
บทย่อ
เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อค่ารักษาพยาบาลพ่อที่ใกล้จะตาบอด ยอมแม้กระทั่งเป็นของเล่นมาเฟีย!
บทที่1
"พ่ออย่าเป็นอะไรนะคะ ฮือ..ฮึก"
หญิงสาวในชุดลำลองสบายสวมกางเกงวอร์มและเสื้อยืดวิ่งตามเปลพยาบาลที่กำลังเข็นพ่อของเธอเข้าห้องฉุกเฉิน
นิลภพวัยห้าสิบหกปีอดีตนักธุรกิจอสังหาฯ ที่เคยร่ำรวยอู้ฟู่ต้องประสบอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักหลังจากที่กลับมาจากคุยธุระเรื่องคดีของเขา
หากจะย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน นิลภพเป็นนักธุรกิจอสังหาฯ ที่พอมีชื่อเสียงอยู่บ้างแต่ด้วยเหตุผิดพลาดทางหน้าที่การงานจึงทำให้เขากลายเป็นบุคคลล้มละลายแถมยังมีหนี้สินจนท่วมหัว
ส่วนลูกสาวเพียงคนเดียวก็กำลังศึกษาระดับมหาวิทยาลัยปีสาม ด้านภรรยานั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่ลูกสาวยังเล็กด้วยโรคประจำตัว
'เปียโน' ลูกสาวอันเป็นที่รักและยังเป็นทุกอย่างของนิลภพเขายอมทำงานหนักเพื่อเลี้ยงลูกอยากให้ลูกสาวสุขสบายเพราะเขาคิดว่าลูกขาดแม่จึงอยากเติมเต็มให้ทุกอย่าง แต่ใครจะไปคิดละว่าบริษัทจะถึงคราวเคราะห์เพียงแค่มีคนลักลอบข้อมูลให้คู่แข่ง
นิลวรรณหรือ เปียโน เธอค่อนข้างบอบบางคงเพราะผู้เป็นบิดาเลี้ยงมาเหมือนไข่ในหิน และตั้งแต่เกิดเรื่องกับครอบครัวเธอ เธอก็พยายามช่วยพ่อทุกอย่างจากที่ไม่เคยทำอะไรก็หันมารับงานร้านกาแฟ ร้านขนมช่วงวันหยุด
หญิงสาวใบหน้าสะสวยดวงตาของเธอแอบแฝงไปด้วยความเศร้าหมอง แพรขนตางอนงามยามนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่ติดอยู่
"พ่อค่ะ พ่ออย่าเป็นอะไรไปนะ"
เธอพูดพลางสะอื้นร่ำไห้ มือบางยกมาปาดน้ำตาบ่อยครั้งพร้อมทั้งยืนเกาะประตูห้องฉุกเฉินแน่น
ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครได้ยามนี้ แม้แต่ญาติสักคนเธอก็ไม่รู้จักหากจะบอกว่าเธอใช้ชีวิตเติบโตมากับพ่อแค่สองคนก็ไม่ผิด สิ่งที่หญิงสาวรู้คือพ่อของเธอมีเพื่อนสนิทชื่อ ชุมพล และเขาก็คือคนที่ทำให้ครอบครัวเธอตกอยู่ในสภาพนี้อีกด้วย
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่นิลวรรณทรุดกายลงนั่งที่หน้าห้องฉุกเฉินเพียงแค่เธอเห็นหมอเปิดประตูห้องฉุกเฉินมาเท่านั้นสีหน้าของความกังวลก็เกิดขึ้น
"คุณหมอ พ่อหนูเป็นอย่างไรบ้างคะ"
"หนูเป็นญาติของผู้ป่วยหรือครับ"
"ใช่ค่ะ หนูเป็นลูกสาว"
"คือ...สภาพร่างกายพ้นขีดอันตรายแล้วแขนขาไม่หักมีรอยช้ำนิดหน่อย แต่...."
