บทนำ
“เจ่เจ้ มือถือดีอยู่ไหน!!!” เจ้าของเสียงทุ้มตระโกนร้องลั่นบ้านแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย อีกทั้งยังลุกลี้ลุกลนหาโทรศัพท์มือถือของตนตาตั้ง พี่สาวคนสวยได้แต่ยืนท้าวสะเอวเพ่งมองมายังชายหนุ่มหน้าหวานผู้เป็นน้องชายอย่างหัวเสีย ก่อนที่จะแผดเสียงแหลมทรงพลังต่อว่าเขาออกไปในทันที
“โว้ย ก็อยู่โซฟาเหมือนเดิมนั่นแหละ โวยวายอยู่ได้ เคยคิดจะจดจำบ้างป้ะสมองอะ เวลาวางของให้วางไว้ที่มันเห็นง่าย ๆ วางเสร็จแล้วก็เลอะเลือนลืมไปเรื่อย”
“ก็คนมันลืมนี่หว่า เจ้ก็แค่บอกดี ๆ แค่นี้ก็จบแล้วป้ะจะบ่นทำไมวะ”
“ก็เจ้รำคาญแกอะ ลืมนั่นลืมนี่อยู่ได้ เอาพะแนงเนื้อไปให้พี่จอยที่ร้านเค้กหน่อยไป”
“โห ขี้เกียจอ่า มืดแล้วด้วยกลัวหมาไล่กัด” คนดีหาข้ออ้างร้อยแปดเพื่ิอที่จะบ่ายเบี่ยงไม่ทำตามคำสั่ง แล้วทิ้งตัวลงนอนพาดศีรษะลงบนพุงนุ่ม ๆ ของเจ้าไซบีเรียนฮัสกี้สีดำขาวที่มีชื่อว่า คนเก่ง ส่วนอีกตัวสีน้ำตาลขาวมีชื่อว่า คนเก๋า ก็นอนให้เจ้าของของมันลูบพุงเบา ๆ
“แกเลี้ยงฮัสกี้ค่ะอย่ามาสำออย ไปได้แล้วไป รีบไปรีบกลับมากินข้าว”
“จ้า สั่งได้สั่งดีจริง ๆ เลย เดี๋ยวป๊ากลับมาเกาพุงให้นะลูกนะ อะยั่ยยั่ย~”
“ฮือฮื๊อฮือ~” คนดีฮัมเพลงคลอเบา ๆ ตลอดทางเพื่อสร้างบรรยากาศรอบข้างไม่ให้มันเงียบสงัดเกินไป เขารับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่แปลกไป วันนี้มันช่างเงียบเกินกว่าทุกวัน ซอยทางเดินบ้านเขาค่อนข้างมืดและขรุขระเล็กน้อย จะได้รับแสงสว่างก็แ่จากแสงไฟในตัวบ้านแต่ละหลังก็แค่นั้น
กึก
คนดีหยุดชะชักแทบล้มหน้าซุกดินเมื่อได้ยินฝีเท้าที่มีความหนักพอสมควร คาดว่าคนใส่คงตัวใหญ่ไม่น้อย เขารวบรวมความกล้าพร้อมซูดลมหายใจเข้าเต็มปลอดก่อนที่จะค่อย ๆ หันหน้าขวับไปมองทางด้านหลัง
“หมาแหละ”
เขาเอ่ยออกมาเพื่อปลอบใจตัวเองเมื่อหันไปมองแล้วกลับไม่พบสิ่งมีชีวิตแม้แต่สิ่งเดียว จากนั้นคนดีก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเร็วขึ้นเพื่อให้พ้นซอย สุดท้ายก็ถึง ร้านเค้กจอยเวอร์ พอมองเห็นจอยเจ้าของร้านเค้กกำลังเช็คสินค้าอยู่คนดีถึงพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งออก
“มาอะไรจ้ะคนสวย” จอยทักทายคนดีด้วยประโยคประจำ ด้วยความที่คนดีเป็นผู้ชายที่หน้าตาหวานสะสวยผิวขาวเนียนผ่องคล้ายหญิง เธอเลยชอบเรียกเขาว่า คนสวย ถึงแม้นิสัยจะก๋ากั่นสมชายก็ตาม
“เจ้ให้เอาพะแนงเนื้อมาให้พี่อะ ปิดร้านคนเดียวเหรอวันนี้พี่”
“จ่ะ พอดีลูกน้องลาน่ะ”
“รีบปิดร้านเถอะครับพี่จอย วันนี้วันหยุดคนเงียบ ๆ ไม่น่ามีลูกค้าแล้วแหละ”
“อืม ปิดเลยก็ดีเหมือนกันนะ เอาขนมไปกินด้วยสิเดี๋ยวพี่อบให้แป๊บเดียว”
หลังจากนั้นจอยก็คีบพายมะพร้าวสองชิ้น กับครัวซ็องเนยน้ำตาลสองชิ้นเข้าเตาอบเพื่ออุ่นให้คนดีกลับไปทาน และก็ไม่ลืมที่จะแพ็คเค้กส้มขนาดครึ่งปอนด์ลงกล่องเพื่อให้เขาเอากลับไปด้วย
“ได้แล้วจ่ะน้องดี”
“ครับ ขอบคุณนะครับพี่จอย งั้นผมกลับเลยนะ”
“กลับดี ๆ ล่ะ อย่าเถลไถล”
“ค้าบ”
ทันทีที่ออกมาจากร้านจอยเวอร์คนตัวเล็กก็หยิบพายมะพร้าวแสนอร่อยออกมากัดกินเคี้ยวตุ้ยขณะกำลังเดินกลับ ในขณะที่เขากำลังเพลิดเพลินไปกับรสชาติของขนมหวานอยู่นั้น คนดีก็บังเอิญไปเห็นกลุ่มชายชุดดำวิ่งกรูกันมาทางด้านที่เขากำลังจะเดินผ่าน ก่อนที่เสียงปืนสั้นจะดังขึ้นมาสองครั้ง
ปัง ปัง
“ไอ้เชี่ยเสียงปืน!” คนดีรีบแทรกตัวเข้าไปในระหว่างช่องของกำแพงเพื่อหลบภัยทันทีแล้วยืนนิ่งเพื่อดูสถานการณ์รอบนอก นาทีนี้หัวใจดวงแกร่งเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก ในหัวคิดบทสวดออกมานับร้อยอย่างหวาดกลัว
“หายไปแล้วครับนาย”
“แม่ง ไปหาตัวมันให้เจอ!”
“เชี่ย นี่มันแก๊งมาเฟียในชีวิตจริงเหรอวะ มึงตายแน่เลยไอ้ดี”
กรึบ
“ใครวะ!”
“ชิบหาย”
พรึบ
คนดีหลับตาปี๋เมื่อมีใครบางคนกระโจนเข้ามาทับร่างเขาตรงช่องแคบแห่งนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเขาแทบสติแตก
“พ..พี่เป็นใคร จะทำอะไรผม ปล่อยผมไปเถอะผมจะไม่บอกใคร นะพีี่นะ อย่าฆ่าผมเล..ย!”
อุ๊บส์!
ริมฝีปากอวบอิ่มประทับลงริมฝีปากบางอย่างลนลานเพื่ิอดันสิ่งแปลกปลอมบางอย่างเข้าในโพรงปากของคนใต้ร่าง
“เก็บไว้ให้ดีแล้วกูจะมาเอาคืน แต่ถ้ามึงทำหายล่ะก็…”
“คนที่ตายอาจเป็นมึง”
“ o_o ” คนดีเบิกตากว้างแล้วสบตากับคนบนร่างครั้งแรก
“แล้วเจอกัน”
“เฮ้ย กูอยู่ทางนี้เว้ย!”“เจ่เจ้ มือถือดีอยู่ไหน!!!” เจ้าของเสียงทุ้มตระโกนร้องลั่นบ้านแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย อีกทั้งยังลุกลี้ลุกลนหาโทรศัพท์มือถือของตนตาตั้ง พี่สาวคนสวยได้แต่ยืนท้าวสะเอวเพ่งมองมายังชายหนุ่มหน้าหวานผู้เป็นน้องชายอย่างหัวเสีย ก่อนที่จะแผดเสียงแหลมทรงพลังต่อว่าเขาออกไปในทันที
“โว้ย ก็อยู่โซฟาเหมือนเดิมนั่นแหละ โวยวายอยู่ได้ เคยคิดจะจดจำบ้างป้ะสมองอะ เวลาวางของให้วางไว้ที่มันเห็นง่าย ๆ วางเสร็จแล้วก็เลอะเลือนลืมไปเรื่อย”
“ก็คนมันลืมนี่หว่า เจ้ก็แค่บอกดี ๆ แค่นี้ก็จบแล้วป้ะจะบ่นทำไมวะ”
“ก็เจ้รำคาญแกอะ ลืมนั่นลืมนี่อยู่ได้ เอาพะแนงเนื้อไปให้พี่จอยที่ร้านเค้กหน่อยไป”
“โห ขี้เกียจอ่า มืดแล้วด้วยกลัวหมาไล่กัด” คนดีหาข้ออ้างร้อยแปดเพื่ิอที่จะบ่ายเบี่ยงไม่ทำตามคำสั่ง แล้วทิ้งตัวลงนอนพาดศีรษะลงบนพุงนุ่ม ๆ ของเจ้าไซบีเรียนฮัสกี้สีดำขาวที่มีชื่อว่า คนเก่ง ส่วนอีกตัวสีน้ำตาลขาวมีชื่อว่า คนเก๋า ก็นอนให้เจ้าของของมันลูบพุงเบา ๆ
“แกเลี้ยงฮัสกี้ค่ะอย่ามาสำออย ไปได้แล้วไป รีบไปรีบกลับมากินข้าว”
“จ้า สั่งได้สั่งดีจริง ๆ เลย เดี๋ยวป๊ากลับมาเกาพุงให้นะลูกนะ อะยั่ยยั่ย~”
“ฮือฮื๊อฮือ~” คนดีฮัมเพลงคลอเบา ๆ ตลอดทางเพื่อสร้างบรรยากาศรอบข้างไม่ให้มันเงียบสงัดเกินไป เขารับรู้ได้ถึงความผิดปกติที่แปลกไป วันนี้มันช่างเงียบเกินกว่าทุกวัน ซอยทางเดินบ้านเขาค่อนข้างมืดและขรุขระเล็กน้อย จะได้รับแสงสว่างก็แ่จากแสงไฟในตัวบ้านแต่ละหลังก็แค่นั้น
กึก
คนดีหยุดชะชักแทบล้มหน้าซุกดินเมื่อได้ยินฝีเท้าที่มีความหนักพอสมควร คาดว่าคนใส่คงตัวใหญ่ไม่น้อย เขารวบรวมความกล้าพร้อมซูดลมหายใจเข้าเต็มปลอดก่อนที่จะค่อย ๆ หันหน้าขวับไปมองทางด้านหลัง
“หมาแหละ”
เขาเอ่ยออกมาเพื่อปลอบใจตัวเองเมื่อหันไปมองแล้วกลับไม่พบสิ่งมีชีวิตแม้แต่สิ่งเดียว จากนั้นคนดีก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเร็วขึ้นเพื่อให้พ้นซอย สุดท้ายก็ถึง ร้านเค้กจอยเวอร์ พอมองเห็นจอยเจ้าของร้านเค้กกำลังเช็คสินค้าอยู่คนดีถึงพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งออก
