บท
ตั้งค่า

Episode-06 ข้อยกเว้น

“กูกับมึงมีเรื่องต้องคุยกันนะ”

“...”

“ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุยกันมึงอย่าใช้อารมณ์สิ” ไอ้แก้มรีบปรามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของไอ้มิวที่มองมาทางผม “มึงก็ด้วยไอ้ปั้น ถ้ารู้ตัวว่ายังไม่พร้อมจะหยุดที่ใครก็ช่วยสนุกแบบมีขอบเขตหน่อย”

“แม่กูก็พูดแบบนี้”

“โทษทีกูเตือนในฐานะเพื่อนไม่ใช่แม่โว้ย” เพื่อนกันต้องกล้าเตือนกันครับ ข้อนี้พวกเราเข้าใจกันดีอยู่แล้ว

ผมไม่ได้ตอบอะไรแค่แยกตัวออกมาด้านหลังโดยมีไอ้มิวตามมาติด ๆ ... ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างเราก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายพูดก่อน

“มึงคงไม่คิดว่ากูชอบเสียงเพลงหรอกนะ”

“คิด”

“...”

“น้องกูตรงสเปคมึงทุกอย่าง แล้วที่เหลือเชื่อไปกว่านั้นคือมึงอธิบายเรื่องส่วนตัวให้น้องกูฟัง ถ้าเป็นคนอื่นคงถูกด่าไปแล้ว”

“มึงสบายใจได้กูไม่ได้คิดอะไร เสียงเพลงก็เหมือนน้องสาวคนหนึ่งนั่นแหละ ก็เห็นน้องมันถามตามประสากูเลยตอบเท่าที่ตอบได้แค่นั้นเอง หรือมึงจะให้กูสวนกลับเหมือนคนอื่นล่ะ ถ้าทำแบบนั้นคงร้องไห้พอดี”

“เออ กูไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอก แต่เสียงเพลงเพิ่งจะดีขึ้น พูดถึงเรื่องนี้แล้วคงต้องไหว้วานให้มึงช่วยหน่อย”

“อะไร ?”

“คนนี้...” ไอ้มิวยื่นมือถือที่มีรูปถ่ายของใครคนหนึ่งให้ผมดู “ไอ้เหี้ยนี่แหละที่ทำน้องกูร้องไห้เป็นอาทิตย์”

“...” ผมไม่ได้ตอบอะไรและเลื่อนฟีดโซเชียลไปเรื่อย ๆ จนสะดุดเข้ากับรูปถ่ายหนึ่ง “หืม...”

“อืม ไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องกันหรืออะไร แต่หน้าตาก็คล้ายกันอยู่นะ” เจนครับ ผมเองก็ไม่เคยถามไถ่เรื่องส่วนตัวของเธอซะด้วยสิ “หรือจะเป็นญาติกัน แต่เป็นอะไรก็ช่างแม่มันเถอะ ที่มันทิ้งเพราะเพลงไม่ยอมมันไง คนส้นตีน!”

“หวังแค่ร่างกายแสดงว่าไม่ได้รักตั้งแต่แรกสินะ” พูดออกไปตามความคิด พอไม่ได้อย่างที่ต้องการก็เขี่ยทิ้งไงครับ

“มันรักหรือเปล่าไม่รู้แต่น้องกูอะรัก”

“เดี๋ยวก็เลิกรัก”

“...”

“เชื่อกูสิ เวลาผ่านไปก็จะดีขึ้นเอง”

“เหมือนมึงใช่ไหม”

“คงงั้น” ความรู้สึกเราคงไม่ต่างกันเท่าไหร่ จะต่างตรงที่ผมทำใจล่วงหน้ามาก่อนหลายครั้งแล้วมั้งครับ แต่ก็นะ น้องยังเด็กมันฝังใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

หลังจากคุยกันเข้าใจก็กลับเข้าไปด้านใน สีหน้าทุกคนเหมือนลุ้นว่าผมกับไอ้มิวนี่ยังไงกัน

“จีบไม่จีบ ?” จุ้นห่าวเอ่ย “ตอบเร็ว ๆ อย่าเงียบสิ”

“อะไรของมึง”

“แค่มึงตอบมาว่าจะจีบน้องเพลงหรือไม่จีบ”

“พนันส้นตีนอะไรกันอีกแล้วสินะถึงตั้งคำถามแบบนี้” ผมว่าพลางเท้าสะเอวมองพวกมันนิ่ง ๆ “จีบเหี้ยอะไรมึง น้องเหอะ”

“ฮั่นแน่...”

