั่งบนโต๊ะม้าหินอ่อนพร้อมทั้งถามไอ้กุนขึ้นเพราะมันเดินเข้ามาหลังจากสั่งน้ำเรียบร้อยแล้ว ไอ้กุนยกยิ้มเล็กน้อยแล้วยกมือเท้าเอวท่าทางที่โคตรกวนจีนมากเอาจริง
“อยู่ให้โง่เหรอ มึงโดดกูโดด”
“เพื่อนตายจริงๆ”
“ถ้ากูโดนด่าอัดหน้าจะลากมึงไปด้วยเนี่ยแหละ”
“ไอ้สัส” ผมยกยิ้มเล็กน้อยกับคำพูดของมัน คงเพราะไอ้กุนมีพี่รหัสมั้งส่วนผมนั้นบอกเลยว่าไม่เอาอะไรเลยสักอย่างที่ทุกคนมี “กูไม่หารกับมึง”
“ไม่ๆ เพื่อนรักกูโดนอะไรมึงต้องโดนด้วย”
“นมสดปั่นได้แล้วจ้า”
“ครับๆ ป้า” ไอ้กุนแยกไปเอานมสดปั่นของมันจากนั้นเราสองคนก็เดินมุ่งหน้าไปที่จอดรถซึ่งบอกเลยว่าไม่ได้จอดด้วยกัน ผมมาช้าจึงแยกไปจอดอีกอาคารหนึ่ง “กูไปล่ะ”
“เออ”
พอไอ้กุนแยกเดินห่างออกไปผมก็เดินไปอีกทางบ้าง วันนี้ผมจอดรถไว้ตรงทางเชื่อมอาคารระหว่างคณะมนุษยศาสตร์ซึ่งถ้าถามว่าไกลไหมมันก็พอใช้ได้แหละอีกทั้งเวลานี้คนก็เยอะพอสมควรด้วยเนื่องจากเด็กปี 1 พึ่งเข้ามาด้วยจึงค่อนข้างพลุกพล่านพอสมควรและผมไม่ค่อยชอบด้วย
การเดินผ่านคณะมนุษยศาสตร์ด้านหน้าที่จัดเป็นซุ้มที่นั่งนั้นมีกลิ่นดอกไม้ชนิดหนึ่งปล่อยกลิ่นออกมาให้ได้กลิ่นทุกครั้งเคยเข้าไปมองใกล้ๆ ในตอนเย็นจะเห็นว่ามันเป็นกลีบเรียวยาวสีออกเหลืองนวลหน่อยคล้ายไปทางขาวขุ่นก็สวยแหละสวยเป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์ของมัน ผมมองดูดอกไม้ชนิดนี้เป็นประจำทุกครั้งเพราะเมื่อก่อนมักมาคณะนี้บ่อยสุดจนได้รู้ว่าดอกไม้ชนิดนี้ไม่จำปีก็จำปาเนี่ยแหละ
“อีเอมมี่!”
กึก...
และแล้วเท้าของผมก็หยุดชะงักไปตามเสียงเรียกซึ่งดังมาจากบันใดชั้นสอง เสียงนี้ดังแหลมหนักหน่วงไม่น้อยกระทั่งร่างเพรียวเดินลงมาพร้อมกับสาวสองที่สวยเช่นผู้หญิงผู้ซึ่งได้ชื่อเป็นเพื่อนสนิทของเธอเอง “อีปลาไปไหน”
“ไปกับผัว ทิ้งคนไม่มีผัวให้กลับเอง”
“อยากโดนตบปากฉีกเหรอ”
ก็ดีแล้ว...
เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว
“มาสิๆ กูตบสวนนะอีเหมย”
“เสียมือชิบหาย” สองคนนั้นกอดแขนกันเดินไปอีกทางแต่ยังส่งเสียงคุยดังลั่น “วันนี้ไปช้อปเครื่องสำอางใหม่นะ กูต้องการสูบเครื่องสำอางออกใหม่มาลองเทสหน้าตัวเอง”
“กูคบมึงก็เพราะเรื่องนี้แหละ ฮ่าๆ”
“กูก็เช่นเดียวกันกับมึง”
แล้วเธอก็ลับสายตาผมออกไปเรื่อยๆ กระทั่งหายไปจากระยะการโฟกัสของสายตาผมเรื่อยๆ ห่างออกไปโดยที่ยังมีรอยยิ้มแย้มแล้วก็เสียงหัวเราะไม่ขาดหาย
ยังชอบชอบเครื่องสำอางเหมือนเดิมเลยสินะ ยังเป็นเหมือนเดิมเลยสินะ
ผมเค้นยิ้มออกมาก่อนหันปลายเท้าไปอีกทางหนึ่งเป็นเส้นทางตรงข้ามกันกับอีกราวกับว่าเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันจบสิ้น มีต่อไปเรื่อยๆ และสุดท้ายก็ไม่มีทางบรรจบกันได้มั้งหรือไม่ก็อาจมีใครเข้ามาช่วยรวบเส้นขนานสองเส้นนี้เข้ามามัดรวมกันแบบนี้จะมีโอกาสกว่า
“แอบดูแฟนเก่าเหรอไงวะ”
“ใช่ที่ไหนเฮียฟ้า” ‘สายฟ้า’ เป็นชื่อเต็ม กลุ่มเดียวกันกับผมแหละและนี่มารอเมียมั้ง “ไม่ใช่หรอก”
“งั้นก็ยิ้มหน่อยดิวะไอ้สัสกานต์ มีความสุขหน่อย”
“มีด้วยหรอเฮียฟ้า ไอ้คนแบบผมไม่มีหรอก”
เพราะชีวิตผมมันไม่มีความสุขหรอกถ้าความสุขสิ่งเดียวที่ผมมีมันหายไป
“คนแบบไหนก็มีได้หมดไอ้ห่ารอยยิ้มอ่ะ ชีวิตไม่ได้มีแต่ความเสียใจสักหน่อย” แต่บางคนมันก็อาจจะมีแค่ความเสียใจก็ได้นะ มีแค่สีดำปนเทาไม่มีความสดใสอะไรเลยนอกจากครั้งเดียวที่จะมีได้ แบบนี้ไงฉะนั้นบางครั้งความเสียใจ ความเจ็บปวดคำว่าขอโทษก็ไม่มีคุณค่าใดๆ ทั้งนั้นแค่เพียงเสี้ยวเวลาเดียวมันพังทุกอย่างให้ราบเมื่อมีโอกาสอย่าให้มันเสียไปเลยทำให้ดีที่สุดจะดีกว่า “มึงก็ต้องมีได้”
“...”
ผมไม่พูดอะไรต่อได้แค่เงียบฟังแล้วทบทวนในคำพูดของเฮียฟ้าจากนั้นก็ค่อยยกยิ้มออกมาด้วยความราบเรียบและก็ไร้คำพูดอีกเช่นกัน นิสัยส่วนตัวที่แสดงมักตรงข้ามกับนิสัยจริงส่วนมากถ้าตลกลับหลังความตลกกลับกลายเป็นความเงียบขรึมเย็นชามากกว่าคนที่เงียบอยู่แล้วก็ได้
การแยกออกจากเฮียฟ้าในเวลาต่อมาหลังจากที่คุยอะไรกันนิดหน่อยตามประสาตอนนี้ผมก็อยู่บนรถขับออกจากมหาลัยได้ครึ่งทาง เป้าหมายไม่ใช่บ้านที่ร่วมกันแชร์แต่เป็นร้านเหล้าชื่อว่า ‘มาเมาดิบ’ ต่างหาก
ธุรกิจเดียวที่เป็นของผม
ธุรกิจเดียวที่สีเทาปนดำถึงดำสนิท
ธุรกิจเดียวที่ต่อไปนี้ผมต้องอยู่กับมันมากหน่อย
ช่วงบ่ายของการปรากฏตัวเข้ามาในร้านไม่ได้ดึงดูดสายตาใครหรอกนักจากพนักงานที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเองตามความรับผิดชอบ ร้านที่แต่งด้วยสีดำเด่นในแถบนี้จะเรียกว่าเด่นกว่าร้านอื่นๆ มันก็ไม่แปลกผมยอมรับอยากตกแต่งเพื่อเรียกร้องความสนใจเสียหน่อยและมันก็ไม่เสียหายอะไรมั้ง
“สวัสดีครับคุณกานต์”
“ครับ” คนนี้เป็นผู้จัดการร้านเป็นผู้ชายตัวสูงร่างหนาเอาการอยู่ เขาอยู่ในชุดที่เรียบร้อยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเทียบไม่มีที่ติเลย เขาเนี๊ยบกับการทำงานมากแบบนี้มั้งถึงอยู่ได้นานหน่อย “เรียบร้อยดีนะครับ”
“ทุกอย่างเรียบร้อยครับ ตอนนี้มีแขกมารอคุณกานต์ที่โซนบาร์ครับ”
“…”
พอผมคิ้วขมวดตวัดสายตามองไปยังเขาก็ได้รับคำตอบออกมา
“เป็นผู้หญิงครับ”
“โอเค”
ผมเดินมุ่งหน้าออกมาแล้วเดินเข้าไปในโซนบาร์ทันทีด้วยความที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเมื่อถึงโซนบาร์สายตาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดรัดรูปสีแดงเด่นโชว์แผ่นหลังเว้าลงมาเกือบถึงเอวขอด แผ่นหลังขาวสะท้อนสายตาคนอื่นๆ เพราะเธอมัดผมสีดำขึ้น มือเรียววนลูบไล้ปากแก้วไวน์ไปมา
