บทนำ
เรื่องมันเริ่มต้นที่...
ณ ร้านโรงเตี้ยมเล็กๆ แห่งหนึ่งย่านชายเมืองผู้ไร้ผู้คน ลมหนาวพัดโบกไปมาพร้อมกับดวงตะวันที่เพิ่งจะลาลับฟ้าไปแหม๊บๆ ภายในร้านนั้นมีกลุ่มชายชรา 3 คนกำลังนั่งพูดคุยกันอย่างเมามันส์เอาเป็นเอาตายจนมาประบทสนทนาที่เปรียบเสมือนฉนวนจุดระเบิดของเรื่องวุ่นๆ ทั้งหมด…
“นี่ๆ ข้าได้ข่าวว่าไอ้เฉินมันกำลังเปิดรับสมัครหาคู่ดูตัวให้หลานชายคนโตสุดหล่อของมันโว๊ย!”ชายชราคนที่ 1 พูดขึ้น
“แล้วไงว่ะ ไอ้เฉินมันน่ะเจ้าระเบียบจะตายไป ผู้หญิงที่จะไปเป็นหลานสะใภ้มันก็คงต้องเพียบพร้อมน่าดูเลย นี่ข้าก็ว่าจะส่งหลานสาวข้าเข้าสมัครดูเหมือนกัน” ตามมาติดคือชายชราคนที่ 2
“งั้นเอ็งก็คิดเหมือนข้าน่ะสิวะ แต่อย่างหลานสาวเอ็งคงตกรอบแรกแน่ๆ เพราะหลานสาวเอ็งน่ะมันชอบแต่งตัวโป๊โชว์เนื้อหนังมังสา นิสัยก็แย่!” ชายชราคนที่ 1 พูดกับชายชราคนที่2
“เอ็งอย่ามาดูถูกหลานสาวข้านะโว้ยยย~ หลานสาวเอ็งน่ะอ่อนแอ แถมยังขี้แงอีกต่างหาก นิสัยเหมือนปู่มันไม่มีผิดใครได้ไปเป็นหลานสะใภ้ มีหวังคงอยากจะผูกคอตายวันละหลายๆ หน”
ชายชราคนที่ 2 พูดกับชายชราคนที่1 คำสนทนานั้นดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่างฝ่ายก็ถกเถียงกันว่าหลานสาวของตนดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ ดีอย่างโน้น แต่ชายชราคนที่ 3 กลับนั่งมองแบบเซงๆ
“งั้นเอ็งกับข้ามาแข่งกัน หลานสาวใครชนะการแข่งขันดูตัวคนนั้นชนะ ส่วนคนที่แพ้ต้องยอมโกนหัวล้านโป๊งเหน่ง” เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกันการพนันย่อมเกิด
และแล้ว...การพนันของชายชราทั้ง 2 จึงเรื่มต้นขึ้น
“แล้วเอ็งล่ะ ไอ้หยาง เอ็งจะส่งหลานสาวเอ็งเข้าประกวดกับพวกข้าไหม” ชายชราคนที่1 หันมาถามชายชราคนที่ 3 ทันทีส่งผลให้
“เอ็งจะบ้าเร๊อะ! เอ็งก็รู้ว่าข้ากับไอ้เฉินน่ะเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แล้วเอ็งยังคิดว่าข้าจะให้หลานสาวข้าไปเป็นสะใภ้มันรึไงว่ะ!” ชายชราคนที่ 3 ว่าพร้อมทั้งชักสีหน้าโมโหใส่ชายชราทั้งสองในทันที
“เอ็งนี่ถามอะไรแปลกๆ..ไอ้หยางน่ะมันมีหลานสาวซะที่ไหน ผู้หญิงอะไรวะ ทำตัวหยั่งกับผู้ชายอกสามศอก ทองสามสลึง เอ็งจำตอนที่หลานพวกเรายังเด็กๆ ได้ไหม ที่หลานไอ้หยางมันแกล้งหลานพวกเราน่ะ ” ชายชราคนที่ 2พูดเยาะเย้ยชายชราคนที่ 3
“เออใช่! หลานสาวเอ็งน่ะ! เกเรจะตาย แอบเปิดกระโปรงหลานสาวข้า แถมยังเอารองเท้าของหลานสาวไอ้หยกไปจิ้มขี้อีกต่างหาก เด็กอะไร ดื้อด้านชะมัด” สมทบด้วยชายชราคนที่1
“นั้นมันตอนเด็กโว้ยยยย! พวกเอ็งน่ะไม่รู้อะไร ตอนนี้หลานสาวข้าเรียบร้อยกว่าผ้าเรียบๆ ที่รีดเอาไว้ซะอีก พูดแล้วจะหาว่าคุย!” ชายชราคนที่ 3 เริ่มโมโหเมื่อเพื่อนๆ ต่างพากันดูถูกหลานสาวของตน
“ไม่จริงมั้งง! เห็นโซดาหลานสาวข้าเล่าให้ฟังว่า.หลานสาวเอ็งน่ะอยู่โรงเรียนเป็นหัวหน้าอันธพาลที่ชอบมีเรื่องชกต้อยกับโรงเรียนอื่นเป็นประจำนี่หว่า นั่นเหรอว่ะเด็กเรียบร้อย ที่เอ็งไม่อยากให้หลานสาวเอ็งลงสมัครเพราะกลัวจะแพ้หลานสาวพวกข้าใช่รึเปล่าวะ” เมื่อเจอคำพูดที่เยาะเย้ยจนทำให้ชายชราคนที่ 3(ปู่ฉัน ) สติเริ่มหลุดไปนอกโลกเพื่อแวะไปเยี่ยมเยียนดาวพลูโตที่ออกจากวงจรของโลกไปแล้ว! ชายชราคนที่ 3 ก็เผลอพูดในสิ่งที่โลกต้องจดจำไปทันที
“ตกลง! ข้าจะให้หลานสาวของข้าลงแข่งขันกับหลานสาวของพวกเอ็งด้วย แต่ถ้าพวกเอ็งแพ้! ต้องถอนคำพูดที่ว่าหลานสาวข้าเมื่อกี้นี้...ตกลงไหมว่ะ” เพราะปากมันดันพูดออกไปแล้วจึงไม่สามารถแก้ไขอะไรได้
นอกจาก...ต้องสู้
“งั้นก็เป็นอันตกลง ถ้าหลานสาวของเรา 3 คนนี้สามารถชนะพิธีดูตัวนั้นได้ ถือว่าคนๆนั้นชนะ ” และแล้วการแข่งของชายชราทั้ง3ก็เริ่มต้นขึ้น
โดยแพ้ชนะนั้นมีหลานสาวของแต่ละคนเป็นสิ่งเดิมพัน
มีของรางวัลเป็น ''หลานชายคู่อริ''
โรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง
โรงเรียนในตอนนี้เหมือนสมรภูมิรบซะมากกว่า...นักเลงสิบกว่าคนกำลังยืนล้อมผู้หญิงตัวเล็กผู้น่าสงสารอยู่ ผู้หญิงคนนั้นกำลังตกอยู่ในอันตราย! (รึเปล่า?) มันอาจจะเป็นอันตรายจริงๆ ถ้าผู้หญิงที่โชคร้ายคนนั้นไม่ใช่...ฉัน
“ว่าไงยัยตัวแสบ ครั้งที่แล้วเธอทำพวกฉันแสบมากนะ จะยอมแพ้ดีดีรึจะเจ็บตัวก่อน เลือกเอา!” โอ้โห้....ช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้เนี่ย