ครั้งแรกเธอเหมือนจะยิ้มพอใจระหว่างที่หมอชะงักไปนั้น นิลวรรณเธอก็ถามขึ้น
"อะไรคะคุณหมอ"
"เราพบก้อนเนื้อในสมองผู้ป่วย จากที่ x-ray อุบัติเหตุไม่ได้มีผลร้ายแรงแต่ก้อนเนื้อส่วนนั้นน่าจะเกิดก่อนสักระยะ ทางที่ดีรีบผ่าตัดดีกว่านะครับหากโตมากกว่านี้อาจจะเป็นเนื้อร้ายหรือไม่อาจจะส่งผลให้คนไข้ตาบอดได้"
นิลวรรณแทบเข่าทรุดลงตรงนั้น เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อเธอป่วยอยู่แต่ที่รู้คือพ่อชอบบ่นปวดหัวบ่อย ๆ หญิงสาวหลบสายตาคุณหมอพร้อมใช้ความคิดมากมายตอนนี้เธอไม่มีเงินเหมือนเมื่อก่อนแค่จะไปเรียนยังยากลำบากบ้านหลังใหญ่ที่เคยอยู่ก็ต้องย้ายออกมาเช่าห้องเล็ก ๆ
"ขอโทษนะคะ คือหนูอยากรู้ว่าค่าผ่าตัดเท่าไร"
"น่าจะราว ๆ ห้าแสน หากหนูพร้อมก็สามารถแจ้งหมอได้เลย อันที่จริงหมอเองก็ไม่อยากให้รอ แต่หากหนูยังไม่พร้อมหรือยังไงลองปรึกษาญาติดูก่อน"
"อ้อ...ค่ะ"
คุณหมอใหญ่พูดจบก็เดินหลบไปทันที ปล่อยให้สาวสวยวัยแรกแย้มต้องเหม่อมองเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
วันต่อมา มหาวิทยาลัย
"อะไรนะ แกจะดรอปการเรียนไว้เหรอ"
น้ำเสียงค่อนข้างจะตกใจ แมงเม่า เป็นเพื่อนสนิทของเปียโน แม้ฐานะของทั้งสองจะแตกต่างกันก็ตามที แมงเม่า เป็นเพียงลูกแม่ค้าข้าวแกงในซอยเธอเองก็ทำงานทุกอย่างส่งเสียตัวเองเรียนเช่นกัน
"แกก็รู้ตอนนี้สถานะทางบ้านฉันไม่เหมือนเดิมซ้ำร้ายพ่อต้องเข้าโรงพยาบาลไหนจะเนื้องอกที่ต้องได้รับการผ่าตัดอีก"
ใบหน้าของเปียโนเศร้าลงถนัดเมื่อพูดถึงพ่อผู้เป็นที่รักเหลือเพียงคนเดียวที่เป็นญาติผู้ใหญ่
ส่วนแมงเม่าก็พอรู้อยู่บ้าง บริษัทของพ่อเพื่อนล้มละลายแถมยังเป็นหนี้ก้อนโตที่ยากจะรับไหว
"แล้วแกจะเอาอย่างไรต่อ"
"คงต้องหางานทำ"
เสียงพ่นล้มพรืดใหญ่ของแมงเม่า เธอไม่รู้จะช่วยเพื่อนอย่างไรดีไม่อยากให้เปียโนต้องดรอปการเรียนไว้แต่มันก็ยากเหลือเกินภาระหน้าที่ต่าง ๆ ตอนนี้คงตกอยู่ที่เพื่อนสาวคนสวย
"เอ้าอย่างนี้ไหมหากแกไม่ถือไปทำพาร์ตไทม์กับฉันไหมมันอาจจะเปลืองตัวหน่อยแต่เงินดีคืนหนึ่งก็ได้หลายพันหากไหว"
ข้อเสนอของแมงเม่าใช่ว่าเปียโนเธอจะไม่รู้ งานที่แมงเม่าทำเป็นงานเอนเตอร์เทรนแขกสายดื่ม แต่ถึงอย่างนั้นแมงเม่าเธอก็ไม่รับงานนอกเสริม
"ว่าไงแกสนใจไหม เดี๋ยวฉันบอกผู้จัดการให้"
เปียโนทำท่าทางเหมือนครุ่นคิดใช่ว่าตอนนี้เธอจะมีตัวเลือกมากมายเสียเมื่อไหร่ พ่อของเธอต้องได้รับการผ่าตัดไม่อย่างนั้นอาจส่งผลให้ตาบอดยิ่งจะทำให้เธอเองลำบากภายหน้า
"คะ คือ...ฉัน ฉันไม่เคยไปที่แบบนั้นน่ะสิ"
"โถ่เอ๊ย ก็แกถูกเลี้ยงมาราวกับไข่ในหินขนาดนี้นี่ ก็คงไม่แปลกหรอก แต่ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไป แกเองก็ต้องปรับเปลี่ยนตามไปด้วย"
"งั้น....ฉันลองไปทำดูก็ได้อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายได้บ้าง"
*หากชื่นชอบอย่าลืมกดใจ และเก็บเข้าชั้นนะ
