บทที่ 5
“โอ้ย เจ็บ” คนร่างสูงร้องลั่นบ้านเมื่อคนดีใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ค่อย ๆ เช็ดปากแผลให้ โชคดีมากที่กระสุนไม่ได้ฝังลงไปในผิวหนัง โดนแค่ถาก ๆ เท่านั้น ด้วยความที่คนดีดึงตัวเขาไว้ได้ทัน จึงไม่ได้เป็นอันตรายแก่ชีวิต
“ขอโทษ นี่กูก็เบามือสุดแล้ว ทำไมมึงไม่ไปโรงบาลวะ ให้พยาบาลทำแผลให้จะได้ไม่เสี่ยงติดเชื้อด้วย”
“ไม่ได้ ไปโรงบาลไม่ได้”
“ทำไม มึงกลัวเข็มเหรอ” เขาเงียบไปครู่นึงเหมือนกับว่านิ่งเพื่อหาคำตอบมาอ้างต่อคนดี เพราะเหตุผมที่ทำให้เขาไปรักษาที่โรงพยาบาลไม่ได้มันก็มีเหตุผลอยู่
“เออ กูกลัวเข็ม”
“จริงดิ ไม่น่าเชื่อ”
“เสร็จแล้ว ดีนะที่แผลแค่ถาก ๆ ช่วงนี้ก็อย่าให้แผลโดนน้ำละกัน”
“ขอบใจ” ทันทีที่หนุ่มน้อยผมสีน้ำตาลอ่อนทำแผลให้เขาเสร็จเรียบร้อย นายท่านก็ลุกพรวดขึ้นทำท่าจะเดินออกไป คนดีจึงรีบเอ่ยถามทันทึ
“อ้าว แล้วนั่นมึงจะไปไหน”
“กลับคอนโดไอ้แล”
“ได้ไง อยู่กินขนมด้วยกันก่อนดิ”
“ไม่ กูไม่อยากเห็นขี้หน้ามึง” คนดีเม้มปากเป็นเส้นตรงด้วยความรู้สึกผิดที่วันนี้เขาทำเจ็บแสบไว้กับนายท่านหลายเรื่อง ถึงแม้นเมื่อครู่คนดีเองก็เพิ่งจะช่วยชีวิตเขาไป นายท่านก็ยังไม่หายโกรธเคือง แน่นอนว่าเรื่องปากเรื่องมันก็แทนที่กันไม่ได้ โกรธไปแล้วเกลียดไปแล้วก็ยากที่จะหายขาด
“คนดี”เสียงหวานร้องเรียกน้องชายตัวแสบทันทีเมื่อก้าวขาเข้ามาในบ้าน คนรักหอบกระเป๋าเอกสารพะรุงพะรังสองใบด้วยสภาพอิดโรยจากการทำงาน
“เจ้ กลับมาแล้วเหรอ”
“เออ คุยงานกับลูกค้าเหนื่อยชิบหายเลย”
“ขอโทษนะที่วันที่ไม่ได้ไปด้วย”
“นั่นมันเลือดนี่ ไปโดนอะไรมาอะ” คนรักตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นของเหลวสีแดงเลอะเสื้อนักศึกษาของนายท่าน
“ไอ้นายมันโดนโจรซุ่มยิง”
“นาย? เป็นเพื่อนคนดีเหรอ เจ้ไม่เคยเห็นเลยอะ”
“ใช่ เพื่อนผมเองเจ้ มันโดนโจรที่ไหนก็ไม่รู้ดักยิงที่ร้านพี่จอยอะ แต่มันเสือกอินดี้ไม่อยากไปหาหมอไง ผมก็เลยพามันมาทำแผลที่บ้าน”
“ช่วงนี้ระมัดระวังกันหน่อยนะนาย รู้ป้ะเมื่อคืนนี้ไอ้ดีเกือบตาย” คนดีรีบพุงตัวเข้าไปปิดปากผู้เป็นพี่สาวไว้ทันทีเมื่อรู้ว่าเธอกำลังหมายถึงเรื่องอะไร ซึ่งจะพูดออกมาตอนนี้ไม่ได้
“เจ่เจ้พอได้แล้ว”
“ทำไมเหรอครับ เล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหม ผมอยากฟัง” นายท่านยิ้มแสยะอย่างมีชัยเมื่อเห็นทีท่าของคนตรงหน้าดูไม่ค่อยปกติ คงกลัวว่าเขาจะทำร้ายพี่สาวของตัวเองก็หลุดพูดเรื่องเมื่อคืนออกมา เพราะนักเลงเมื่อคืนนั้นคือเขาเอง
“ก็เมื่อคืนพี่ให้ไอ้ดีเอาอาหารไปส่งให้พี่จอยเว้ย”
“อย่าเล่านะเจ้!”