“กูกลับบ้านดีกว่า วันนี้แม่งโคตรจะน่าเบื่อ”

น่าเบื่อทุกอย่าง เป็นวันหยุดที่ห่วยที่สุดวันหนึ่งเลยก็ว่าได้

กลับถึงบ้านก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นไฟในบ้านยังเปิดอยู่ จะว่าเพียงฝันยังไม่นอนก็คงไม่ใช่หรอกเพราะตอนนี้จะตีหนึ่งแล้วน้องเป็นคนนอนเร็วครับสามทุ่มก็หลับแล้วมั้งถ้าผมไม่ได้พาไปไหน

“ทำอะไรอยู่ครับทำไมยังไม่นอนอีก” เอ่ยถามพลางเข้าไปสวมกอดอย่างเช่นทุกครั้ง “ผมเบื่อจัง” ได้ยินแบบนั้นแม่จึงละมือจากโน้ตบุ๊คแล้วหันมาสนใจผมแทน

“ว่ามาซิ กำปั้นคนหล่อของแม่เจออะไรมา”

“ถูกล้ำเส้นมั้งครับ”

“ใคร ?”

“...” มองหน้าแม่พลางพิจารณาคำตอบก่อนในใจเพราะไม่รู้ว่าบอกไปแล้วจะได้คำแนะนำหรือคำด่ากลับมา “คนคุยครับ”

“ก็หยุดสิ หยุดเดี๋ยวนี้เลย การที่เขารุกล้ำพื้นที่ความเป็นส่วนตัวของเราไม่ได้หมายความว่าเสือกหรือไม่มีมารยาทหรอกนะ แต่มันหมายความว่าเขากำลังรู้สึกต่างหากถึงต้องการเอาตัวเองเข้ามาในชีวิตของเรา จำได้ว่าแม่เคยบอกเรื่องนี้กับปั้นไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ครับ”

“ครับแล้วก็ฟังบ้าง ไม่ว่าปั้นจะยื่นสถานะอะไรให้เขามันไม่สำคัญแล้ว สำคัญตรงที่ตอนนี้เขารู้สึกไปแล้ว ในเมื่อเราไม่ได้รู้สึกเราไม่ได้คิดอะไรเพราะฉะนั้นควรหยุด อย่าเอาความรู้สึกคนอื่นมาล้อเล่นเพราะมันไม่สนุกอย่างที่คิด สักวันโดนเข้ากับตัวเองจะโอดโอยไม่ไหว”

“คำสอนของแม่ฟังดูน่ากลัวจัง”

“ระวังตัวไว้เถอะ คนหล่อก็อกหักได้นะ”

“แม่อะ! แล้วนี่แม่ทำอะไรอยู่” ชวนเปลี่ยนเรื่องไปก่อนครับเดี๋ยวจะมีคำถามเพิ่มมาอีก ก็รู้อยู่ว่าแม่ผมเก็บข้อมูลเก่ง

“กำลังร่างโจทก์อยู่ เราไปนอนเถอะอีกเดี๋ยวแม่ก็จะไปนอนแล้ว”

“นอนดึกได้ครับพรุ่งนี้วันนักขัตฤกษ์ผมหยุด”

“นอนดึกนะไม่ใช่นอนเช้า”

“ครับผม”

เข้ามาในห้องก็ทิ้งตัวลงนอนทันที ผมควรหยุดเรื่องราวไว้เพียงเท่านี้สินะ ไม่อย่างนั้นคงวุ่นวายไปกันใหญ่

ติ๊ง!

