บทที่ 3 ไม่เมาไม่กลับ
@ CLUB 94
“ฮัลโหล พวกแก มาหาเราหน่อยได้มั้ย” ฉันโทรเข้าไปในกลุ่มไลน์ ที่เป็นกลุ่มเฉพาะของพวกเราผองเพื่อนแก๊งสามซ่า เสียงฉันสั่นเล็กน้อย และดูไม่มีชีวิตชีวา
ตอนนี้ฉันอยู่ที่คลับแห่งหนึ่ง อยู่แถวๆ มหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่ คลับแห่งนี้ขึ้นชื่อในย่านนี้เลยก็ว่าได้ ฉันมาก่อนใครเพื่อน ไม่มีใครเลยนอกจากโต๊ะฉันโต๊ะเดียว
ตอนนี้มันเป็นเวลาหกโมงครึ่ง ใครเขาจะมาเวลานี้ล่ะ ก็มีแต่คนอกหักอย่างฉันนี้ล่ะที่มา!
“แกอยู่ไหน!? เป็นอะไร!? ทำไมเสียงแปลกๆ!?” เหมยยิงคำถามออกมาเป็นชุดใส่ฉัน เสียงนางดูเป็นห่วงฉันเอามากๆ
“CLUB 94” ฉันบอกสถานที่ที่ฉันอยู่ คลับนี้ชื่อว่า ‘94’
“บอกให้ครบสิวะ! โต๊ะที่นั่งด้วย!” แพรวส่งเสียงดังสวนกลับมา
“โซนวีไอพี เดินมาก็เจอเองแหละ” ฉันแทบจะไม่อยากพูดอะไร แต่ก็ต้องพูดออกไป เพราะไม่งั้นพวกมันทั้งสองได้ด่าเช็ด จากนั้นก็กดวางสายไป
ตอนนี้น้ำตาของฉันไม่ไหลแล้ว แต่ก็ยังคงเศร้าอย่างบอกไม่ถูก เหมือนอยากจะร้องไห้ แต่ก็ร้องไม่ออก
ฉันนึกสงสัยตัวเองว่าเหมือนกัน ว่าทำไมถึงร้องไห้น้อยจัง คงเป็นเพราะฉันร้องมาตลอดแหละมั้ง น้ำตาคงหมดแล้ว
ที่ฉันมาคลับในวันนี้กะจะมา ดื่ม ดื่ม ดื่ม และดื่ม ดื่มครั้งเดียว แล้วก็มูฟออน จากนั้นก็เดินต่อ ไม่กลับหันหลังแน่นอน!!!
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เพื่อนทั้งสองของฉันมาเร็วกว่าที่คิด
“ริน!!!” แพรวกับเหมยเรียก เสียงเรียกด้วยความเป็นห่วง ฉันฟังมันออก
ฉันเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์ ฉันไม่ได้ดูอะไรทั้งนั้น ฉันนั่งไล่ลบรูปของพี่วิน ลบมันออกให้หมด จะได้ไม่ต้องเห็นหน้า เห็นแล้วรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
ฉันว่างโทรศัพท์ลงทันที ที่ได้ยินเสียเพื่อนทั้งสองของฉัน ใบหน้าของฉันเป็นอย่างไรตอนนี้ฉันก็บรรยายไม่ถูก ให้เพื่อนทั้งสองของฉันอธิบายเอาเอง
เมื่อเพื่อนทั้งสองเห็นหน้าฉัน ตาที่บวมเป่ง ปากที่คว่ำลง ใบหน้าเหมือนเด็กที่ผ่านการเสียใจมายกใหญ่ พวกนางรีบวิ่งมาหาฉันที่ทำหน้าเหล่านั้นทันที
“แก!!! … เป็นอะไร บอกพวกกูมาเดี๋ยวนี้!” เพื่อนทั้งสองนั่งลงข้างๆ ประกบซ้ายคน ขวาคน
ฉันพูดอะไรไม่ออก ปากนี้ คว่ำลงมากกว่าเดิม แววตาของฉันตอนนี้จู่ๆ มันก็เอ่อล้นด้วยน้ำใสๆ จนเต็มเบ้าตาทั้งสองของฉันเรียบร้อย
ก่อนหน้านี้ ฉันบนในใจว่าทำไมถึงได้ร้องไห้น้อยจัง แต่พอมาตอนนี้ ตอนที่ฉันไม่อยากจะร้องไห้ แต่พอเห็นหน้าพวกนาง เพื่อนของฉัน ฉันกลับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
ฮือ ฮือ ฮือ .... เสียงสะอื้นไห้ของฉันเริ่มขึ้น
ฉันไม่เคยเล่าเรื่องที่พี่วินทำร้ายจิตใจของฉันให้พวกนางทั้งสองฟังมาก่อนเลย หากฉันบอกเรื่องที่ฉันพบเจอมาตลอดที่คบกับพี่วิน จะมีเพื่อนคนไหนรับได้บ้าง ฉันไม่ต้องการให้พวกนางทั้งสองเป็นห่วง จะไม่เคยที่จะเล่านักฟัง
เพื่อนทั้งสองของฉัน ใช้มือเขย่าที่แขนของฉันกันคนละข้าง “บอกมา!!! เกิดอะไรขึ้น!!!”
ฉันมองหน้าเพื่อนทั้งสองของฉัน ฉันตัดสินใจบอกออกไป “กูเลิกกับพี่วินแล้ว!!!” เพื่อนทั้งสองตาเบิกโพลง ตกใจ ทั้งสองไม่คาดคิดว่าจะเป็นอย่างนี้
“เกิดอะไรขึ้น! อีพี่วินทำอะไรแก!” แพรวแยกเขี้ยวมองฉันอย่างคาดขั้นขอคำตอบ ส่วนแพรวไม่ได้พูดอะไร ได้แต่บีบมือฉันเบาๆ เป็นการส่งกำลังใจ
พวกเราต่างมองหน้ากัน ส่งสายตาที่เป็นห่วงให้กันและกันออกมาแทนคำพูด เพื่อนกันไม่ต้องพูดอะไรมากก็เข้าใจภาษากายของกันและกันได้ไม่ยาก
ฉันยังไม่ได้เล่าอะไร มีเพียงแค่คำว่า //กูเลิกกับพี่วินแล้ว!!// น้ำตาฉันก็ไหลออกมาทันที น้ำตาที่ฉันพยายามกลั่นเอาไว้ตั้งแต่ที่ฉันเห็นหน้าเพื่อนทั้งสอง
เหมยกับแพรวกอดฉันเอาไว้ตรงกลางระหว่างพวกนาง พร้อมกับลูบหัว ลูบหลัง ของฉัน เหมือนเห็นฉันเป็นเด็กๆ ที่กำลังเสียใจอย่างสุกซึ้ง ฉันก็ปล่อยโฮแทบจะในทันที
“ริน!!! อย่าร้อง” เหมยเอ่ยขึ้น ซึ่งเป็นคำพูดที่สวนทางกลับแพรว “แก ... ร้องออกมาเถอะ ร้องเสร็จ จะได้ไม่ต้องเสียใจอีก!!!”