“เฮ้ย กูจะเล่า นายมันจะได้ฟังเป็นอุทาหรณ์ไง”
“เล่าต่อเลยครับ”
“นั่นแหละ ขากลับมามันเจอนักเลงที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาจูบ ตอนที่ริมฝีปากบดขยี้กันนะ ไอ้หมอนั่นก็แอบใช้ลิ้นดันแหวนเข้าไปที่โพรงปากมันเว้ย ไม่รู้มีน้ำลงน้ำลายอะไรบ้างหรือ..เปล่า!”
“เจ่เจ้คนรัก!”
“จูบแล้วไม่พอนะ ขู่ฆ่าด้วย คนอะไรโรคจิตแล้วยังบ้ากามด้วย เจ้ว่านะมันต้องคิดจะข่มขืนไอ้ดีแน่เลย แต่ดันหนีมาได้เสียก่อน”
“โรคจิตจริง ๆ ด้วยครับ คนฉวยโอกาสแบบนี้”
“แต่ที่มันนอยด์อะไม่ใช่เรื่องที่มันเกือบตายนะ แต่เป็นเรื่องที่ไอ้บ้านั่นขโมยจูบแรกที่มันตั้งใจจะมอบให้พี่ทิว รุ่นพี่บริหารปีสี่ที่มันแอบชอบ”
“หมดแล้วภาพลักษณ์ที่สะสมมา หมดสิ้นแล้วไอ้ดีเอ้ย”
“หึ ก็แค่จูบแรกเอง มึงก็อย่าไปนับดิวะ”
“มึงหุบปากไปเลยไอ้นาย เพราะมึงนั่นแหละ”
เผี๊ยะ!
“โอ้ย! เจ็บ” ฝ่ามืออรหันต์ฟาดลงยังต้นแขนน้องชายจนขึ้นรอยห้านิ้ว
“คนดี ไปโทษเพื่อนแบบนั้นได้ไง นายเจ้ขอโทษแทนไอ้ดีมันด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรครับผมไม่ถือสามันหรอก ถ้าไม่มีไรแล้วผมขอตัวกลับเลยละกันนะครับ หวัดดีครับ”
“ดะ…เดี๋ยวกูไปส่งหน้าบ้าน”
นอกจากเขาจะไม่ฟังอะไรอีกแล้ว นายท่านยังเดินออกมาจากบ้านอย่างเร่งรีบเพราะเกรงว่าคนพวกนั้นจะตามมาเจอเขาที่บ้านของคนดี เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นสองพี่น้องจะต้องตกอยู่ในอันตราย คนดีวิ่งไม่คิดชีวิตเพื่อตามเขาให้ทันพร้อมตะโกนร้องเรียกหลายครั้ง จนท้ายที่สุดเจ้าตัวก็ยอมหยุดเดิน
“ไอ้นายเดี๋ยวก่อน!”
“มีไรอีก”
“กะ...กูขอโทษ” นายท่านสีหน้านิ่งเรียบ ไม่แสดงอาการใด ๆ เมื่อได้ยินคำกล่าวขอโทษจากปากคนดี จนคนตัวเตี้ยกว่าหน้าซีดเป็นไก่ต้มเพราะหวาดกลัว
“เรื่อง?”