(นอนหรือยังคะ) เป็นเมล่อนที่ทักมา

“กำลังจะนอน”

(คอลได้ไหม) ไม่ทันได้ตอบเจ้าตัวก็โทรมาก่อนแล้วครับ

“ไม่หลับไม่นอนนะเราอะ”

(ปั้นก็เหมือนกันแหละ แล้วนี่อยู่ไหนเหรอทำไมมืดจัง)

“อยู่บ้านนี่แหละ”

(นอนกับใครเหรอ)

“คนเดียว”

(เชื่อได้หรือเปล่านะ) เธอว่ายิ้ม ๆ แล้วพูดต่อ (ที่คาดผมใครเหรอสีน่ารักเชียว) เหลือบมองหัวเตียงของตัวเองก็เห็นที่คาดผมสีหวานแหวววางอยู่ครับ แถมยังมียางรัดผมอีกด้วย สงสัยเพียงฝันจะเข้ามานอนเล่นในห้องล่ะมั้ง

“ของน้องสาวน่ะ”

(ปั้นมีน้องสาวด้วยเหรอ น้องแท้ ๆ เลยไหม)

“อืม”

(โตหรือยัง อายุเท่าไหร่แล้ว)

“ปีนี้สิบหก”

(ก็โตเป็นสาวแล้วนี่เนอะ น่าจะรู้ได้แล้วว่าอะไรควรอะไรไม่ควร)

“ต้องการจะบอกอะไร”

(เปล่า แต่ห้องนอนมันพื้นที่ส่วนตัวน้องไม่น่าเข้ามายุ่งวุ่นวายนะ)

“บางทีเธออาจจะลืมไปนะว่ากำลังล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของเราอยู่ แล้วอีกอย่างน้องก็คือคนในครอบครัวไม่ใช่คนอื่น ไหน ๆ ก็พูดมาถึงขนาดนี้แล้วก็พูดเลยแล้วกัน มีสิทธิ์อะไรถึงแช็ตไปวุ่นวายกับคนนั้นคนนี้ นั่นน้องสาวเพื่อน ถ้าเมจะหึงทุกคนที่เรากดหัวใจให้ก็คงเหนื่อยยันตายแหละเพราะเรากดให้ทุกคน อย่าทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเราได้ไหม” อาจจะเสียมารยาทที่พูดออกไปแบบนั้นแต่มันคือเรื่องจริง ถ้าเป็นแฟนก็ว่าไปอย่าง

(ขอโทษ ฮึก! ไม่เห็นต้องว่ากันขนาดนี้เลย)

ผมไม่ได้ตอบอะไรแล้วเลือกที่จะกดวางสายแทน น่าเบื่อครับ ทางเดียวคือหยุดความสัมพันธ์เอาไว้แค่นี้แล้วพาตัวเองออกห่างไปแทน ประโยคยาว ๆ ของแม่มันจริงทุกคำพูดนั่นแหละ ถ้ายังเป็นอยู่แบบนี้นอกจากคนอื่นจะเดือดร้อนแล้วชีวิตผมคงหาความสุขไม่เจออีกด้วย

“ไม่มีผู้ชายคนไหนใจร้ายเท่าพี่อีกแล้ว” น้ำเสียงงัวเงียดังมาจากโซฟาครับ ตอนเข้ามาก็ไม่ได้สังเกตซะด้วยสิเพราะไม่ได้เปิดไฟไง

“ไม่ได้ใจร้ายเลยหนูก็รู้ว่าพี่เป็นคนยังไง”

“ต้องมีสักคนแหละที่เป็นข้อยกเว้น”

“ก็อาจจะมีแต่ตอนนี้ยังไม่เจอครับ”

“กดหัวใจให้ทุกรูปยังมาปฏิเสธอีกนะ”

“...”

“ที่พูด ๆ ไปพี่พูดไปอย่างนั้นแหละ เป็นน้ำเสียงที่เลือดเย็นมาก! นี่สินะที่เขาบอกว่าคนสำคัญอยู่เฉย ๆ ก็สำคัญ”

“พูดไปเรื่อยแล้ว”

“หนูเด็กหญิงฉัตรนรินทร์เป็นน้องสาวนายนฤบดินทร์นะคะ แค่มองตาพี่ก็รู้แล้ว คนนี้ไม่ติดแต่พี่อาจจะติดหน่อยเพราะเป็นน้องของพี่มิวนั่นแหละ” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจมากนักก่อนจะหันหลังแล้วหลับตานอนเหมือนเดิม

พูดกันไปเรื่อยครับ ผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel