บทที่ 5
อย่างไม่เป็นจังหวะอยู่เลย อารมณ์มันก็จะฟินๆ เขินๆ อายๆ อธิบายไม่ได้ เพราะความรู้สึกแบบนี้มันก็เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก ทั้งๆ ที่เธอก็อายุไม่ใช่น้อยๆ แต่ทว่ากลับอ่อนประสบการณ์เรื่องสบตาหนุ่มๆ
แต่อยู่ๆ ขณะที่แพรทับทิมกำลังคิดอะไรเพลินๆ กับตัวเองอยู่นั้น โคมไฟบนโต๊ะที่มีไว้สำหรับบุ๊คกิ้งโฮสต์ที่เธออยากคุยด้วยเป็นการส่วนตัวก็ถูกมือยาวๆ ของใครก็ไม่รู้มากดปิดมันเสียดื้อๆ และทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นมอง ถึงรู้ว่าเป็นใคร
“นาย”
“ผมชื่อกายครับ ไม่ได้ชื่อนาย” ชายหนุ่มส่งยิ้มมุมปากมาให้ แพรทับทิมจ้องมองเขาตาไม่กะพริบ เพราะไม่คิดว่าจะได้มาเจอกันที่นี่ รวมถึงกายเองก็ไม่คิดว่าจะได้เจอเธอที่นี่ในวันนี้เช่นกัน แม้จะรู้ว่าช้าหรือเร็ว เธอก็ต้องมาที่นี่อยู่ดี
“กายก็กาย ว่าแต่นายมาทำอะไรที่นี่ แล้วตะกี้นายปิดไฟที่เอาไว้บุ๊คกิ้งโฮสต์ของฉันไปทำไม”
“ลองเดาดูสิครับ ว่าผมนั่งคุยกับคุณสองต่อสองที่โต๊ะภายในคลับโฮสต์ชื่อดัง มันหมายความว่าอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น นั่นทำให้แพรทับทิมตาโตเป็นไข่ห่าน แม้จะสวมแว่นสายตาอยู่ก็ตามที
“หรือว่านายจะเป็นโฮสต์อยู่ที่นี่”
“เยส!” กายเอ่ยรับ เขาเข้างานสายและเมื่อครู่ก็กำลังจะเดินไปหาลูกค้า แล้วสายตาก็บังเอิญหันมาเห็นแพรทับทิมเข้า จึงเดินมาหาและกดปิดไฟบุ๊คกิ้งของเธอเพื่อมัดมือชกล็อกตัวเขาไว้ที่โต๊ะเธอเสียเลย
“แต่ฉันไม่ได้บุ๊คกิ้งเพื่อจะคุยนายสักหน่อย เปิดไฟให้ฉันใหม่เดี๋ยวนี้นะ” แพรทับทิมเอ่ยสั่ง แต่คนตรงหน้ากลับเอาแต่ยิ้ม
“ไฟที่นี่มันถูกตั้งระบบไว้ให้เปิดและปิดได้แค่ครั้งเดียวต่อคืนครับ” เขาอำเธอ ซึ่งแพรทับทิมเชื่อสนิทซะงั้น
“แต่นายเล่นขี้โกง เอามือมาดับไฟฉันโดยพลการ ไปเรียกผู้จัดการมาด่วนเลย ฉันอยากคุยด้วย”
“อย่าเอะอะไปสิคุณ เดี๋ยวแขกคนอื่นๆ จะพากันตกใจไปเสียหมด” กายเอ็ดแพรทับทิมไปเบาๆ แต่เธอกลับยังไม่หยุดโวยวาย
“ก็นายมันขี้โกงนี่”
“ว่าแต่คุณ วันก่อนยังนุ่งขาวห่มขาว บวชชีพราหมณ์อยู่ที่วัดอยู่เลย ไหงวันนี้มาอยู่ในคลับโฮสต์ได้ล่ะครับ” กายจงใจเปลี่ยนเรื่อง ทั้งๆ ที่เขาพอจะรู้เหตุผลที่คืนนี้ได้เจอแพรทับทิมที่นี่ แต่ทำไมเธอถึงไม่มาในฐานะบอส แต่กลับมาในฐานะแขกทั่วๆ ไป
“แล้วนายล่ะ วันก่อนยังเป็นลูกศิษย์วัด ช่วยงานหลวงพ่ออยู่เลย ไหงวันนี้ถึงมาเป็นโฮสต์ที่นี่ได้” แพรทับทิมถามกลับบ้าง เพราะกายในวันนี้กับกายวันนั้นดูราวกับไม่ใช่คนคนเดียวกัน กายวันนี้ดูยียวนกวนประสาทเหลือเกิน
“นี่มันงานของผม”
“นี่มันก็เรื่องของฉันเหมือนกัน” แพรทับทิมและกายจ้องตากัน แม้ไฟในคลับจะสลัวๆ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้เธอเกิดอาการประหม่าได้ไม่น้อย ส่วนกายนั้นแม้ภายนอกจะเฉยๆ แต่ทว่าหัวใจของชายหนุ่มก็เต้นแรงเช่นกัน เขารู้ว่าเพราะอะไรมันถึงเต้นแรงแบบนี้ เขารู้ใจตัวเองดี
“แต่ผมว่าที่นี่มันไม่ค่อยเหมาะกับคุณสักเท่าไหร่” กายแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ทำไมนายถึงคิดว่าฉันไม่เหมาะกับที่นี่”