“ถ้าคำพูดแกน่ากลัวได้ถึงครึ่งของหน้าตาแกล่ะก็นะ คงจะน่ากลัวกว่านี่เยอะเลย ไอ้ควายหมี” ฉันคือเด็กหญิงผู้น่าสงสารที่โดนรุมล้อมด้วยผู้ชายหน้าตาเหมือนเพิ่งลงจากยานต่างดาว แต่ฉันไม่หวันแม้วันมามาก กลับยืนคุยกับไอ้หัวหน้าแก้งค์อันธพาลอย่างสุขขีสโมสร
“นี่เธอกล้าว่าฉันน่ากลัวอย่างงั้นเหรอยัยตัวแสบ” โอ้โห ~ *ไอ้บ้านี่ดูหน้าเหมือนจะโง่ แต่ก็ออกแววฉลาดมาให้เห็นเหมือนกันนี่น่า เพราะดูจากหน้าตาของพวกมันแต่ละคนแล้วไม่น่าพูดภาษาคงได้ซำด้วยซ้ำไป น่านับถือเสียนี่กระไร
“หน้าแกเวลาโกรธเนี่ยเหมือนมุกกูที่บ้านฉันเลยแหะ” ฉันยังคงยืนคุยกับไอ้พวกนี้อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทั้งๆ ที่คนในโรงอาหารกลับกำลังวิ่งหนีตายกันอย่างอลม่าน จะวิ่งกันให้เหนื่อยทำซากอ้อยอะไรนะ คนที่ต้องหนีมันน่าจะเป็นฉันสิ
“อะไรของเธอห๊ะ! มุกกู คืออะไร? ” ไอ้บ้านี่ก็ยังยืนคุยกับฉันเหมือนเพื่อนซี้ที่ไม่ได้เจอกันเนิ่นนานนับพันๆ ปีอย่างนั้นแหละ
“มุกกู หมาพันธ์ปักที่ฉันเลี้ยงเอาไว้เองแหละ มันหลงทางกับพ่อแม่ของมันแต่ตอนนี้ฉันว่าฉันเจอพ่อของมุกกูเข้าแล้วล่ะ”
“ยัยตัวแสบ เธอว่าฉันเป็นหมาอย่างงั้นเรอะ ดีละ! ฉันจะไม่ออมมือให้เธอเพราะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงหรอกนะ พวกเราลุย!” สิ้นเสียงประกาศิษของไอ้ควายหมี พวกลูกน้องมันก็เข้ามารุมฉันทันที ต๊ายๆ ฉันจะกลัวดีไหมเนี่ย
ตุบ ตับ! พลั๊ก!
ฉันยังคงเมามันกับการออกกำลังกายในยามเย็นก่อนกลับบ้าน อะไรมันจะน่ากลัวอย่างนี้นะ
“โอ๊ย ~ อย่าทำอะไรฉันเลย เจ็บจะตายอยู่แล้ว พลั่ก โอ้ย! ตุ๊บ! พอเถอะ ไม่ไหวแล้วฉันจะตายอยู่แล้ว”
“คนที่จะตายน่ะ! พวกฉันโว้ยยยย ยัยบ้า! โอ๊ยยย”
10 นาทีผ่านไป~
ดูเหมือนสงครามจะสิ้นสุดลงแล้ว และแน่นอนมีเพียงผู้เดียวที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ ฉันไม่มีแม้กระทั่งรอยขีดข่วน ส่วนพวกไอ้ควายหมีน่ะเหรอ
เข้าเฝ้ายมบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ตายสิ นี่ฉันยังไม่ทันจะได้หายหมดสนุกเลยนะนั่น ทำไมรับหลับกันไวจังนะ
เฮ้อ~กลับบ้านดีกว่าเรา ขืนอยู่ตรงนี้ต่อไปอีกประเดี๋ยวอาจจะมีคนตายด้วยน้ำมือของฉันแน่ ชักจะเริ่มกลัวตัวเองขึ้นมาหน่อยๆ ซะแล้วสิฉัน