ฉันยิ่งปล่อยเสียงร้องไห้ดังมากขึ้น เมื่อได้ยินแพรวพูดออกมาอย่างนั้น “ยัยแพรวา!!! ...เห็นไหม ร้องไห้ใหญ่เลย ... โอ๋ๆๆๆ ....” เหมยเสียงดัง พร้อมทำตาดุใส่แพรว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ และปลอบเพื่อนต่อไป
//แพรวา คือชื่อเต็มของแพรว//
ฉัน ... ตอนนี้ ร้องไห้หนักกว่าตอนที่อยู่คอนโดพี่วินเสียอีก ร้องจนไม่สามารถร้องได้อีกแล้ว ตาบวมมากกว่าเดิม เพื่อนทั้งสองปลอบฉัน จนฉันสามารถกลับเข้าสู่โหมดปกติได้แล้ว
“ไหน! เกิดอะไรขึ้น เล่ามาให้หมดเลย!!!” แพรวตั้งคำถามทันทีที่เห็นฉันตั้งสติได้แล้ว
เมื่อฉันได้ระบายด้วยการร้องไห้ ฉันจึงเริ่มเล่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น พี่วินเป็นยังไง และเพราะอะไรฉันถึงได้เลิกกับเขา
“อือ พี่วินเขา ...บลา บลา บลา ...” ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา
“เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างนี้ล่ะ ... พวกแกว่าฉันโง่หรือเปล่าที่ทนเขาขนาดนี้” ฉันถามกลับถึงสิ่งที่ฉันทนทำไปตั้งแต่ที่คบผู้ชายคนนี้
“โง่!!!” แพรวโพล่งออกมา นางมองหน้าฉัน คำสั้นๆ ที่นางส่งเข้าหูของฉัน กระแทกสั้นกรามของฉันจนสั่น หน้าฉันนี้ชาเลยล่ะ
ฉันรู้!!!
โง่!!! คำนี้ชัด ชัดเสียยิ่งกว่าไอโฟนโปรแม๊กรุ่นล่าสุดที่ถ่ายหน้าฉันที่ไม่ต้องใช้โหมดความชัดในการถ่าย
“ยัยแพรว!!! แกจะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา” เหมยเพื่อนที่เป็นสายซับและปลอบ ทำตาดุใส่แพรว
“เอ่อๆ ... หากไม่ยอมเสียโง่ จะรู้ได้ไงว่าไอ้ผู้ชายชาติชั่วคนนั้นมันนิสัยเลวขนาดนี้!!!” แพรวโมโหอย่างสุด ไม่รู้จะสรรหาคำด่าอะไรออกมา ด่าเพื่อนไปแล้วต่อไปต้องด่าผู้!!!
แพรวเป็นคนตรงๆ แต่เป็นคนที่จริงใจ พูดตรงไปตรงมา ไม่มีอ้อม หรือจะเรียกว่า ดุดันไม่เกรงใจใคร กันแพรวานี่ล่ะ
“ใช่แล้วริน เป็นอย่างที่แพรวมันพูด แกทำเป็นโง่เฉยๆ ฉันรู้ ... แต่ไม่ได้โง่อย่างที่เป็น เพียงแค่แก่รักเขา ... ดีแล้ว ดีแล้ว ที่แกมูฟออนออกมาได้ ผู้ชายพันธุ์ทางอย่างนั้น หากเอามาทำพันธุ์ ตกนรกทั้งชาติเลยนะ” แพรวก็เป็นคนพูดตรงเช่นกัน เพียงแค่คำพูดของนางดูจะสุภาพกว่า แต่หากจับใจความได้ แม่ง!!! … มันคมกว่าใบมีดเสียอีก กรีดแต่ละที เล่นแล่ไปถึงกระดูก!!!
“อือ ... ขอบใจพวกแกมาก มีพวกแกกูรู้สึกดีขึ้นมาเป็นกองเลยล่ะ” ฉันกอดเพื่อนทั้งสองของฉัน
ตอนนี้ ฉันรู้สึกดีขึ้นมากจริงๆ เมื่อมีพวกนางทั้งสองที่คอยเป็นกำลังใจ
“วันนี้ พวกแกดื่มเป็นเพื่อนฉัน ...” ฉันชูแก้วที่มีแอลกอฮอล์เพียวๆ ขึ้น มองไปยังเพื่อนทั้งสอง
แพรว และเหมย ยกแก้วชูขึ้นพร้อมกัน จากนั้นแก้วสามใบก็ชนกัน พร้อมเสียงที่ดังออกมา
“ไม่เมาไม่กลับ!!!”