“มาอะไรจ้ะคนสวย” จอยทักทายคนดีด้วยประโยคประจำ ด้วยความที่คนดีเป็นผู้ชายที่หน้าตาหวานสะสวยผิวขาวเนียนผ่องคล้ายหญิง เธอเลยชอบเรียกเขาว่า คนสวย ถึงแม้นิสัยจะก๋ากั่นสมชายก็ตาม
“เจ้ให้เอาพะแนงเนื้อมาให้พี่อะ ปิดร้านคนเดียวเหรอวันนี้พี่”
“จ่ะ พอดีลูกน้องลาน่ะ”
“รีบปิดร้านเถอะครับพี่จอย วันนี้วันหยุดคนเงียบ ๆ ไม่น่ามีลูกค้าแล้วแหละ”
“อืม ปิดเลยก็ดีเหมือนกันนะ เอาขนมไปกินด้วยสิเดี๋ยวพี่อบให้แป๊บเดียว”
หลังจากนั้นจอยก็คีบพายมะพร้าวสองชิ้น กับครัวซ็องเนยน้ำตาลสองชิ้นเข้าเตาอบเพื่ออุ่นให้คนดีกลับไปทาน และก็ไม่ลืมที่จะแพ็คเค้กส้มขนาดครึ่งปอนด์ลงกล่องเพื่อให้เขาเอากลับไปด้วย
“ได้แล้วจ่ะน้องดี”
“ครับ ขอบคุณนะครับพี่จอย งั้นผมกลับเลยนะ”
“กลับดี ๆ ล่ะ อย่าเถลไถล”
“ค้าบ”
ทันทีที่ออกมาจากร้านจอยเวอร์คนตัวเล็กก็หยิบพายมะพร้าวแสนอร่อยออกมากัดกินเคี้ยวตุ้ยขณะกำลังเดินกลับ ในขณะที่เขากำลังเพลิดเพลินไปกับรสชาติของขนมหวานอยู่นั้น คนดีก็บังเอิญไปเห็นกลุ่มชายชุดดำวิ่งกรูกันมาทางด้านที่เขากำลังจะเดินผ่าน ก่อนที่เสียงปืนสั้นจะดังขึ้นมาสองครั้ง
ปัง ปัง
“ไอ้เชี่ยเสียงปืน!” คนดีรีบแทรกตัวเข้าไปในระหว่างช่องของกำแพงเพื่อหลบภัยทันทีแล้วยืนนิ่งเพื่อดูสถานการณ์รอบนอก นาทีนี้หัวใจดวงแกร่งเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก ในหัวคิดบทสวดออกมานับร้อยอย่างหวาดกลัว
“หายไปแล้วครับนาย”
“แม่ง ไปหาตัวมันให้เจอ!”
“เชี่ย นี่มันแก๊งมาเฟียในชีวิตจริงเหรอวะ มึงตายแน่เลยไอ้ดี”
กรึบ
“ใครวะ!”
“ชิบหาย”
พรึบ
คนดีหลับตาปี๋เมื่อมีใครบางคนกระโจนเข้ามาทับร่างเขาตรงช่องแคบแห่งนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเขาแทบสติแตก
“พ..พี่เป็นใคร จะทำอะไรผม ปล่อยผมไปเถอะผมจะไม่บอกใคร นะพีี่นะ อย่าฆ่าผมเล..ย!”
อุ๊บส์!
ริมฝีปากอวบอิ่มประทับลงริมฝีปากบางอย่างลนลานเพื่ิอดันสิ่งแปลกปลอมบางอย่างเข้าในโพรงปากของคนใต้ร่าง
“เก็บไว้ให้ดีแล้วกูจะมาเอาคืน แต่ถ้ามึงทำหายล่ะก็…”
“คนที่ตายอาจเป็นมึง”
“ o_o ” คนดีเบิกตากว้างแล้วสบตากับคนบนร่างครั้งแรก
“แล้วเจอกัน”
“เฮ้ย กูอยู่ทางนี้เว้ย!”