“ก็ทุกเรื่องที่กูทำวันนี้ ที่พูดจาแย่ ๆ ทำตัวแย่ ๆ ใส่ กูไม่มีข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้น กูอยากขอโทษมึงจริง ๆ”
“แค่นี้ใช่ไหม งั้นกูไปนะ”
“เดี๋ยว ยังมีอีกเรื่อง” คนดียื่นแหวนเพชรวงนั้น วงที่เขาได้มาให้กับนายท่านโดยแสดงออกถึงความจริงใจ และรู้สึกผิดอย่างแท้จริง แววตาแข็งกร้าวคลายความโกรธลง หลงเหลือไว้เพียงความประหลาดใจเท่านั้น
“เอาคืนไปแหวนมึงอะ”
“ไหนว่าขายแล้ว”
“ใครจะกล้าขายวะ เล่นขู่ฆ่ากันขนาดนั้น อีกอย่างมันไม่ใช่ของกู กูจะกล้าขายได้ไงล่ะ” ถึงแม้ว่าคนดีดูพูดติดเล่นไปบ้าง แต่แท้จรงแล้วเขาก็เป็นคนจิตใจดี ไม่เห็นแก่ได้เหมือนที่นายท่านคิดไว้ตอนแรกเลย เพราะถ้าไม่ใช่คนดี แหวนวงนี้ไม่มีวันหลุดมือเขาไปแน่นอน
“ขอบคุณนะ แล้วก็ขอโทษด้วยเรื่องจูบแรกของมึง กูไม่ได้ตั้งใจนะเว้ย ตอนนั้นกูแค่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง”
“เฮ้ย คิดมากน่า จูบรงจูบแรกอะไร ใครเขาถือกัน อย่าคิดมากเลย”
“งั้นกูกลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันที่มอ”
“อื้ม พรุ่งนี้เจอกันนะ บาย”
“บาย”
คนดียืนมองแผ่นหลังกว้างอย่างโล่งใจ ที่เรื่องร้าย ๆ ทุกอย่างมันปิดท้ายวันได้เป็นอย่างดี ต่อจากนี้นายท่านจะคือเพื่อนของเขาคนนึงที่เขาจะรักและไว้ใจเหมือนคนอื่น ๆ และเขาก็หวังไว้ว่านายท่านจะคิดกับเขาเช่นนี้เหมือนกัน
30 นาทีก่อน...
ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าร้านพี่ต้นอีกครั้ง หลังจากที่กลับมาจากร้านชาบูผมก็รีบมาที่นี่เลย ตอนแรกผมกะว่าจะขายแหวนวงนั้นไปเพราะผมโกรธมัน โกรธที่มันมาล่วงละเมิดผมแบบนี้ แต่พอได้รู้ว่าเจ้าของแหวนคือไอ้นายแถมยังเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่แม่มันทิ้งไว้ให้ด้วย แบบนี้ใจของคนดีก็เหลวเป๋วเลยอะดิ ฮือ~ ด้วยความที่ผมรู้สึกผิดต่อมันด้วยแหละ ผมจึงตัดสินใจว่าจะเอาแหวนไปคืนมัน
“ผมมาแล้วพี่ต้น”
“ว่าไงสรุปจะขายไหม เอาเลขบัญชีมา”
“อยากขายนะพี่ แต่ว่ามันไม่ใช่ของผมอะดิ ของผู้ชายที่คุย ๆ กันไว้อยู่อะ มีคุณค่าทางจิตใจ”
“หึ คงกลัวเขาทอ้งแล้วมาเอาคืนไปล่ะสิ”
“ประมาณนั้นแหละพี่ เดี๋ยวผมโอนค่าทำความสะอาดให้ละกัน”
“ไม่ต้อง ๆ เอาแหวนมึงไป แล้วรีบออกจากร้านกูซะ”
“ค้าบ”