“เพราะผู้หญิงแบบคุณ แววตาแบบคุณ ไม่ได้บ่งบอกว่ากำลังต้องการผู้ชายเพื่อคลายเหงา”
“นายเก่งขนาดอ่านแววตาฉันออกเลยหรือไง” เอ่ยจบแพรทับทิมก็รวบรวมความกล้าสบตากับกายไปตรงๆ แต่ดูเหมือนเธอจะแพ้ เพราะต้องหลบสายตาของกายที่มองเธอกลับมาเสียเอง
“หรือไม่จริง” เสียงทุ้มเอ่ยถาม
“ไม่จริง” โทนเสียงของแพรทับทิมติดสั่นเล็กน้อย เพราะประหม่านั่นเอง
“ถ้าจริง คืนนี้คุณก็ให้ผมดูแล ไม่อย่างนั้นก็แสดงว่าคุณโกหกผม”
“ฉันไม่อยากให้นายมาดูแล”
“คุณไม่มีสิทธิ์เลือก เพราะว่าคุณได้บุ๊คกิ้งผมไปแล้ว และถ้าต้องการยกเลิกคุณต้องจ่ายค่าเสียเวลาให้ผม” กายยักคิ้วให้ นั่นทำเอาเธอแยกเขี้ยวใส่
“เท่าไหร่” แพรทับทิมคว้ากระเป๋าที่วางอยู่ข้างตัวมาถือไว้ พร้อมจะจ่ายค่าเสียเวลาให้ตามที่ชายหนุ่มร้องขอ ขอเป็นสายเปย์ดูสักตั้ง หวังว่ากระเป๋าเธอมันจะไม่ฉีกเสียก่อนนะ
“ผมไม่รับเป็นเงิน”
“เอ้า! แล้วนายอยากได้เป็นอะไรก็บอกมา”
“ผมชอบรับเป็น…จูบ”
“จูบ!” คนฟังตาโต ใจนี่เต้นโครมครามกับรูปแบบการจ่ายค่าเสียเวลาที่ได้ยิน
“ใช่…จูบที่ว่ามันต้องดูดดื่มแบบปากประกบปากด้วยนะครับ จูบแบบเด็กอนุบาลไร้ประสบการณ์ผมก็ไม่รับ”
“ฉันบุ๊คกิ้งก็ได้” คำตอบของแพรทับทิมทำเอากายยิ้ม พยายามกลั้นเสียงหัวเราะจนเจ็บแก้มไปหมด เธอดูเอาจริงเอาจัง พร้อมจะเปย์ แต่สุดท้ายก็ถอย เมื่อรู้ว่าเขาต้องการค่าเสียเวลาเป็นอะไร
แค่นี้กายก็พอรู้ว่าแพรทับทิมเป็นผู้หญิงแบบไหน เธอใสซื่อเกินไปที่จะมาคุมคลับโฮสต์แห่งนี้ แต่ในเมื่อเธอได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของ มันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่เธอจะต้องเข้ามาบริหาร แต่มันคงไม่ง่ายสักเท่าไหร่
“แล้วนี่แต่งตัวอะไรของคุณ”
“ทำไม มันไม่แมทซ์กันเหรอ” แพรทับทิมก้มมองตัวเอง เพราะวันนี้กว่าจะหาชุดที่มันลงตัวได้ เธอก็แทบจะรื้อตู้เสื้อผ้าออกมาเลือก
“แมทซ์กันยังไงคุณ เสื้อส้ม กางเกงน้ำเงิน ทับด้วยสูทลายดอกเนี่ย”
“ก็มัน…”
“มันอะไรครับ” ยังไม่ทันที่แพรทับทิมจะได้พูด เสียงทุ้มเอ่ยดักขึ้น สีหน้าเขาดูยียวนจนเธอหมั่นไส้ จากครั้งแรกที่เจอกัน คิดว่าเขาน่าจะเป็นคนเงียบๆ แต่วันนี้เธอเปลี่ยนใจแล้ว ดูจากที่เขาทักเรื่องชุดเธอก็พอรู้ ว่าเขาปากกรรไกรแค่ไหน
“มันเกี่ยวกับนายตรงไหนไม่ทราบ”
“ไม่เกี่ยวกับผมหรอก แต่ผู้หญิงแต่งชุดแม่สีแบบคุณ ดึกๆ ดื่นๆ ออกไปเดินไม่กลัวเขาวิ่งมาขอหวยหรือยังไง”
“บ้า! ฉันคนนะไม่ใช่นางไม้” แพรทับทิมแหวใส่
“เอ้า! ก็มันเหมือนนี่คุณ”
“พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว” เธอโบกไม้โบกมือเปลี่ยนบทสนทนามันเสียเลย กายนั่งหัวเราะให้คนที่เถียงไม่ออก ก่อนจะไล้สายตามองแพรทับทิมอีกครั้ง
โครงหน้าเธอดูสวย ผมสั้นประบ่ามันเข้ากับเธอดี แม้จะใส่แว่นสายตาหนาเตอะนั่นอยู่ รูปร่างก็สูงโปร่ง ติดอย่างเดียว แต่งตัวไม่ค่อยเป็น และเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
